หัวข้อ: ผูกข้อต่อแขน สู่ขวัญหลายพันปี เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 04, 2023, 06:25:15 am (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/สุจิตต์-2237.jpg)
ผูกข้อต่อแขน สู่ขวัญหลายพันปี สู่ขวัญ (ทำขวัญ) ตามประเพณี โดยเฉพาะที่เป็นพิธีส่วนบุคคลซึ่งพบทั่วไป เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายต้องมีผูกข้อมือด้วยเส้นฝ้ายหรือด้ายดิบ ถ้าผู้ผูกข้อมือมีหลายคน เส้นฝ้าย-ด้ายดิบก็มีหลายเส้นซ้อนกันเป็นแผง ตั้งแต่ข้อมือถึงแขนหรือข้อศอก จึงมีคำเรียกในวัฒนธรรมลาวว่า “ผูกข้อต่อแขน” หมายถึงผูกข้อมือล้นถึงแขน ซึ่งพบเก่าสุดขณะนี้ราว 2,500 ปีมาแล้ว ดังนี้ (1.) พิธีสู่ขวัญเป็นความเชื่อเรื่องขวัญทางศาสนาผี พบทั่วไปในอุษาคเนย์มากกว่า 2,500 ปีมาแล้ว (2.) เส้นฝ้ายหรือด้ายดิบใช้ผูกข้อมือ เป็นอย่างเดียวกับฝ้ายที่ใช้ทอผ้าซึ่งพบเศษผ้าในหลุมฝังศพราว 2,500 ปีมาแล้ว (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/681-1.jpg) ขวัญและสายขวัญ สัญลักษณ์ชนชั้นนำ (ซ้าย) โครงกระดูก 2,500 ปีมาแล้ว ที่ข้อมือขวาสวมกำไลขอบหยักๆ ขุดพบที่บ้านโคกพลับ ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/684-1.jpg) วัตถุคล้ายกำไลมีขอบหยักๆ ทำจากกระดองเต่า หรือกระดองตะพาบ และหิน (ควอทไซท์?) ขุดพบที่บ้านโคกพลับ ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี (ภาพจากหนังสือ ราชบุรี กรมศิลปากรพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ.2534 หน้า 70) (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/687.jpg) ดินเผาคล้ายกำไลมีขอบหยักๆ ขุดพบที่อีสาน (ไม่รู้รายละเอียด) สายขวัญ เส้นฝ้ายหรือด้ายดิบที่ผูกข้อมือเป็นสัญลักษณ์ของสายขวัญ คือสายคล้องขวัญของคนเข้าด้วยกันให้สิงร่างอย่างมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยไม่หลุดหายจากร่างทั้งนี้ มีเหตุจากความเชื่อว่าแต่ละคนมีขวัญมากกว่าหนึ่ง ซึ่งในบางกลุ่มชนเชื่อว่าแต่ละคนมีขวัญรวมมากกว่า 80 อยู่ข้างหน้า 50 อยู่ข้างหลัง 30 (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/689.jpg) ขวัญรูปร่างทรงกลมมีแฉกเหมือนโคนเส้นผมบนกลางกระหม่อมของคน (ซ้าย) ปุ่มนูนมีหลายแฉกเป็นรูปจอมขวัญ อยู่กึ่งกลางหน้ากลองทอง (มโหระทึก) ราว 2,500 ปีมาแล้ว [ภาพกลองทอง (มโหระทึก) พบที่ม่อนวัดเกษมจิตตาราม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร] ขวัญสำคัญที่สุดของทุกคนเรียกจอมขวัญ ซึ่งสิงในกะโหลกบนหัวกบาลตรงกลางกระหม่อมบริเวณโคนเส้นผมขึ้นชนกันเป็นวงเหมือนก้นหอย เป็นต้นแบบปุ่มนูนมีแฉกบนหน้ากลองทอง (มโหระทึก) และลายมีแฉกหม้อบ้านเชียง ขวัญไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น แต่เคลื่อนไหวได้ ลักษณะเป็นหน่วย มีหลายหน่วย แต่ละหน่วยสิงสู่อยู่กระจายตามส่วนต่างๆ ของคน, สัตว์, พืช, สิ่งของ, อาคารสถานที่ เป็นต้น (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/685-1.jpg) ขวัญรูปกลมมีขอบเป็นหยักๆ ในจินตนาการของคนดึกดำบรรพ์ 2,500 ปีมาแล้ว พบมากบนลายเขียนสีบนหม้อบ้านเชียง (ลายเส้นจากหนังสือ วัฒนธรรมบ้านเชียง โดย ชิน อยู่ดี กรมศิลปากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2515) (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/686-1.jpg) ขวัญรูปกลมมีขอบเป็นหยักๆ ในจินตนาการของคนดึกดำบรรพ์ 2,500 ปีมาแล้ว พบมากบนลายเขียนสีบนหม้อบ้านเชียง (ลายเส้นจากหนังสือ วัฒนธรรมบ้านเชียง โดย ชิน อยู่ดี กรมศิลปากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2515) แต่จินตนาการของคนหลายพันปีมาแล้ว ขวัญรูปร่างกลม หรือกลมรี มีหลายระดับชนชั้นนำ ขวัญทรงกลม มีหยักเป็นแฉกหลายแฉก ทำด้วยวัตถุมีค่า เครือญาติชนชั้นนำ ขวัญทรงกลมเกลี้ยงๆ (ไม่มีหยัก) ทำด้วยโลหะ หรือดินเผา @@@@@@@ หลังความตาย พิธีกรรมหลังความตายเป็นไปตามความเชื่อว่าคนตาย ส่วนขวัญไม่ตาย เพราะขวัญยังเคลื่อนไหวตามปกติเหมือนไม่ตาย แต่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น ดังนั้น พิธีกรรมหลังความตายมี 2 ระดับ คือ ระดับชาวบ้านกับระดับชนชั้นนำ (1.) ระดับชาวบ้านทั่วไป เมื่อมีคนตายไม่ฝังดิน เพราะไม่มีสมบัติสิ่งของมีค่า จึงมีพิธีทำขวัญคนตายอย่างง่ายๆ แล้วเอาศพให้แร้งกาจิกกิน เพราะแร้งกามีปีกบินได้จะนำพาขวัญของคนตายไปสู่ที่ปลอดภัย (2.) ระดับชนชั้นนำ หัวหน้าเผ่าพันธุ์และโคตรตระกูลชนชั้นนำซึ่งมีบ่าวไพร่บริวาร จึงมีพิธีกรรมหลังความตายใหญ่โตอลังการ ได้แก่ ฝังศพลานกลางบ้านและสร้าง “เฮือนแฮ้ว” คร่อมหลุมฝังศพเป็นที่ให้ขวัญสิงสู่อยู่อาศัย, ดีดสีตีเป่าร้องรำทำเพลงเรียกขวัญ และส่งขวัญขึ้นฟ้าเพื่อรวมพลังเป็นผีฟ้า เป็นต้น (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/683-1.jpg) ผูกข้อมือด้วยเส้นฝ้าย-ด้ายดิบ พิธีสู่ขวัญครูสุรินทร์ ภาคสิริ ครูเพลงอาวุโส ที่นครราชสีมา พ.ศ.2560 (ภาพและคำอธิบายโดย ยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ ร้อยเอ็ด) หลุมศพชนชั้นนำ หลุมศพชนชั้นนำ นอกจากร่างคนตายแล้ว ยังมีสิ่งของมีค่ากับสัญลักษณ์สายขวัญ ฝังรวมด้วย (1.) สิ่งของมีค่า ชนชั้นนำเมื่อยังไม่ตาย มีเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นของมีค่าซึ่งมีเทคโนโลยีสูง ครั้นตายไปก็เอาสิ่งของเหล่านั้นฝังรวมกับศพด้วย ทั้งนี้ เป็นไปตามความเชื่อว่าขวัญไม่ตาย แต่มีวิถีปกติ เพียงจับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น และต้องมีสิ่งของเครื่องใช้ปกติเหมือนยังไม่ตาย (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/688-1.jpg) หญิงเผ่าละเวนในลาว สวมกำไลหลายวงซ้อนเป็นแผงเต็มแขน [ภาพโดยชาวยุโรป เมื่อ พ.ศ.2453 (ค.ศ.1910)] (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/06/682-2.jpg) สายขวัญของชนชั้นนำทำด้วยโลหะ แต่ของชาวบ้านทำจากเส้นฝ้าย-ด้ายดิบ (2.) สัญลักษณ์สายขวัญ ทำจากวัสดุมีค่า เช่น กระดองเต่า, กระดองตะพาบ, หินหายาก, โลหะ เป็นต้น มีทั้งทรงกลมมีขอบเป็นหยักๆ และทรงกลมรูปกำไลไม่มีหยัก แล้วสวมข้อมือหรือข้อเท้าคนตาย เสมือนผูกข้อมือในพิธีสู่ขวัญปกติเพื่อเชิญขวัญสิงร่างคนตายจะได้ฟื้นคืนชีวิต อีกแบบหนึ่งของสัญลักษณ์สายขวัญ ได้แก่ วัตถุทรงกลมแบน มีขอบนอกเป็นหยัก (คล้ายกงจักร) แล้วเจาะกลางกลวงกว้าง (คล้ายกำไล) ขุดพบสภาพเดิมคล้องข้อมือข้างขวาของโครงกระดูกศพมนุษย์ 2 โครง ซึ่งฝังดินราว 2,500 ปีมาแล้ว บริเวณที่ราบลุ่มต่ำบ้านโคกพลับ ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี [จากรายงาน “การฏิบัติงานขุดสำรวจแหล่งโบราณคดีที่โคกพลับ จังหวัดราชบุรี” ของ สด แดงเอียด พิมพ์ในนิตยสาร ศิลปากร (ปีที่ 22 เล่มที่ 4) พ.ศ.2521 หน้า 22-30] • ขอขอบคุณ :- ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2566 คอลัมน์ : สุจิตต์ วงษ์เทศ เผยแพร่ : วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2566 website : https://www.matichonweekly.com/column/article_688228 (https://www.matichonweekly.com/column/article_688228) |