หัวข้อ: นังแมว กรรมทันตา เริ่มหัวข้อโดย: aom-jai ที่ มีนาคม 10, 2011, 04:15:23 pm นังแมว
สวัสดีครับ..... แหม...ไม่ได้คุยกันตั้งนาน...คิดถึง วันนี้ พอจะว่างบ้างเลยอยากเล่าถึง เด็กสาวคนหนึ่งชื่อ...แมว ประมาณปี 2540 สมัยที่ผมยังเป็นเซลส์ขายรถ อยู่ที่นิสสันพระประแดง มีเซลส์ที่อยู่มาก่อนหลายคน ซึ่งก็จะมีผู้ชายซัก 5 คน และผู้หญิง 4 คนได้มั๊ง มีเซลส์เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุ ประมาณ 25 ปี ชื่อ...แมว...แต่ผมชอบเรียกเธอว่า...นังแมว ก็ไม่เด็กแล้ว เพราะมีลูกสาว 2 คน คนโตดูเหมือน 7 ขวบได้ อันที่จริง...นังแมว นี่เป็นคนสวยทีเดียวแหละ สวยแบบสาวมอญ เพราะเธอเป็นเชื้อสายมอญพระประแดงแท้ ๆ ตาโต ผิวคล้ำนิดๆ รูปร่างดีเชียว ตอนที่ผมเจอ นังน้องแมว แรกๆ ก็รู้สึกว่าเป็นคนขยัน น่ารักดี แต่ออกจะแปลก ๆ... ออกแนวมีลับลมคมนัยพิลึก...ชอบซุบซิบ...ซุบซิบ คุยกับเพื่อนเซลส์ผู้หญิงด้วยกัน ต่อมาภายหลังถึงได้รู้ว่า เธอมีหนี้สินมากมาย อีรุงตุงนังไปหมด เจ้าหนี้ไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย เวลาเจ้าหนี้มาทวงเงินถึงโชว์รูม โกลาหลดีพิลึก น่าสงสาร นังแมว...เธอต้องเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำ หรือหลบอยู่ใต้โต๊ะ...เป็นชั่วโมง...ชั่วโมง... ทุกครั้งผมเห็นแล้วก็อ่อนใจ แต่ไม่กล้ายุ่ง...เพราะยังไม่สนิทกันมาก อีกอย่าง ในเวลานั้นผมเองก็วิ่งวุ่นหาเงินใช้หนี้อุตลุดอยู่เหมือนกัน ผมไม่ค่อยได้อยู่ติดโชว์รูม ออกไปตระเวนหาลูกค้าทุกวัน อ้อ...ภรรยาผมก็ไปด้วยกันทุกวัน สองคนผัวเมียช่วยกันหาเงิน เวลาที่ผมเข้ามาเคลียร์งาน ภรรยาก็จะนั่งคอยในรถซะเป็นส่วนใหญ่ พอนาน ๆ เข้า นังแมวก็ชอบไปนั่งคุยกับภรรยาผม...บอกเห็นสองคนผัวเมียช่วยกันหากินแล้วอิจฉา ทั้งยังปรับทุกข์ให้ฟังว่า ตั้งแต่เรียน ร.ร.พาณิชย์ ก็มีแฟนเป็นเด็กช่างกลคนหนึ่ง ท่าทางขยันดีเหมือนกับเธอ พอจบ ปวช. ก็รีบแต่งงานแล้วมาอยู่ที่บ้านผู้ชายด้วยกัน แฟนก็ไปทำงานโรงกลึง เป็นช่างกลึง ส่วนเธอก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัท จนมีลูกสาว 2 คน เลยต้องออก พอลูกโตหน่อยก็มาสมัครเป็นเซลส์ขายรถ ซึ่งในยุคนั้นรายได้ดีมาก หาเงินได้เดือนละหลายหมื่นทีเดียว ทุกอย่างน่าจะไปได้ดี...แต่แฟนหนุ่มดันไปติดยาบ้า จากพวกเพื่อนในโรงกลึง ติดมากขึ้นจนทำงานไม่ได้ ถูกไล่ออกมาอยู่บ้านเฉย ๆ ฝ่ายเมียก็พยายามขอให้เลิก พาไปรักษาสารพัด ก็ดีขึ้นหน่อย ต่อมา แฟนหนุ่มก็อยากจะทำโรงกลึงเองที่บ้าน นังแมว เป็นคนขยันหากินอยู่แล้ว ทั้งอยากให้แฟนมีกำลังใจก็เอาด้วยทุกอย่าง พากันไปกู้เงินธนาคาร เอาบ้านไปจำนอง ซื้อเครื่องกลึง ทั้งปรับปรุงบ้านให้เป็นโรงกลึงเล็ก ๆ แฟนหนุ่มก็กระชุ่มกระชวย ขยันดี ค่อยๆ เลิกยาบ้าได้ งานกลึงเริ่มดี ก็ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม ซื้อรถกระบะป้ายแดงมาใช้งาน ...กู้ทางโน้น ยืมทางนี้ยุ่งไปหมด ช่วงก่อนปี 40 ก่อนฟองสบู่แตก ทุกอย่างไปได้สวย ถึงจะมีหนี้หลายทาง แต่หมุนไปได้สบายมาก ทั้งงานกลึง ทั้งขายรถ แต่...พอช่วงวิกฤต ฟองสบู่แตก...รายได้ทุกอย่างก็สูญสลาย แต่ที่ยังคงอยู่ไม่มีตก...คือ เจ้าหนี้ และ กองหนี้ แฟนหนุ่มก็กลุ้มใจ สุดท้ายหันไปติดยาบ้าอีก...เฮ้อ จากเสพน้อยๆ แก้กลุ้ม ก็กลายเป็นมากขึ้น...มากขึ้น ถึงขั้นอาละวาด บ่อยครั้งที่ลงมือทุบตี หรือใช้มีดขู่เอาเงินไปซื้อยาบ้า ทางฝ่าย นังแมว ก็ขายรถไม่ได้ เพราะช่วงนั้นไม่มีคนซื้อ ไม่มียอดขายแทบจะถูกไล่ออกเหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อยๆ เหมือนตกนรกเข้าไปทุกที ผัวก็ติดยาบ้า อาละวาดทุกวัน...เจ้าหนี้ก็มารุมยึดทุกอย่าง ทั้งเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และทุกอย่างที่มี ลูกสาว 2 คนก็ยังเล็กต้องกิน ต้องใช้ ต้องไปโรงเรียน อีกอย่างที่ผมเห็นประจำ คือ คนที่บ้านไอ้น้องแมว วิ่งมาบอกว่า ถูกตัดน้ำ ถูกตัดไฟ เห็นบ่อยมาก...ก... แถมมีคนใจร้ายจะมาบังคับให้ขายยาบ้าด้วยอีกแน่ะ เธอเล่าให้ภรรยาผมฟังว่า...ถ้าไม่ติดเพราะลูก คงฆ่าตัวตายไปหลายครั้งแล้ว ทุกๆ วันก็ไม่กล้าร้องไห้ ให้ลูกเห็น ต้องทำเป็นเข้มแข็ง คอยปกป้องลูกไว้ แล้วมาร้องไห้ที่ในส้วมที่โชว์รูมแทน....โธ่...ชีวิต เหตุการณ์ผ่านไปเป็นปี...ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น วันหนึ่ง ผมนอนดูเคเบิ้ลทีวี มีหนังฝรั่งจำชื่อเรื่องไม่ได้ พูดถึงตัวเอก เป็นเด็กนักเรียนชาย น่าจะอายุซัก 12 ขวบ ครูประจำชั้นได้ให้การบ้าน ให้ไปคิดโครงการทำประโยชน์เพื่อสังคมมาคนละอย่าง เด็กนักเรียนคนอื่น ก็คิดทำเรื่อง เก็บขยะ รีไซเคิ้ล ประหยัดไฟฟ้า อะไรพวกนี้แหละ แต่พระเอกเด็กน้อยของเรา คิดโครงการช่วยเหลือคน แบบ.... .....คน 1 คน ช่วยคน 3 คน.... แล้วให้คนที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทั้ง 3 คน ไปช่วยคนอื่นต่อ อีกคนละ 3 คน .... ฟังแล้ว งง มั๊ยครับ คือเหมือน แชร์ลูกโซ่ หรือ การสร้างเครือข่าย อะไรประมาณนี้ แบบ 1 ต่อ 3 น่ะ แต่มีข้อแม้ว่า # 1 ต้องทำสิ่งที่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง # 2 ต้องเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง # 3 เราทำให้พวกเขา, พวกเขาทำต่อให้คนอื่นอีกสามคน ในหนังเรื่องนี้ พระเอกเด็กน้อยของเรา ก็พรีเซนท์แนวคิดนี้หน้าห้องเรียน ครูก็ยังติว่า มันจะทำได้จริงเหรอ...แต่ก็ชื่นชมว่าไอ้แนวคิด ทฤษฎีมันก็โอเค.นะ แต่จะทำได้จริงเหรอ พระเอกอายุ 12 ก็เลยลองไปมองหา คนที่คิดว่าน่าจะช่วย... ไปเจอเอาหนุ่มขี้เมา ตกงาน ท้อแท้ชีวิต เข้าคนหนึ่ง ก็พยายาม พากลับมาบ้าน ให้อาบน้ำอาบท่า ให้กินข้าวกินอาหาร และพยายามหาเสื้อผ้าให้...แถมสอนให้ไปหางานทำอีกแน่ะ แต่ในที่สุด ไอ้หนุ่มคนนั้นก็กลับไปกินเหล้ากับเพื่อนอีกจนได้...ล้มเหลว ถึงจะล้มเหลว แต่ก็ไม่ท้อนะ...กลับมาคิดได้ว่า อาจจะทำเรื่องใหญ่เกินไปหน่อย ไกลตัวไปนิด ลองใหม่ มาดูรายต่อไป เอาใกล้ตัว ยาย...ติดเหล้า โกรธกับแม่ ถึงขนาดหนีออกจากบ้านไม่ยอมพูดกันมาหลายปีแล้ว ฝ่ายแม่...ก็เป็นม่าย ทำแต่งาน กับเลี้ยงลูกจนไม่มีเวลาหาผู้ชายดีๆ เอ...ผู้ชายดี ๆ มองไปมองมา ครูประจำชั้นก็เป็นพ่อม่ายเหมือนกัน นิสัยดี แต่ขี้เหร่ไปหน่อย....เข้าท่าแฮะ พระเอกเด็กน้อยของเรา ก็เริ่มพูดชมครูให้แม่ฟัง และพูดชมแม่ให้ครูฟังเหมือนกัน จนสุดท้ายหาทางนัดให้ไปกินข้าวกัน จากนั้น ก็ไปตามยาย...บอกแม่คิดถึง ถ้ามีเวลาให้ไปหาบ้างนะ... เรื่องมันก็อีรุงตุงนังกันไป แต่สุดท้าย ยายก็กลับมา ครูก็เลิกเป็นม่าย แม่ก็แฮปปี้ได้ทั้งคืนดีกับยาย และได้ผู้ชาย ดี..ดี..สมใจ แต่ไอ้หนุ่มขี้เมา เคสแรก...วันหนึ่งก็คิดได้ อายเด็ก อายตัวเอง จนเลิกเหล้า หนีเพื่อนไปหางานทำที่เมืองอื่น ขณะที่เดินหางาน ก็ยังได้ไปช่วยชีวิตผู้หญิงที่กำลังจะฆ่าตัวตายอยู่รอมร่อ เพราะเหตุผลแค่ว่า...เคยมีคนพยายามช่วยเขา เมื่อมีโอกาส เขาก็ต้องช่วยคนอื่นตอบแทน อีก 3 คน ทฤษฎี แนวคิด นี้ได้แพร่กระจาย ปากต่อปากออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบางคนที่พอมีกำลัง ได้ยินแล้วก็หัดช่วยคนอื่นๆ เหมือนกัน หนังมันดีมากเลย...จำได้แต่ว่า ดูไปน้ำตาไหลไป วันต่อมาผมไปทำงานแต่เช้า เจอนังน้องแมว หลบอยู่ในห้องน้ำ ผมก็คิดนะ...เอาวะ ลองช่วยมันดูหน่อยซิ แล้วผมก็เรียก นังน้องแมว มาถามเรื่องราวทั้งหมด... ได้ความว่า รถกระบะที่ใช้อยู่ไม่ได้ผ่อนมาเกือบ 10 งวด ไม่รู้รอดมาได้ยังไง แต่เช้านี้ พนักงานยึดรถมาเจอเข้าจนได้ คอยดักอยู่หน้าโชว์รูม จะเอารถไปให้ได้ ผมเลยโทร.ไปถามยอดค้าง ยอดเคลียร์หนี้เก่า...แล้วไล่พนักงานยึดรถกลับไป มีเอ็ดตะโร ทำท่านักเลง แทบวางมวยกันเชียวแหละ อีกวันก็ไปจ่ายหนี้ค้าง แล้วเอารถไปซ่อมสี ซ่อมเครื่อง...จนสุดท้ายก็ขายไปจนได้ จากนั้นก็ช่วยกันคิดวิธีเคลียร์หนี้ด่วนๆ ให้พอประทังไปได้ระยะหนึ่ง เรื่องลูก เรื่องผัวติดยาบ้า ก็ให้ค่อยๆ คิดดูจะเอายังไง อยู่ต่อไปอย่างนี้ ซักวันมันต้องเมายาเอามีดปาดคอ ทั้งลูก ทั้งเธอแน่นอน บ้านที่อยู่ถ้าไม่ไหว ไปไม่รอด ก็รีบพาลูกกลับไปอยู่กับแม่ตัวเองซะเถอะ ให้ไอ้ผัวติดยามันรับกรรมของมันเอง...วันนี้เธอมีหน้าที่ปกป้องลูกให้ได้ซะก่อน แค่นี้ก็แย่แล้ว ในที่สุด นังน้องแมว ก็แอบพาลูกทั้ง 2 คน กลับไปอาศัยอยู่บ้านแม่ ย้ายโรงเรียน กันวุ่นวาย ปล่อยให้บ้านถูกยึดไป ผัวก็อาละวาดจนถูกตำรวจจับไป พอเรื่องต่างๆ ค่อยสงบลง ผมก็เรียกมาคุย... บอกว่า ถ้าอยากมีความสุข หมดหนี้หมดสิน แต่ต้องเลิกโกหก แล้วถือศีลห้า จะเอามั๊ย... นังแมว บอก...ถ้าหมดหนี้สิน ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ผมก็เลยเล่าเรื่องที่ผม อธิษฐานกับฟ้าดิน ให้ฟัง ท่านที่ยังไม่เคยอ่าน ลองไปหาดูเรื่อง...อธิษฐานหนีกรรม...นะครับ แล้วผมก็กำชับหนักหนา ว่าให้ลองตัดสินใจให้ดีซะก่อน จะสัญญาอะไรน่ะ พูดพล่อยๆ สัญญาแล้วทำไม่ได้ เขาเอาตายนะโว้ย.... เหตุการณ์ต่อมา ผมก็มัวแต่ยุ่งขายรถ จนได้เป็นผู้จัดการตามที่เคยเล่าไปแล้ว จำได้ว่าไม่นาน นังแมว ก็ดีขึ้นมาก แล้วก็ลาออกไปไม่เจอกันนานเชียวแหละ วันหนึ่ง โผล่มาหาผม เล่าให้ฟังว่า... แต่งงานใหม่แล้ว หลังจากลาออกไปก็ไปค้าขายสารพัด ไปเจอพ่อม่ายเมียทิ้ง นิสัยดี อายุไม่มากนัก...แต่ขยันมาก..ก.. แถมไม่รังเกียจแม่ม่ายลูกติดอย่างเธอซะด้วย ชวนกันทำมาหากิน จนในที่สุดสนใจเรื่องรีไซเคิ้ล อยากจะเหมาซื้อของเหลือทิ้ง เศษวัสดุ ตามโรงงานต่างๆ แต่ติดที่ส่วนใหญ่เขามีเจ้าประจำเหมากันอยู่แล้ว เข้าไม่ติด เลยมาปรึกษา และให้ผมช่วยแนะนำโรงงานที่เป็นลูกค้าให้หน่อย ผมก็มาช่วยกันคิด เริ่มจากสร้างภาพ สร้างเครดิต ทำนามบัตรให้ดูดี ปรับปรุงเรื่องบุคลิก การแต่งกาย...ฯลฯ แต่สุดท้าย เคล็ดลับ...ให้เจริญเมตตา สวดมนต์ทุกคืน แผ่ให้เจ้าที่เจ้าทาง พอเจอหน้าเจ้าของโรงงาน หรือฝ่ายจัดซื้อ ให้ท่องคาถาเมตตาฯ ยิงไปก่อนเลย ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน... นังน้องแมว ให้ผมช่วยหารถบรรทุกเพิ่มขึ้น ที่มีอยู่วิ่งงานไม่ทัน ไม่พอแล้ว ผมเคยถามว่า ไปอธิษฐานกับฟ้าดิน หรือเปล่า นังแมว มองหน้าผมทำตาแดงๆ บอก ...หนูเชื่อพี่ทุกอย่าง...ทุกอย่าง อนณ 089-995-9377 tobeteam@yahoo.com ปล. มีท่านผู้อ่านไปค้นมาให้ว่า หนังที่ผมพูดถึง ชื่อ... Pay It Forward หากใจเราพร้อม เราจะได้มากกว่าหนึ่ง ยังแถมลิงค์ให้ด้วยแน่ะ http://www.dvdup2u.com/catalog.php?idp=2507 (http://www.dvdup2u.com/catalog.php?idp=2507) ขอบพระคุณมากจริง...จริง... จากคุณ : tobeteam |