สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 09, 2024, 07:13:18 am



หัวข้อ: อิทธิบาทกถา ว่าด้วย อิทธิบาททําให้อายุยืน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 09, 2024, 07:13:18 am
.
(https://www.madchima.org/forum/gallery/2_09_07_24_6_52_38.png)


อิทธิบาทกถา ว่าด้วย อิทธิบาททําให้อายุยืน*

พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)
(ป.ธ.๙.ศ.ตร.,ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคมหาบัณฑิต)
กรรมการมหาเถรสมาคม
ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก
เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร
ประธานศูนย์พระปริยัตินี้เทศก์แห่งคณะสงฆ์
ประธานศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ
อุปนายกสภามหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

__________________________________________________________
*พระธรรมเทศนาแสดงเนื่องในงานบําเพ็ญพระราชกุศล ๕๐ วัน พระราชทานศพพระธรรมสิทธิเวที (ถมยา อภิจาโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๒ และอดีตเจ้าอาวาส วัดสังเวชวิศยาราม ณ ศาลาตรีมุข วัดสังเวชวิศยาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๔



 :25: :25: :25:

ยสฺส กสฺสจิ อานนฺท จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา...โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติฏฺเฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาติ.
(ที.มหา. ๑๐/๔)

ณ บัดนี้จักรับพระราชทานถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนาในอิทธิบาทกถา ว่าด้วยอิทธิบาท ทำให้อายุยืน ฉลองพระเดชพระคุณประดับพระปัญญาบารมี อนุรูปแก่การบําเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน ในการที่สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงพระกรุณา โปรดพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ การบําเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร ๕๐ วัน อุทิศถวายพระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวที (ถมยา อภิจาโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๒ และอดีตเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม

ทั้งนี้ เพราะทรงพระอนุสรณ์ถึงคุณูปการที่พระธรรมสิทธิเวที ได้เคยบําเพ็ญ ไว้แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอเนกประการ จึงทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในวันนี้ แม้ว่าพระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวทีได้ถึงมรณภาพจากโลกนี้ไปแล้ว แต่คุณงามความดีนานัปการที่ท่านได้เคยบําเพ็ญไว้ในยามที่มีชีวิตยังประทับอยู่ในจิตใจของญาติสนิทมิตรสหายสัมพันธชน รวมทั้งคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ นําโดยท่านเจ้าคุณพระเทพเวที รักษาการเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม ได้จัดการบําเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นปฏิการบูชาอย่างเต็มกําลัง

     สมดังพุทธพจน์ใน ติโรกุฑฑสูตรที่ว่า
    “เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา"
     แปลความว่า “การบูชา ท่านผู้ล่วงลับไปแล้วได้กระทำอย่างโอฬาร"

บุญพิธีอันโอฬารนี้ จัดเป็นการบูชาพระดีที่ควรแก่บูชา ปฏิปทาที่พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวที ได้ดําเนินไว้ในยามที่มีชีวิตอยู่ สามารถนํามาพรรณนายกย่องเชิดชูเป็นทิฏฐานคติ คือ แบบอย่างที่อนุชนคนรุ่นหลังสามารถยึดถือเป็นแนวทางในการดําเนินตามได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะพระเดชพระคุณเป็นพระมหาเถระรัตตัญญูผู้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้นานถึง ๙๑ ปี ได้ใช้เวลาอันยาวนานเกือบศตวรรษในการพัฒนาตนให้เพียบพร้อมด้วยอัตตหิตสมบัติและปรหิตปฏิบัติ

@@@@@@@

ในด้านอัตตหิตสมบัติ หมายถึง คุณสมบัติส่วนตนที่เกี่ยวกับความรู้ ความสามารถ พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวทีถือกําเนิดที่อําเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ วัดสุทธิวาตวราราม จังหวัดสมุทรสาคร นับแต่นั้นก็เข้ารับการศีกษาพระปริยัติธรรมจนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก และได้พัฒนาตนด้วยการศึกษาตามอัธยาศัย มีความรู้ความสามารถดีเป็นที่ประจักษ์จึงได้รับการถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาธรรมนิเทศ จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ในส่วนปรหิตปฏิบัติ คือการบําเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวทีได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสนองงานพระศาสนาได้เป็นอย่างดี โดยมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ในด้านการปกครอง และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

ในด้านการปกครอง พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวทีเป็นเลขานุการ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หน ใต้และปฏิบัติหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖ ใด้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ รวมเวลาที่ดำรงตาแหน่งเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม นานถึง ๓๐ ปี ได้ดําเนินการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารเสนาสนะภายในพระอาราม ไว้มากมายหลายรายการ

ในด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวทีได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการศูนย์ควบคุมการเดินทางไปต่างประเทศสําหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ ต่อมาได้เป็นกรรมการและ เลขานุการ ศ.ต.ภ. จนถึงมรณภาพ ท่านได้ทุ่มเทอุทิศตนทํางานของ ศ.ต.ภ. อย่างไม่เห็นแก่ความเหนี่อยยาก ดังที่ปรากฏในหนังสือรายงานผลการปฏิบัติ งานของ ศ.ต.ภ.ที่แจ้งต่อมหาเถรสมาคม สรุปความว่า ค.ต.ภ. ได้ประชุม พิจาณาเรื่องการขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของพระภิกษุสามเณร ประจําปี ๒๕๖๑ รวม ๒๔ ครั้ง พิจารณาทั้งหมด ๑๐,๔๘๕ รูป อนุมัติให้เดิน ทาง ๙,๘๔๘ รูป ไม่อนุมัติ ๖๕๗ รูป

@@@@@@@

นับได้ว่า พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวที ได้บําเพ็ญหิตานุหิต ประโยชน์แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ไ มากมายหลายประการ ทั้งนี้เพราะพระเดชพระคุณดํารงตนอยู่ในอิทธิบาท ๔ ประการ ซึ่งนอกจากจะทําให้ประสบความสําเร็จในการปฏิบัติแล้ว ยังเป็นธรรมที่ทําให้พระเดชพระคุณมีอายุยืนยาวถึง ๙๑ ปี

     สมดังพระบาลีที่ได้รับ พระราชทานยกเป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นว่า
    “ยสส กสฺสจิ อานนฺท จตฺตาโร อิทธิปาทา" เป็นต้น
     แปลความว่า “อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทําให้มากแล้ว...ผู้นั้นเมื่อหวังอยู่ จึงดํารงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป"

     ขอรับพระราชทานถวายวิสัชนาว่า
     คำว่า กัป ในพระบาลีนี้ หมายถึง อายุกัป คือ อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้นๆ บุคคลผู้เจริญอิทธิบาท ๔ สามารถมี ชีวิตอยู่ได้ตลอดอายุขัยหรือเกินกว่านั้น
     คําว่า อิทธิบาท หมายถึง คุณธรรมที่นําไปสู่ความสําเร็จแห่งผลที่ปรารถนามี ๔ ประการ ได้แก่

@@@@@@@

๑. ฉันทะ คือ ความพอใจใฝ่รักสิ่งทีท่า นั่นคือ ความรักงานและรักจุดหมายของงาน ฉันทะเป็นแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่ก่อให้เกิดการกระทํา แบ่งออก เป็นธรรมฉันทะ คือ ความใฝ่ดีมีอุดมการ และกัตตุกัมยตาฉันทะ คือ ความใฝ่ทํากิจมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน

ดังพระบาลีที่ว่า “วายเมเถวปุริโส” เป็นต้น แปลความ ว่า “เกิดเป็นคนต้องพยายามร่ำไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ปรารถนา เป้าหมายงดงามเมื่อทําสําเร็จ”

โดยนัยนี้ ฉันทะ หมายถึง ความพอใจที่จะ มีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อใครหรือเพื่ออะไร ฉันทะจึงเป็นอิทธิบาทข้อหนึ่งที่ทําให้บุคคลมีอายุยืนยาว

๒. วิริยะ คือ ความขยันหมั่นเพียรและความกล้าที่จะเผชิญความยากลําบาก ฉันทะเกื้อหนุนให้เกิดวิริยะ นั่นคือ เมื่อบุคคลมีความรักและพอใจที่จะทํากิจการใด เขาก็มีความขยันหมั่นเพียรในการทํากิจการนั้น

เมื่อบุคคลรักและพอใจที่จะอยู่เพื่อใครหรือเพื่ออะไร เขาก็จะขวนขวายดูแลรักษาสุขภาพ ให้ปลอดจากโรคภัย เช่น โควิด ๑๙ หรือถ้าถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนก็เข้ารับการรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด เป็นต้น

สมดังพุทธภาษิตที่ว่า “วิริเยน ทุกฺ ขมจฺเจติ คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร" วิริยะเป็นอิทธิบาทอีกข้อหนึ่ง ที่ทําให้คนมีอายุยืนยาว

@@@@@@@

๓. จิตตะ คือ การประคองจิตให้จดจ่อหรือฝักใฝ่อยู่ในงานที่กําลังทํา เมื่อทํางานใดก็เพ่งจิตจดจ่ออยู่กับงานนั้น จนกว่าจะประสบความสําเร็จ ไม่มีการหยุดกลางคันแบบกิ้งก่าที่วิ่งๆหยุดๆ

สมดังพระบาลีที่ว่า “กยิรา เจ กยิราเถนํ ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม” แปลความว่า “ถ้าคิดจะทําเรื่องใด ให้ทำเรื่องนั้นจริงจัง มุ่งมั่นทําเรื่องนั้นเรื่อยไป”

ดังกรณีของคนรักสุขภาพผู้หมั่นออกกําาลังกายต่อเนื่องยาวนานนับปี เขาย่อมมีสุขภาพดีมีอายุยืนยาวเพราะอิทธิบาทข้อจิตตะ

๔. วิมังสา คือ การใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญในการวางแผน ก่อนลงมือทํากิจการใดๆ หรือการใช้ปัญญาพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

สมดังพระบาลีทีว่า “ทุกฺขูปนีโตปิ นโร สปญฺโญ อาสํ น ฉินฺเทยฺย สุขาคมาย" แปลความว่า “คนมีปัญญา ถึงเผชิญกับความทุกข์ ก็ไม่ยอมสิ้นหวังที่จะได้พบความสุข”

เหมือนกับกรณีของชาวโลกทุกวันนี้ ที่กําลังเผชิญกับความทุกข์ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด ๑๙ ก็ใช้วิมังสาปัญญาสอบสวนจน ค้นพบวัคซีนประเภทต่างๆที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อหรือเสียชีวิตเพราะโควิด ๑๙ วิมังสาจึงเป็นอิทธิบาทอีกข้อหนึ่งที่ทําให้คนมีอายุยืนยาว


(https://www.madchima.org/forum/gallery/2_09_07_24_6_53_08.png)

บุคคลผู้ประสงค์จะได้สุขภาพที่มีอายุยืนยาวต้องทําอิทธิบาท ๔ ให้เป็น โอปนยิโก คือ น้อมน่าเอาไว้ในตน เช่นเดียวกับกรณีของพระเจ้าปเสนทิโกศล ดังต่อไปนี้

ตามปกติ พระเจ้าปเสนทิโกศลเสวยพระกระยาหารเป็นข้าวสวยที่หุง จากข้าวสาร ๑ ทะนาน วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลเสวยแล้วรู้สึกอึดอัด พระวรกาย พระองค์เสด็จเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวัน พระพุทธเจ้าทรงสังเกตเห็นว่า พระราชามีความอึดอัดกระวนกระวาย เพราะเสวยพระกระยาหารมากเกินไป จึงตรัสพุทธภาษิตเตือนสติว่า
    “มนุชสฺส สทา สติมโต” เป็นต้น แปลความว่า
    "มนุษย์ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้จักประมาณในโภชนะที่ได้มา ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาจะแก่ช้า มีอายุยืน”

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงพอพระทัยในพุทธภาษิตนี้อย่างมาก แต่ไม่อาจท่องจําได้ด้วยพระองค์เอง ทรงสั่งมหาดเล็กชื่อว่าสุทัสสนมาณพให้ ท่องจําจากพระพุทธเจ้าแล้วสาธยายพุทธภาษิตนี้ ในเวลาที่พระองค์เสวยพระกระยาหารทุกวัน

พระพุทธเจ้าทรงแนะนํามาณพว่า ไม่ควรสาธยายพุทธภาษิตนี้พร่ำเพรื่อ อย่าสาธยายเมื่อพระราชาเสวยพระกระยาหารก้อนแรก ให้สาธยายเมื่อทรงถือพระกระยาหารก้อนสุดท้าย เมื่อพระราชาทรงได้ยินพุทธภาษิตนี้ จักทรงทิ้งก้อนข้าวสุดท้ายนั้น เมื่อทรงล้างพระหัตถ์แล้ว ให้ชักถาดพระกระยาหารออกมานับเมล็ดข้าวว่าเหลือเท่าใด วันรุ่งขึ้นก็ฟังลดข้าวสารเพียงเท่านั้น

สุทัสสนมาณพได้ทําตามคําแนะนําของพระพุทธเจ้าและสามารถทําให้พระราชาลดพระกระยาหารลงได้ทุกวัน นั่นคือ จากที่เคยเสวยข้าวสุกจากข้าวสารหนึ่งทะนาน ก็เหลือเพียงข้าวสุกหนึ่งทะนานเท่านั้น เมื่อพระราชาลดพระกระยาหารได้ขนาดนี้ พระพุทธเจ้าทรงให้สุทัสสนมาณพ หยุดสาธยายพุทธภาษิตตั้งแต่นั้นมา พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เสวยเพียงข้าวสุก หนี่งทะนานพร้อมด้วยกับข้าวที่พอเหมาะกัน

@@@@@@@

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงประสบความสําเร็จในการลดนํ้าหนักและฟื้นฟูสุขภาพอันดีให้กลับคืนมา เพราะทรงปฏิบัติตามอิทธิบาททั้ง ๔ ประการดังนี้

     ประการแรก พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงมีฉันทะ คือ ความพอใจในเป้าหมายแห่งการลดน้ําหนักบวกกับความรักและความศรัทธาในพระพุทธเจ้า พุทธภาษิตจึงมีพลังมากพอที่จะให้พระองค์เริ่มหยุดเสวยพระกระยาหาร

     ประการที่สอง พระราชาทรงมีวิริยะ คือ หยุดเสวยพระกระยาหารทุ ครั้งที่ได้ยินพุทธภาษิตนี้ที่สุทัสสนมาณพสาธยายที่โต๊ะเสวย

     ประการที่สาม พระราชาทรงมีจิตตะ คือ ประคองจิตให้ยึดมั่นอยู่กับการลดพระกระยาหาร โดยไม่ยอมแพ้ต่อความหิวที่คอยรบกวนจิตใจ

     ประการสุดท้าย พระราชาทรงมีวิมังสา คือ ใช้ปัญญาพิจารณาแก้ปัญหาการท่องจําพุทธภาษิต ด้วยการสั่งให้สุทัสสนมาณพท่องจําแทน แล้วนำมาสาธยายที่โต๊ะเสวย ซึ่งก็ได้ผล คือ พระเจ้าปเสนทิโกศลลดนํ้าหนักสําเร็จ

@@@@@@@

ในยามที่มีชีวิตอยู่ พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวทีได้น้อมน่าเอาอิทธิบาท ๔ มาไว้ในตน จึงประสบความสําเร็จในการปฏิบัติศาสนกิจในฐานะเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม และในฐานะกรรมการเลขานุการศูนย์ควบคุม การเดินทางไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร หรือ ศ.ต.ภ. และแม้จะทํางานหนักตลอดเวลา แต่ก็ทํางานด้วยฉันทะ(มีใจรัก) วิริยะ(พากเพียรทํา) จิตตะ(ตั้งจิตมั่น) และวิมังสา(ใช้ปัญญาสอบสวน) จึงมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ดังรับพระราชทานถวายวิสัชชนามา

สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ กอปรด้วยพระราชศรัทธาในปฏิปทา ชีวิตที่เพียบพร้อมด้วยอิทธิบาทธรรมทั้งสี่ประการ จึงทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ การทําเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร ๕๐ วัน อุทิศถวายพระเดชพระคุณ พระธรรมสิทธิเวที (ถมยา อภิจาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม

อิมินา กตปุญเญนะ ขออํานาจพระราชกุศลที่ทรงบําเพ็ญให้เป็นไปด้วยดีในหมู่สงฆ์ทั้งปวงนี้ จงสัมฤทธิประสิทธิ์อิฏฐวิบากศุภผลเพิ่มบารมีธรรมยิ่งขึ้นไปในสัมปรายภพ แต่พระเดชพระคุณพระธรรมสิทธิเวที (ถมยา อภิจาโร สมพระราชเจตนาปรารภทุกประการ

     รับพระราชทานถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนาในอิทธิบาทกถา ฉลองพระเดชพระคุณประดับพระปัญญาบารมี ยุติลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้
     เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ
     ขอถวายพระพร