หัวข้อ: ความรู้จักพอเป็นยอดแห่งทรัพย์ : 'สุจริตกถา' โดย พระพรหมบัณฑิต เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 23, 2024, 09:31:01 am .
(https://i.pinimg.com/564x/99/dd/0e/99dd0e2433e7870a8054c591ba7ba80a.jpg) หิริโอตัปปะและศีล ๕ : หลักธรรมป้องกันการทุจริต โดย พระพรหมบัณฑิต ศ.ดร. อธิการบดีมหาจุฬาฯ เทศน์ "สุจริตกถา" กล่าวว่า มหาจุฬาฯ ร่วมกับสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ การจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงถึงความกตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสองพระองค์ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม โดยมีพระปฐมบรมราชองค์การว่า "เราจะครองแผ่นโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" คำว่า "โดยธรรม" หมายถึง "สุจริตธรรม" พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเรื่องสุจริตธรรมครั้งแรกให้พระเจ้าสุทโทธนะ มีหน้าที่ด้วยความสุจริต มี ๓ ประการ ๑. "ไม่บกพร่องต่อหน้าที่" ทำหน้าที่ตนเองให้ที่สุด ร้องให้สุดคำ รำให้สุดแขน ทำให้ดีที่สุด ทำอะไรอย่าให้บกพร่อง ๒. "ไม่ละเว้นต่อหน้าที่" ผู้เป็นบิดามารดาไม่ละทิ้งหน้าที่ในการสั่งสอนบุตรของตน เพราะถ้าบุตรเป็นโจร บิดามารดาย่อมมีส่วนโจรด้วยเพราะไม่สั่งสอนบุตร ๓. "ไม่ทุจริตต่อหน้าที่" ไม่ใช้หน้าที่ของตนในการทำการทุจริต รวมถึงทรัพย์สินเงินทอง ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "บุคคลไม่ควรประพฤติหน้าที่ให้ทุจริต" อาณาจักรหรือประเทศจะล้มสลายถ้ามีการทุจริต กล่าวว่า "สนิมเกิดแต่เหล็ก จะกัดกินเหล็ก" ซึ่งสภาพในสังคมไทยปัจจุบันมีการทุจริตจำนวนมากเป็นสนิทร้ายต่อประเทศ ลักษณะมือใครยาว สาวได้สาวเอา มีการแย่งอาหารกันกิน แย่งถิ่นกันอยู่ แย่งคู่กันพิศวาส แย่งอำนาจกันเป็นใหญ่ นำไปสู่การขาดความสามัคคีในประเทศชาติ เป็นการละเมิดศีล ๕ ในข้อที่ ๒ คือ ถือเอาสิ่งของจากเจ้าของท่านไม่ได้ให้ ควรงดเว้นด้วยวิรัติ ถือว่าเป็นการงดเว้น ต้องมีหิริ ความละอายแก่ใจ การส่งเสริมในเรื่องศีล ๕ ของมหาเถรสมาคม จึงเป็นการต่อต้านการทุจริตนั่นเอง @@@@@@@ สมัยอดีตก็มีการทุจริต ทนันชาณิพราหมณ์มีการปล้นพระราชา ฉ้อราษฏร์บังหลวง อ้างพระราชาปล้นประชาชน อ้างว่าจะไปช่วยเหลือประชาชน แต่กลับเอาไปใช้ส่วนตัว อ้างว่าเอาเงินไปเลี้ยงบิดามารดา บุตร และ ณ สวนสัตว์แห่งหนึ่งมีการทุจริตต่อหน้าที่ ในการเลี้ยงเสือ ประชาชนมาดูเสือทำไมเสือไม่อ้วน เสือผอม ทำไมเสือผอมเป็นการตั้งคำถามของประชาชน เพราะอาหารเสือโดนเบียดบัง ผู้อำนวยการสวนสัตว์ส่งผู้ตรวจการ ๓ คน มาตรวจทุจริตทั้ง ๓ คน จึงมีโครงโลกนิติว่าด้วยว่า "เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อมังสา" กล่าวว่า เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อ มังสา นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา ไป่อ้วน สองสามสี่นายมา กำกับ กันแฮ บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน บาทสิ้นเสือตาย เสือ หมายถึง ประเทศชาติ รวมถึงประชาชนในชาติ ผู้นำรัฐ ข้าราชการ ต้องประพฤติสุจริตธรรม ประเทศถึงจะอยู่รอด การทุจริตทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซื้อสิทธิ์ขายเสียง ก็ถือว่าเป็นการทุจริต สหประชาชาติจึงประกาศให้วันที่ ๙ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านการทุจริตของโลก ประชาชนต้องไม่สนับสนุนการทุจริต ธรรมะที่คุ้มครองโลก คือ "หิริและโอตัปปะ" เป็นธรรมะที่ให้มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์ เป็นธรรมะฝ่ายขาวคุ้มครองโลก หิริ หมายถึง ความละอายต่อบาป ต่อความชั่วทั้งหลาย ไม่นำร่างกายไปเปื้อนกับความสกปรก คำว่า โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อบาป เปรียบเหมือน ถ่านไฟ อย่าได้ไปเข้าใกล้มันร้อน เมื่อหิริโอตตัปปะมีอยู่โลกจะสามารถอยู่รอดและปลอดภัย การงดเว้นการทุจริตก็ต่อเมื่อมีธรรมะ คือ "หิริและโอตตัปปะ" เป็นหลักธรรมป้องกันการทุจริต เพราะเมื่อละอายแก่ใจ ดังคำกล่าวว่า" อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ" เหมือนนางขุตชุตรา เป็นนางสาวใช้ของพระนางสามวดี เบิกเงินไปซื้อดอกไม้ แต่ซื้อเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เธอได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ทำให้กลับตัวกลับใจ มีความหิริภายในใจ เธอพยามสร้างอริยทรัพย์ เป็นทรัพย์ภายใน "ความรู้จักพอเป็นยอดแห่งทรัพย์" @@@@@@@ เศรษฐกิจพอเพียงขององค์ในหลวง ถือว่าเป็นการป้องกันการทุจริต คือ ให้เรารู้จักพอ เพียงพอ ประมาณตนเอง ในการบริหารชีวิต เพราะถ้าไม่พอก็เกิดความโลภ โอตัปปะเป็นความกลัว กลัวต่อการกฎหมายลงโทษอย่างมีประสิทธิภาพ กลัวต่อการตกนรก คนสมัยโบราณกลัวการทุจริต กลัวต่อผลบาปการทุจริต จึงยึด "ทำได้ดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" เราปฏิบัติสุจริตย่อมมีชีวิตที่มีความสุขในโลกนี้และโลกหน้า มีพราหมณ์คนหนึ่งสมัยพระเจ้าโกศล เขาทดลองว่า ถ้าประพฤติทุจริตจะเป็นอย่างไร.? ด้วยการหยิบเหรียญวันละ ๑ เหรียญ ทำเรื่อยๆ และหยิบเป็นกำมือ จนคนตะโกนว่าจับโจร พระราชาถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ พราหมณ์ตอบว่า เป็นการทดลองการประพฤติผิดว่าจะเป็นอย่างไร พราหมณ์จึงออกบวชในศาสนาของพระพุทธเจ้า องค์ในหลวงของเรารักเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพฤติสุจริตธรรม จะทำให้ประเทศของเรามีความ "มั่นคง มั่งคั่ง และสันติสุข" สืบไป Thank to :- image : https://www.pinterest.ca/ (https://www.pinterest.ca/) URL : https://www.mcu.ac.th/news/detail/12803 (https://www.mcu.ac.th/news/detail/12803) ๑๐/๐๘/๒๐๑๖ |