หัวข้อ: พระสุริยเทพ : เทวะอันเป็นที่นับถือทั่วสากล ตลอดจนถึง ‘ศรีเทพ’ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 30, 2023, 06:54:48 am .
(https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/12/คมกฤช-2261-696x365.jpg) พระสุริยเทพ : เทวะอันเป็นที่นับถือทั่วสากล ตลอดจนถึง ‘ศรีเทพ’ เช้าวันที่ผมจะเขียนบทความนี้ ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งได้โทรศัพท์มาคุยเรื่องพระสุริยเทพและถามถึงบทความเก่าๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าใจว่าท่านคงจะนำไปเป็นข้อมูลสำหรับบทความเกี่ยวกับ “ศรีเทพ” ดังนั้น ผมคิดว่าไหนๆ ก็ควรเขียนเรื่องพระสุริยเทพเท่าที่พอจะมีข้อมูลบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ท่านและผู้อ่านเสียเลย จึงต้องขอแทรกซีรีส์บทความ “ปลายน้ำหวนคืนต้นน้ำ เชื่อมต่อกับบรรพชนและทวยเทพ” ตอนจบอีกสักครั้ง มิฉะนั้นจะลืมข้อมูลที่ค้นไว้เสียก่อน ต้องขออภัยด้วยครับ @@@@@@@ ในบรรดาเทพเจ้าอันเกิดแต่ธรรมชาตินั้น สุริยเทพหรือพระอาทิตย์ จัดเป็น “สากลเทพ” คือเป็นที่นิยมนับถือแพร่หลาย โดยเฉพาะในศาสนาโบราณที่สืบเนื่องมาถึงศาสนาปัจจุบัน หากถามว่าเป็นเพราะเหตุใด เพียงท่านแหงนหน้าขึ้นฟ้าในเวลากลางวัน ดวงอาทิตย์เองก็เป็นคำตอบเบ็ดเสร็จในตัว ดวงอาทิตย์มอบแสงสว่าง ความอบอุ่น (ร้อน) ทำให้ชีวิตทั้งหลายก่อกำเนิดและดำรงอยู่ได้ พืชพรรณสังเคราะห์แสงและเติบโต ส่ำสัตว์ก็ได้กินพืชผลเหล่านั้นยังชีพ หากไร้ซึ่งดวงอาทิตย์ ทุกสิ่งก็จะตายลงในที่สุด ไม่มีทั้งชีวิต ไม่มีทั้งกลางวันกลางคืน วงโคจรของดวงอาทิตย์ยังก่อให้เกิดฤดูและอุตุปักษ์ ซึ่งในสังคมเกษตรบุพกาลสิ่งนี้ช่วยให้ชาวนาชาวไร่รู้เวลาเพาะปลูกหว่านไถและเก็บเกี่ยว พระอาทิตย์จึงเป็นเทพที่สำคัญอย่างยิ่งในทุกวัฒนธรรมเกษตรก็ว่าได้ เพียงแต่เมื่อสังคมซับซ้อนขึ้น เทพเจ้าอื่นๆ ก็อาจมีบทบาทขึ้นมาแทน กระนั้นความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับพระอาทิตย์ก็มิได้หายไปไหน จําเพาะฝ่ายพราหมณ์-ฮินดู พระอาทิตย์หรือพระสุริยเทพ (สูรฺย) จัดอยู่ในกลุ่มเทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง ปรากฏในคัมภีร์ฤคเวทของพราหมณ์ (3,500 ปีโดยประมาณ) และเป็นเทพเจ้าที่สำคัญยิ่งของพวกอารยัน พระองค์เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต สติปัญญาและทิพยภาวะ และบางครั้งยังถูกนับถือเป็นเทพเจ้าสูงสุด แต่ก็เช่นเดียวกับเทพเจ้าทุกองค์ของฮินดู สุริยเทพเผชิญความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น เปลี่ยนเทวตำนาน ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าองค์อื่นๆ ถูกหยิบยืมคุณสมบัติตลอดจนถูกลดบทบาทเป็นเทพชั้นรอง @@@@@@@ สุริยเทพในสมัยพระเวทมีหลายองค์หรืออาจเรียกว่าเป็นกลุ่มคณะอาทิตยเทพ (Solar deities) และมีพระนามต่างกัน ซึ่งที่จริงอาจหมายถึง “แง่มุม” ต่างๆ เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ซึ่งโดยมากเกี่ยวข้องกับความสว่าง เช่น พระสาวิตฤ พระมิตระ พระอาทิตย์ พระปูษัน พระวิวัสวันต์ พระมรีจิ ฯลฯ แต่ในสมัยหลังมักถือว่าเป็นเพียงพระนามที่ต่างกันเท่านั้น บทสวดภาวนาถึงพระสาวิตฤซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ในสมัยพระเวท นับเป็นบทสวดที่ชาวฮินดูโดยเฉพาะผู้สวมสายยัชโญปวีตจะสวดประจำวัน สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ รู้จักกันในชื่อ “คายตรีมนต์” (คายตรีเป็นชื่อฉันท์ และได้ถูกยกเป็นเทพอีกองค์) ถือเป็นมนต์ที่สำคัญมากที่สุดมนต์หนึ่งในศาสนาฮินดู นอกจากนี้ สุริยเทพยังถูกนำไปเกี่ยวข้องกับเทพอื่นๆ กลุ่มแรกคือกลุ่มบรรดาเทพที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น พระอัคนี พระวายุ พระวรุณ ฯลฯ โดยถือว่า พระสุริยเทพเป็นหนึ่งในกลุ่มเทวะเหล่านี้ และอีกกลุ่มคือ “พระวิษณุ” ซึ่งในสมัยพระเวทมีความเกี่ยวข้องกันในฐานะอาทิตยคณะเทพกลุ่มหนึ่ง จนปรากฏมีพระนาม “สูรยนารายณ์” (พระนารายณ์ในฐานะสุริยเทพ) ยังคงกราบไหว้กันในทุก “สงกรานต์” (สังกรานติ หรือพระอาทิตย์ย้ายราศี) เมื่อศังกราจารย์สถาปนานิกายสมารตะ (ตกราว ค.ศ.ที่ 5-6) ได้จัดวิธีการบูชาเทพเสียใหม่ โดยรวมเอาเทพเจ้าในแต่ละนิกายหลักของฮินดูมากราบไหว้ด้วยกันเป็นจำนวนห้าพระองค์ เรียกว่า “ปัญจายตนเทวตา” พระสุริยเทพก็ถูกจัดเข้าในกลุ่มนี้ร่วมกับพระคเณศ เทวี พระนารายณ์ และพระศิวะ ดังนั้น ในนิกายที่เกี่ยวข้องกับพระวิษณุ พระสุริยเทพก็ย่อมได้รับการบูชาในรูปสูรยนารายณ์ หรือในฐานะเทพชั้นรอง ส่วนในนิกายสมารตะซึ่งมีอิทธิพลมาก ก็ย่อมเป็นหนึ่งในเทพห้าองค์หลักของการบูชาร่วมกัน @@@@@@@ ที่จริงความสำคัญของพระสุริยเทพยังมีอีกหลายแง่มุม อย่างแรก พระอาทิตย์หรือสุริยเทพมี “นิกาย” ของตนเอง เรียกว่า นิกาย “เสาระ” นับถือพระองค์เป็นเทพสูงสุด โดยปรากฏโบราณสถานหลายแห่งในอินเดียที่สร้างอุทิศถวายแด่พระสุริยเทพโดยเฉพาะ เช่น โกณารกะเทวาลัย (Konarka temple) อันมีชื่อเสียงในแคว้นโอริสสา เสาระนิกายแพร่หลายมากในอินเดียเหนือ รวมไปถึงฝั่งตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือ อาจเพราะเป็นพื้นที่ที่รับวัฒนธรรมการนับถือสุริยเทพจากภายนอกอินเดียได้ง่าย เช่น จากเปอร์เซียหรือเอเชียกลาง ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป อย่างที่สอง พระสุริยเทพยังเป็นเทวะที่มีบทบาทในทางดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ด้วย พระอาทิตย์ถูกกล่าวถึงในฐานะศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล และอยู่ในฐานะประธานมณฑลแห่งดวงดาวนพเคราะห์ทั้งเก้า รวมทั้งการโคจรของพระอาทิตย์ไปตามระบบจักรราศีต่างๆ ก่อให้เกิดฤดูกาลและเชื่อว่าจะส่งผลต่อชะตาของผู้คนและบ้านเมือง นอกจากนี้ บางครั้งพระอาทิตย์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเทพทิคปาลหรือเทพประจำทิศ สถิตในทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ส่วนใหญ่หลายตำราจะระบุเป็นพระนิฤตติ) ในทางการเมืองการปกครอง พระอาทิตย์ถูกอ้างถึงในตำนานวงศ์กษัตริย์ว่าเป็นต้นแห่ง “สุริยวงศ์” ซึ่งเริ่มจากพระราชาอิกษวากุ โดยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงศ์นี้คือ “พระราม” ขณะที่พระกฤษณะ (ซึ่งมักได้รับการบูชาคู่กับพระราม) กลับเกิดใน “ยฑุวงศ์” ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ “จันทรวงศ์” หรือวงศ์แห่งพระจันทร์ @@@@@@@ นอกจากเหล่าวงศ์กษัตริย์ฮินดู บรรดาพระศาสดาในศาสนาสำคัญของอินเดีย (ซึ่งเคยเป็นกษัตริย์) ล้วนอ้างว่าสืบสายมาจากสุริยวงศ์ทั้งสิ้น พระราชาโอกกากราช บรรพชนของเจ้าชายสิทธัตถะที่จริงคือพระราชาอิกษวากุตามตำนาน (คำว่าโอกกากะ เป็นบาลี) ฝ่ายศาสนาไชนะก็อ้างว่าพระราชาอิกษวากุได้ออกบวชเป็นพระตีรถังกรพระองค์แรก (ฤษภนาถ) ของศาสนา สุริยเทพจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรและการสืบทอดอำนาจราชวงศ์จากพระสุริยเทพอันไม่ขาดสาย ซึ่งไม่ได้มีเพียงอินเดียที่อ้างเช่นนั้น แต่อาณาจักรอื่นๆ ก็มักอ้าง หรือเชื่อมโยงไปสู่สุริยเทพคล้ายๆ กัน เช่น ญี่ปุ่น และจีน อันที่จริงความสำคัญอีกอย่างซึ่งปรากฏในศรีเทพของเราด้วย คือสุริยเทพมักมีสัญลักษณ์และตำนานที่สะท้อนความเป็นนานาชาติ เทวรูปพระสุริยะที่พบในศรีเทพมีพระพักตร์อย่างคนเอเชียกลางหรือตะวันออกกลาง ไม่ใช่รูปอุดมคติอย่างอินเดีย มีดวงตาปูดโปน เคราหยักศก ที่สำคัญยังมีร่องรอยของสายรัดเอว ซึ่งอาจเป็นสาย “อวยังคะ” และอาจสวมรองเท้าบู๊ต หรือรองเท้าหนังยาว (สันสกฤตเรียกว่า อุปนห์ หรือ อุปนัต) เหมือนกับเทวรูปพระสุริยเทพยุคแรกๆ ของอินเดีย ทว่า แตกหักไปไม่ปรากฏ ทั้งที่เป็นเทพฮินดู แต่พระสุริยเทพยังมีสัญลักษณ์แปลกๆ อื่นอีก เช่น สวมสายอวยังคะหรือกุฏฏิ อันเป็นสายเชือกในเชิงพิธีกรรมของศาสนาโซโรอัสเตอร์ (บูชาไฟหรือแสงสว่าง) โดยผูกไว้ที่เอวเหมือนเข็มขัดเมื่อเด็กชายและหญิงผ่านพิธีรับเข้าศาสนาแล้ว (เช่นเดียวกับสายยัชโญปวีตของพราหมณ์) แสดงถึงความบริสุทธิ์สะอาด สวมรองเท้าบู๊ต (ซึ่งน่าจะเริ่มในสมัยกุษาณะ) บางครั้งก็สวมเสื้อตัวนอกแขนกุดเหมือนแจ๊กเก็ต คัมภีร์พฤหัตสัมหิตาซึ่งเป็นคัมภีร์โหราศาสตร์ ก็กล่าวว่า เทวรูปพระสุริยเทพพึงแต่งกายอย่าง “ชาวเหนือ” @@@@@@@ ในคัมภีร์สัมพะปุราณะเล่าว่า พระสัมพะบุตรของพระกฤษณะได้สถาปนาเทวาลัยสุริยเทพขึ้น (มารตัณฑะเทวาลัย) เพราะพระองค์ได้รับคำแนะนำให้บูชาสุริยเทพเพื่อจะพ้นจากโรคเรื้อน (เกิดจากคำสาป) แล้วทรงนำพวกพราหมณ์มคะ (maga) จากศากทวีป (shaka dvipa) มาประจำเทวาลัย พวกพราหมณ์มาคะสวมอวยังคะ สวดงึมงำ และเล่าว่าเทวรูปสุริยเทพก็มาจากศากทวีปด้วยเช่นกัน มีผู้สันนิษฐานว่าพวกพราหมณ์มคะนี้น่าจะเป็นมาคี (magi) หรือพระของศาสนาโซโรอัสเตอร์โบราณ ผมไม่ทราบว่า ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นจะพอช่วยตอบคำถามว่า เหตุใดศรีเทพจึงค้นพบเทวรูปพระสุริยเทพจำนวนมากและมีลักษณะพิเศษ (แม้แต่ในอินเดีย หน้าตาแบบแขกอิหร่านแบบบ้านเราก็หาได้ยาก) ท่านอาจจะมาพร้อมกันกับพระกฤษณะ (ตามอิทธิพลสัมพะปุราณะและไวษณวะนิกาย) รึเปล่า หรือจะมาพ่วงกันกับเทพอื่นๆ หรือจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง ผมก็มิทราบได้ ผมยังนึกได้อีกว่า เมืองจีนเองก็มีการนับถือสุริยเทพแบบพื้นบ้าน ด้วยอิทธิพลของศาสนามาณีจากเอเชียกลางตั้งแต่สมัยถัง และหากศรีเทพได้รับอิทธิพลจากจีนด้วย เรื่องนี้ก็ยิ่งน่าสนุกไปใหญ่ แต่ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับศรีเทพครับ จึงขอเสนอแค่เรื่องสุริยเทพเอาไว้ เท่าที่สติปัญญาจะพอมี • ขอขอบคุณ :- ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 ธันวาคม 2566 คอลัมน์ : ผี-พราหมณ์-พุทธ ผู้เขียน : กฤช อุ่ยเต็กเค่ง เผยแพร่ : วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2566 website : https://www.matichonweekly.com/column/article_732771 (https://www.matichonweekly.com/column/article_732771) |