หัวข้อ: "ศรีเทพ" เมืองศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ดินแดนต้องห้าม เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 30, 2024, 07:23:47 am .
(https://static.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5Fa5LRJmdHJNAI4tNX77ZicLrfrPg9L2XCT5PX5fFupmnKHdStHVez.webp) "ศรีเทพ" เมืองศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ดินแดนต้องห้าม “เมืองศรีเทพ” กรมศิลปากร ระบุไว้ว่า เป็นเมืองโบราณในตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดอยู่ในเขตที่สูงถูกเชื่อมโยงเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนสินค้า วัฒนธรรมระหว่างพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...มีความสำคัญมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมไปถึงวัฒนธรรมเขมรโบราณ (พุทธศตวรรษที่ 8-18) โดยมีพื้นที่รวมประมาณ 2,889 ไร่ หรือประมาณ 4.7 ตารางกิโลเมตร ลักษณะเป็นเมืองที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบแบบเมืองในวัฒนธรรมทวาราวดี ที่ยังคงสามารถรักษารูปแบบแต่เดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด โดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลงแห่งหนึ่งของประเทศไทย สิ่งที่น่าสนใจคือ “ที่ตั้ง” ของ “เมืองศรีเทพ” นั้น แตกต่างจากเมืองอื่นๆในอดีต ซึ่งปกติแล้วเมืองที่มีความเจริญจะตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำหรือไม่ไกลทะเล แต่เมืองศรีเทพกลับอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9mz3iCVuzbyXj1AON.webp) (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9m0CJ66iXWjyjsnIG.webp) แล้วเหตุใดถึงเจริญรุ่งเรืองได้? และในช่วงสมัยเดียวกันก็ยังเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดด้วย เมื่อประมาณพันปีที่ผ่านมา ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรและผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญา พุทธศาสนา ภาษาศาสตร์ (เขมร) ตั้งข้อสังเกต “เมืองศรีเทพ” มาก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเดิมทีที่ตรงนี้ก็มีคนอาศัยอยู่ก่อนประมาณ 1,700-1,800 ปีก่อน แต่ปัญหาของเมืองศรีเทพนั้น ไม่ค่อยมีการเขียนจารึกไว้...เท่าที่ดูซากโบราณสถาน โบราณวัตถุ ก็เชื่อว่าผู้คนที่อาศัยมีอารยธรรมและเทคโนโลยีอยู่พอสมควร เช่น การขนหินจากที่อื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทย การสร้างเครื่อง ประดับต่างๆ ฯลฯ @@@@ อัตลักษณ์ของเมืองศรีเทพ คือ “องค์สุริยเทพองค์ใหญ่” มีหลายองค์ ซึ่งที่น่าแปลกคือที่ผ่านมาไม่เคยค้นเจอในแถบบ้านเราเลย ที่สำคัญคืออารยธรรมที่ปรากฏมีลักษณะแบบ “เอเชียกลาง” สิ่งที่เห็นได้คือชุดที่ใส่ โดยมีอารยธรรมโบราณและมีการผสมผสาน ผศ.ดร.กังวล บอกอีกว่า ที่แปลกที่สุดที่มีปรากฏเฉพาะในเมืองศรีเทพคือ พระพิมพ์ดินเผา ชุดหนึ่งที่มีชื่อของ “หลวงจีน” รูปหนึ่งสลักไว้ด้านหลังองค์พระที่สร้างขึ้น หลังจากทางเข้ามาในเมืองศรีเทพ คาดว่าน่าจะสร้างช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-14 หรือประมาณ 1,200 กว่าปีก่อน (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9m0I0jhBoKDEkrj2G.webp) นี่คือความชัดเจนที่เห็นได้ว่ามีคนต่างชาติเดินทางเข้ามาในเมืองศรีเทพ ซึ่งนอกจากจะมีอารยธรรมทางอินเดียมาแล้วยังมีคนจีนเข้ามาด้วย การมีหลวงจีนปรากฏในเมืองศรีเทพ สำคัญอย่างไร...ที่ผ่านมาเราอาจจะทราบว่ามี “พระถังซัมจั๋ง” ไปทางอินเดีย หลวงจีนอี้จิง หลวงจีนฟาเหียนเดินทางไปทะเล ไปอินโดฯก่อนไปอินเดีย แต่ทำไมหลวงจีนองค์นี้ ต้องตะเกียกตะกายเดินทางมา ที่ศรีเทพ แปลว่าที่ตรงนี้ต้องเป็น...แหล่งศักดิ์สิทธิ์ หรือมีความสำคัญมากในภูมิภาคหรือเปล่า และจากการสำรวจเขาคลังนอก มีการระบุว่า มีความคล้ายกับ “นาลันทา” ซึ่งเป็นวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกในอินเดียเลย หรือนี่อาจจะเป็นเหตุผลคล้ายกับของพระถังซัมจั๋ง ก็เดินทางไปอินเดีย นี่เป็นข้อสันนิษฐาน... แปลว่า “ศรีเทพ” ก็ไม่ใช่เมืองแห่งการค้าขาย และก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ สำคัญในทางพุทธศาสนาหรือไม่ สาเหตุที่ไม่มีความชัดเจนทางใดทางหนึ่ง เพราะไม่มี “จารึก”บ่งบอก (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9mzhtM02AF7Wb5Odb.webp) พุ่งเป้าไปที่ที่ตั้งของเมือง รูปลักษณ์ สิ่งแวดล้อม ส่วนประกอบต่างๆอย่างเขาถมอรัตน์ ก็อาจจะหมายถึง “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” นี่แหละ...เพียงแต่ว่าสิ่งที่ขาดคือ “จารึก” ที่เขียนบอกอย่างชัดเจน น่าสนใจด้วยว่า...ถ้ำบนยอดเขาถมอรัตน์ก็เป็นสถานที่ซึ่งรวมรูปเคารพทั้งพระโพธิสัตว์...รูปเคารพของศาสนาพุทธในคติแบบมหายาน และพระพุทธรูป เสาธรรมจักร สถูปจำลอง ซึ่งเป็นคติแบบเถรวาท การผสมผสานคติความเชื่อทั้งสองรูปแบบนี้นับได้ว่าเป็นลักษณะเด่นประการหนึ่งของคติความเชื่อแบบ “ศรีเทพ”...เป็นสังคมที่มีการผสมผสานแนวคิดทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน @@@@ ศิลปวัฒนธรรม (10 ม.ค.67) อนุชิต อุ่นจิต เขียนถึง “เมืองศรีเทพ” ไว้ว่า เมืองโบราณแห่งนี้มีลักษณะเป็น...เมืองซ้อนเมือง แล้วมีเนินดินสูงล้อมรอบคล้ายกำแพงเมือง ด้านนอกของเนินดินเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง การขุดค้นเมืองโบราณแห่งนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2521 โดยกรมศิลปากร และ...เป็นที่น่าแปลก ที่ว่าภายในพื้นที่บริเวณเขตเมืองโบราณนั้น ไม่มีชาวบ้านคนไหนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในเลย แต่กลับสร้างบ้าน ตั้งถิ่นฐานอยู่รอบนอกเขตเมืองโบราณเท่านั้น (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9mzZa509SlN87TQXO.webp) (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9mzmfnbJO36vNQ49f.webp) ชาวบ้านเล่าว่า พื้นที่ดังกล่าวมีความเชื่อว่า...เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อยู่ของเทพเทวดา เมืองโบราณแห่งนี้...เทพเทวดาได้สร้างเอาไว้ก่อนจะขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ ในสมัยก่อนจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่อาศัย ทั้งยังมีความเชื่อด้วยว่า...หากใครเข้าไปอยู่ในพื้นที่เมืองโบราณแห่งนี้ ก็จะเกิดอาเพศกับตนเองและครอบครัว บางคนอาจล้มป่วยโดยไม่มีสาเหตุ หรือบางคนถึงขั้นเสียสติ เมื่อเข้าไปอยู่อาศัยในสถานที่แห่งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ทำได้เพียงอาศัยพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ประกอบอาชีพเท่านั้น ซึ่งในสมัยก่อนก็จะมีการประกอบอาชีพการเกษตร ล่าสัตว์ เก็บของป่า ...พิธีกรรมความเชื่อสำคัญในสมัยก่อนชาวบ้านจะไปกราบไหว้ นำเครื่องเซ่นไหว้ไปไหว้ศาลที่ตั้งไว้บนเนินดินบริเวณขอบเมืองโบราณหรือเนินที่กรมศิลปากรเชื่อว่าน่าจะเป็นกำแพงเมือง และ...หลังจากเมืองโบราณเปลี่ยนเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพแล้ว ได้มีการอัญเชิญศาลแห่งนี้ลงมาไว้ด้านล่าง โดยเทวรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในศาล ชาวบ้านเรียกกันว่า...“เจ้าพ่อศรีเทพ” (https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aja7N5s6L33Ki9mzqw3QoedOpYzqcT.webp) ชาวอำเภอศรีเทพจะจัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อศรีเทพเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองของชาวอำเภอศรีเทพ โดยเครื่องบวงสรวงประกอบด้วยข้าวต้มมัด ขนมจีนน้ำยา และอาหารท้องถิ่นของชาวอำเภอศรีเทพ หลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงจะได้มีการแจกจ่ายข้าวต้มมัดแก่ผู้ร่วมงาน ซึ่งถือว่าผู้ได้รับประทาน ข้าวต้มมัดจะมีความเจริญรุ่งเรือง มั่งมีศรีสุข และมีความรักความสามัคคีกลมเกลียวกัน “ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”. รัก-ยม Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2772850 (https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2772850) 24 มี.ค. 2567 06:49 น. | ไลฟ์สไตล์ > วัฒนธรรม > รัก-ยม |