หัวข้อ: รู้จักภาวะรังที่ว่างเปล่า พ่อแม่สูงวัยเหงา เพราะลูกออกไปมีครอบครัว เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 11, 2024, 07:24:08 am .
(https://static.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5Fa5KPXnwMenJ7kpRP4VfgipwQtSkT3ihg128t7f5sA0L3F8SbWpa6.webp) รู้จักภาวะรังที่ว่างเปล่า พ่อแม่สูงวัยเหงา เพราะลูกออกไปมีครอบครัว พ่อแม่สูงวัยหรือวัยกลางคนที่ลูกเติบโตจนแยกตัวออกไปใช้ชีวิตของตนเองนอกบ้าน หรือแยกไปมีครอบครัวใหม่ มักจะเกิดความเหงาหรือที่เรียกกันว่าภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) ซึ่งอาจส่งผลต่อการเป็นโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุได้ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ทำการสำรวจระหว่างปี 2540-2562 พบว่า ประชากรในช่วงอายุ 30-49 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราฆ่าตัวตายและภาวะซึมเศร้าสูงกว่ากลุ่มอื่น นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่มีงานทำ กับไม่มีงานทำ ยังพบว่ากลุ่มที่ไม่มีงานทำ มีความวิตกกังวล และเป็นผู้ป่วยเรื้อรังด้วยโรคซึมเศร้าสูงกว่า (https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCZSVRHbc3kyZHJK79ElH2j2CB5y9gWLTo1JCPrVH9.webp) ภาพจาก iStock จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า วัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน คือช่วงที่เผชิญกับโรคซึมเศร้ามากที่สุด ยิ่งวัย 40 ตอนปลายมักเป็นเวลาที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่น เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย และเริ่มออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเอง พ่อแม่จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะแม่ที่เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ ดูแลบ้านดูแลลูกเต็มเวลา จึงเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่กระทบจิตใจโดยไม่ทันตั้งตัว พ่อแม่หลายคนไม่เคยคิดว่า ตนเองจะรู้สึกโศกเศร้าเมื่อลูกแยกตัวออกไป จะว่าไปแล้วความรู้สึกนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นความรู้สึก ‘หวานอมขมกลืน’ คือส่วนหนึ่งก็โล่งใจที่ลูกดูแลตัวเองได้ พ่อแม่จะได้มีเวลาเป็นของตัวเองสักที แต่อีกใจหนึ่งก็คิดถึง โหยหาช่วงเวลาที่เคยมีลูกอยู่ใกล้ๆ เพราะการดูแลทำสิ่งต่างๆ ให้ลูก กลายเป็นความเคยชินของชีวิตไปเสียแล้ว ภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) คืออะไร นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH - Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า ภาวะรังที่ว่างเปล่า หรือ Empty Nest Syndrome เป็นภาวะทางอารมณ์ที่พบได้บ่อยในพ่อแม่ เมื่อลูกๆ ออกจากบ้านไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โดยมักเกิดขึ้นหลังจากลูกคนสุดท้ายย้ายออกจากบ้าน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย เช่น ความเหงา บรรยากาศในบ้านเงียบเหงา ไร้เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยของลูกๆ อาจทำให้รู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยว ความเศร้า (https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCZSVRHbc3kyZHJK7z2gJdtWmGP92hBSPtApMzEEy2.webp) ภาพจาก iStock การสูญเสียบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้ดูแลลูก อาจทำให้รู้สึกสูญเสียและโศกเศร้า, ความวิตกกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย สุขภาพ อนาคตของลูก และความรู้สึกไร้ค่า รู้สึกสูญเสียเป้าหมายในชีวิต เมื่อลูกๆ ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด ซึ่งอาการอาจคงอยู่ตั้งแต่หลายสัปดาห์ จนกระทั่งเป็นปี แต่ส่วนใหญ่พบว่าผู้ที่เผชิญภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) จะมีอาการอยู่ประมาณ 2-3 เดือน จึงจะปรับตัวให้คุ้นชินกับบ้านที่ว่างเปล่าได้ ภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) แบ่งออกเป็น 3 ระยะ 1. ระยะโศกเศร้า เมื่อลูกๆ แยกตัวออกจากบ้านไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ความรู้สึกแรกที่พ่อแม่จะต้องเผชิญก็คือ ความรู้สึกเศร้า โหยหา โดยในแต่ละวัน พ่อแม่อาจจะร้องไห้ เพียงแค่เห็นมุมที่ลูกชอบนั่งบ่อยๆ แก้วน้ำที่ลูกใช้ประจำ หรือรายการทีวีที่ต้องดูด้วยกันทุกสัปดาห์ ความเศร้านี้อาจทำให้พ่อแม่บางคนเก็บตัวหรือออกห่างสังคม เพื่อปรับตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 2. ระยะโล่งอก หลังจากช่วงเวลาแห่งความเศร้าผ่านไป พ่อแม่ที่เป็นผู้สูงอายุเริ่มคุ้นเคยกับสภาวะที่เป็นอยู่ พ่อแม่มักจะรู้สึกโล่งใจและเริ่มรู้สึกว่าตนเองมีอิสระมากขึ้น มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ หรือบางคนได้พบเจอสังคมใหม่ๆ และตระหนักได้ว่าชีวิตในวัยสูงอายุก็ไม่ได้แย่อย่างที่เคยกังวลไว้ (https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCZSVRHbc3kyZHJK77nl7VnZurSU7xHcIPVIFi6zDI.webp) ภาพจาก iStock 3. ระยะสงบสุข ช่วงสุดท้ายของภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) คือ ระยะสงบสุข เป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่สามารถปรับตัวให้คุ้นเคยกับชีวิตที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกๆ เหมือนแต่ก่อนและสามารถปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันใหม่ๆ เข้าใจความเป็นไปของชีวิตได้มากขึ้น มีความสบายใจเกิดขึ้นและรู้สึกมีความสุข สงบ ไม่วิตกกังวลหรือเครียดกับลูกๆ เหมือนช่วงใหม่ๆ อีกต่อไป (https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCZSVRHbc3kyZHJK74o0puZcdPQdZaChJ3yhBSCG4c.webp) ภาพจาก iStock อย่างไรก็ตาม แต่ละคนอาจใช้เวลาในแต่ละระดับไม่เท่ากัน บางคนอาจผ่านทั้ง 3 ระดับได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจติดอยู่ที่ระดับแรกหลายเดือนหรือเป็นปี ทั้งนี้รูปแบบการเลี้ยงลูกและพ่อแม่บางลักษณะมีแนวโน้มว่าจะเผชิญความยากลำบากจากภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) มากกว่าพ่อแม่ลักษณะอื่นๆ ซึ่งพ่อแม่ที่จัดเป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ • พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบคอยเฝ้าดู ตามแก้ปัญหาให้ลูกตลอดเวลา • พ่อ-แม่ฟูลไทม์ ซึ่งหน้าที่หลักคือการดูแลลูกอย่างเดียว • พ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่อลูกแยกตัวออกไปยิ่งทำให้เหงา • พ่อแม่ที่รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าเมื่อได้ดูแลลูก พ่อแม่กลุ่มนี้มักจะเกิดภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty Nest Syndrome) ได้มากกว่าพ่อแม่กลุ่มอื่น ซึ่งการปรับตัวเพื่อรับมือกับภาวะนี้ สามารถทำได้โดย (https://static.thairath.co.th/media/BUCz3kW7pmsIQUeyCZSVRHbc3kyZHJK8B8ZCEsDviy8L7ASJd8xmN0BY1.webp) ภาพจาก iStock • ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างเปิดใจ • ปรับวิธีคิด แม้ไม่ต้องดูแลลูกเหมือนเดิม ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาได้ หรือชื่นชมลูกหลาน เมื่อประสบความสำเร็จในการหน้าที่การงาน • ตั้งเป้าหมายชีวิตใหม่ อาจเริ่มต้นด้วยงานอดิเรกที่เคยชอบ บางสิ่งบางอย่างที่เคยอยากทำแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ก็ถือเป็นโอกาสที่จะได้ลงมือทำเพื่อเติมเต็มสีสันในชีวิตและเพิ่มคุณค่าให้ตนเองอีกครั้ง แต่ถ้าหากทำแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ยังรู้สึกไม่มีเป้าหมายในชีวิต หรือชีวิตไม่มีค่าแนะนำให้มาพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาให้ชีวิตกลับมามีความสุขอีกครั้ง ขอขอบคุณ :- ข้อมูลอ้างอิง : โรงพยาบาล BMHH, ไทยรัฐพลัส URL : https://www.thairath.co.th/lifestyle/lifestyle45plus/2791818 (https://www.thairath.co.th/lifestyle/lifestyle45plus/2791818) 9 มิ.ย. 2567 ,17:47 น. | ไลฟ์สไตล์ > ไลฟ์สไตล์ 45+ | ไทยรัฐออนไลน์ |