หัวข้อ: ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 07, 2011, 08:26:29 pm ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่ากัน (http://i1045.photobucket.com/albums/b453/alongkot_r/010653/f32.jpg) ในเทวภูมิมีพระอริยบุคคลมากกว่ามนุษยภูมิ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อแสดงธรรมแต่ละครั้งมีเทวดาฟังธรรมและบรรลุเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเทวดาที่ฟังธรรมแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบันและพระสกทาคามี มีเป็นจำนวนมาก ส่วนที่บรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคล เมื่อหมดอายุขัยจากเทวดาแล้วก็จะไปบังเกิดในพรหมภูมิ ส่วนที่บรรลุเป็นพระอรหันต์เมื่อหมดอายุขัยแล้วก็ปรินิพพานไม่มีการเกิดอีก การที่พระอริยบุคคลในมนุษยโลกมีน้อยกว่าในเทวโลก เพราะบุคคลที่นับถือพระพุทธศาสนาในมนุษยโลกนี้ มีความสนใจในการปฏิบัติวิปัสสนาน้อย และยิ่งในปัจจุบันมนุษยโลกเข้าสู่กลียุค คือ มีสัปบุรุษ (คนดี)อยู่เพียง ๑ใน ๔ ส่วน นอกนั้นเป็นอสัปบุรุษ (คนพาล) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่สนใจเรื่องปริยัติและปฏิบัติ จึงขาดความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา ไม่อาจนำตนให้พ้นจากปุถุชนไปสู่อริยบุคคลได้ ฉะนั้น การจะเข้าถึงความเป็นพระอริยบุคคล ต้องมีคุณธรรม ๗ ประการ คือ ๑. ต้องเป็นติเหตุกบุคคล(อ่านว่า ติ-เห-ตุ-กะ-บุค-คล) คือ บุคคลที่เกิดมาประกอบด้วยเหตุ ๓ คือ - อโลภะ - อโทสะ - อโมหะ อันเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมด้วยปัญญา ๒. เคยสร้างปัญญาบารมีในการเจริญวิปัสสนามาแต่ชาติก่อน ๓. ขวนขวายในการเจริญวิปัสสนาในปัจจุบันชาติ ๔. วิธีการเจริญวิปัสสนาถูกต้องตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๕. สถานที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติ ๖. ไม่มีความกังวลใดๆ ในปลิโพธิ ๑๐ ประการ คือ - กังวลเรื่องที่อยู่ - กังวลเรื่องตระกูล - กังวลเรื่องลาภสักการะ - กังวลเรื่องหมู่คณะ - กังวลเรื่องนวกรรม(งานก่อสร้าง) - กังวลเรื่องการเดินทาง - กังวลเรื่องญาติ - กังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ - กังวลเรื่องการเล่าเรียน - กังวลเรื่องการแสดงอิทธิฤทธิ์ ๗. มีเวลาในการปฏิบัติอันสมควร (http://www.84000.org/tipitaka/picture/p63.jpg) ที่มา บทเรียนชุดที่ ๖.๒ เรื่อง ภพภูมิ ๓๑ หนังสืออ้างอิง ๑. ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ๒. ภูมิจตุกกะและปฏิสนธิจตุกกะ ปริจเฉทที่ ๕ เล่มที่ ๑ ; ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมมัตถสังคหฎีกา ; พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย http://www.abhidhamonline.org/ (http://www.abhidhamonline.org/) หัวข้อ: Re: ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: nongmai-new ที่ มีนาคม 07, 2011, 08:50:43 pm อ่านเรื่องนี้แล้ว เหมือนจะยืนยันว่า เทวดานั้นบรรลุธรรม เป็นพระอริยะบุคคลมากมายจริง ๆ ว่าแต่ เทวดา ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ นั้นจำเป็นต้องบวชด้วยหรือไม่ครับ หรือเป็นบรรพชิต โดยธรรมชาติ
ผมเองเคยคิดเหมือนกันว่า เมื่อเทวดาบรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วในเทวโลก ต้องกราบทูลขออุปสมบถกับพระพุทธเจ้าหรือไม่ หรือบรรลุแล้วจะทำอย่างไร นิพพานอย่างไร มีพระสูตรกล่าวเรื่องเทวดา บรรลุธรรมในเทวโลก ต้องปฏิบัติอย่างไร ( อาจจะมองว่าถามไปทำไมไม่ได้เป็นเทวดากันจะรู้ไปทำไม ) ขอให้เป็น ธรรมสากัจฉา กัน ดีกว่าครับ เผื่อใครจะมีความรู้หลักฐาน มุมมองตรงนี้ หรือรู้มาเล่าให้ทราบกันไว้ เพื่อพอกพูนศรัทธาในธรรม ให้มั่นคง ยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ :25: หัวข้อ: Re: ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 08, 2011, 12:01:46 pm (http://www.84000.org/tipitaka/picture/p63.jpg) ภาพที่ ๖๓ แล้วเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพระพุทธมารดา ภายหลังทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์เสร็จสิ้น จนพวกเดียรถีย์ที่มาท้าแข่งพ่ายแพ้ไปแล้ว พระ พุทธเจ้าทรงมีพุทธดำริถึงจารีตธรรมเนียมของบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายในปางก่อนว่า เมื่อทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์แล้ว เสด็จทรงจำพรรษา ณ ที่ใด ก็ทรงทราบได้ด้วยพุทธญาณว่าทรงจำพรรษาที่สวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ ปฐมสมโพธิลำดับการเสด็จจำพรรษาของพระพุทธเจ้าไว้ว่า ในพรรษาที่ ๗ (นับแต่ตรัสรู้ เป็นต้นมา) ได้เสด็จจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามนิยายท้องเรื่องทั้งจากปฐมสมโพธิ และข้อเขียนโดยนักเขียนทางศาสนาพุทธอื่นๆ ยุค หลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว ที่เรียกกันว่า 'อรรถกถา' กล่าวตรงกันว่า เหตุที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรร ษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เพราะทรงต้องการจะแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา คือ พระนางสิริมหามายา ซึ่งเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว เสด็จบังเกิดที่สวรรค์ชั้นดุสิต พระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาที่โคนต้นปาริฉัตร ต้นไม้สวรรค์ มีผู้แปลกันว่า ได้แก่ ต้นทองหลาง ผิดถูกอย่างไรไม่ทราบ ภายใต้ต้นไม้สวรรค์นี้มีแท่นแผ่นหิน ปูลาดด้วยผ้ากัมพลสีแดง เรียก ว่า 'บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์' พระอินทร์จอมเทพได้ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาทรงจำพรรษาที่นี้ ก็ทรงป่าวประ กาศหมู่เทพยดาในสรวงสวรรค์ให้มาร่วมชุมนุม เพื่อฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฐมสมโพธิว่า เสียงป่าวประ กาศของพระอินทร์นั้น ดังปกแผ่ทั่วไปในสกลเทพยธานีทั้งหมื่นโยชน์ เทพเจ้าทั้งปวงได้สดับก็บังเกิดโสม นัสพิศวง ต่างองค์ร้องเรียกซึ่งกันและกันต่อๆ กันไปจนตลอดถึงหมื่นจักรวาล แม้พระนางสิริมหามายาพุทธมารดา ซึ่งทรงอยู่ในเพศเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตก็ได้เสด็จ มาฟังธรรมพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดาตลอดพรรษา พุทธมารดาได้ สดับแล้วทรงบรรลุโสดาปัตติผลในที่สุด ส่วนเทพนอกนั้นอีกจำนวนมาก ได้บรรลุมรรคผลตามสมควร อุปนิสัยแห่งตน ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/picture/f63.html (http://www.84000.org/tipitaka/picture/f63.html) หัวข้อ: Re: ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่ากัน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 08, 2011, 12:36:50 pm อ่านเรื่องนี้แล้ว เหมือนจะยืนยันว่า เทวดานั้นบรรลุธรรม เป็นพระอริยะบุคคลมากมายจริง ๆ ว่าแต่ เทวดา ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ นั้นจำเป็นต้องบวชด้วยหรือไม่ครับ หรือเป็นบรรพชิต โดยธรรมชาติ เทวดา ที่บรรลุอรหัตผลแล้ว กายทิพย์จะเปลี่ยนเป็นสีแก้วใสระยิบระยับ จะมีวิมานอยู่ถัดจากพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ไม่สูญสลายหายไปไหนหรอกครับ ลองเปรียบเทียบกับขันธ์ ๕ ของมนุษย์นะครับ ถ้าคิดว่าพระอรหันต์ตายแล้วขาดสูญ พอตายปั๊บ! จิตกายทิพย์ก็สูญหายไปเลย หมายความว่าพระอรหันต์จะมีกายทิพย์ไม่ได้ งั้น! เทวดาพรหมที่ไม่มีกายหยาบ พอบรรลุพระนิพพานแล้ว ก็จะไม่มีใครได้ชมโฉมของพระอรหันต์เลยครับ เพราะสูญไปเลยนี่ใช่ไหมครับ ไม่มีอะไรที่จะทำให้จิตสูญไปได้หรอก เพราะจิตนั้นหลุดพ้นไปแล้ว พระสารีบุตร:-ท่านยมกได้ยินว่าท่านกล่าวคำอันลากว่าพระอรหันต์ตายแล้วขาดสูญ หรือ? (http://board.palungjit.com/f4/ (http://board.palungjit.com/f4/)พระสารีบุตร-ท่านยมกได้ยินว่าท่านกล่าวคำ อันลากว่าพระอรหันต์ตายแล้วขาดสูญหรือ-236671.html) ที่มา http://board.palungjit.com/archive/t-236679.html (http://board.palungjit.com/archive/t-236679.html) การบรรลุพระอรหัตของเทวดา [อรรถกถาเตวิชชวัจฉสูตรที่ ๑] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 445 บทว่า นตฺถิ โข วจฺฉ ดูก่อนวัจฉะ ไม่มีเลย คือ ผู้ยังไม่ละ คิหิสังโยชน์ ชื่อว่าจะทำที่สุดทุกข์ย่อมไม่มี.แม้บุคคลเหล่าใดดำรงเพศคฤหัสถ์ คือ สันตติมหาอำมาตย์ อุคคเสนะ เศรษฐีบุตร วีตโสกธารกะ ก็บรรลุ พระอรหัตได้. แม้บุคคลเหล่านั้น ก็ยังความใคร่ในสังขารทั้งปวงให้แห้งไป ด้วยมรรคแล้วบรรลุได้. แต่เมื่อบรรลุแล้วก็ไม่ตั้งอยู่ด้วยเพศนั้น. ชื่อว่าเพศ คฤหัสถ์นี้เลว ไม่สามารถทรงคุณอันสูงสุดไว้ได้. เพราะฉะนั้น ผู้ตั้งอยู่ในเพศ คฤหัสถ์นั้นบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมบวช หรือปรินิพพานในวันนั้นเอง แต่ภุมมเทวดายังดำรงอยู่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะมีโอกาสที่จะแฝงตัวอยู่ได้. ในกามภพที่เหลือ พระอริยบุคคล ๓ จำพวกมีพระโสดาบันเป็นต้น ยัง ดำรงอยู่ได้ในมนุษยโลก. ในกามาวจรเทวโลก พระโสดาบันและพระสกทาคามี ยังดำรงอยู่ได้. แต่พระอนาคามีและพระขีณาสพจะดำรงอยู่ในกามาวจรเทวโลก นี้ไม่ได้. เพราะเหตุไร. เพราะที่นั้นมิใช่เป็นที่อยู่ของชนผู้ละอายแล้ว. และที่ นั้นมิใช่เป็นที่ปกปิดที่สมควรแก่ วิเวกของพระขีณาสพเหล่านั้น. ที่มา http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=13570 (http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=13570) มนุษย์เวลาบรรลุอรหันต์ ต้องขอบวช ถ้าไม่บวช จะต้องปรินิพพานวันนั้นเลย เทวดาไม่มีขันธ์อย่างมนุษย์ แต่มีกายทิพย์ เมื่อบรรลุอรหันต์ ไม่จำเป็นต้องขอบวชครับ ;) :s_good: :25: |