สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 30, 2024, 06:24:00 am



หัวข้อ: เฮรับข่าวดี.! “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 30, 2024, 06:24:00 am
.
(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/567000006477501.JPEG)


เฮ รับข่าวดี.! “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย

ส่งเสียงเฮดังๆ อีกครั้ง กับมรดกโลกแห่งล่าสุดของไทย “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย โดยในวันที่ 28 ก.ค. - 12 ส.ค. นี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ร่วมเฉลิมฉลองการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

อีกหนึ่งข่าวดีของเมืองไทยเมื่อ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย

“อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุมพื้นที่ 3,430 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขือน้ำ บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทาง 67 กิโลเมตร


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/567000006477502.JPEG)

สภาพภูมิประเทศของภูพระบาทมีลักษณะเป็นโขดหินและเพิงผาที่กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดจากการผุพังสลายตัวของหินทราย ซึ่งมีเนื้อหินที่แข็งแกร่งแตกต่างกัน ระหว่างชั้นของหินที่เป็นทรายแท้ ซึ่งมีความแข็งแกร่งมาก กับชั้นที่เป็นทรายปนปูนซึ่งมีความแข็งแกร่งน้อยกว่า นานๆ ไปจึงเกิดเป็นโขดหิน และเพิงผารูปร่างแปลกๆ ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

จากการสำรวจทางโบราณคดีที่ผ่านมา ปรากฏร่องรอยของกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000 – 3,000 ปีมาแล้ว มีการพบภาพเขียนสีมากกว่า 54 แห่ง ยังพบการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนใน วัฒนธรรมทวารวดี ลพบุรี สืบต่อกันมาจนถึงวัฒนธรรมล้านช้าง ตามลำดับ ซึ่งร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางสังคมของ มนุษย์ได้เป็นอย่างดี


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/567000006477503.JPEG)

สำหรับ “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period)  โดยเป็นมรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย และทำให้อุดรธานีมีแหล่งมรดกโลกถึง 2 แห่งเป็นจังหวัดแรกในเมืองไทย คือ มรดกโลกบ้านเชียง และมรดกโลกภูพระบาท

ภูพระบาท ได้รับการประกาศเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง จำนวน 2 แหล่ง ประกอบด้วย

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกห่างจากอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12 - 16) อันโดดเด่นที่สุดของโลก ตามเกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ข้อที่ 3 คือสามารถอนุรักษ์กลุ่มใบเสมาหินสมัยทวารวดีที่มีจำนวนมากและเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยใบเสมาดังกล่าวมีความสมบูรณ์และยังคงตั้งอยู่ในสถานที่ตั้งเดิม แสดงถึงวิวัฒนาการที่ชัดเจนของรูปแบบ และศิลปกรรมที่หลากหลายของใบเสมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์

และเกณฑ์ข้อที่ 5 ภูมิทัศน์ของภูพระบาทได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่เพื่อประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และยังคงความสำคัญของกลุ่มใบเสมาหิน โดยความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับประเพณีสงฆ์ในฝ่ายอรัญญวาสี (พระป่า) ภูพระบาทจึงเป็นประจักษ์พยานที่โดดเด่นของการใช้ประโยชน์ของธรรมชาติ เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี ซึ่งได้รับการสืบทอด รักษาวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องยาวนาน เชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมของอรัญวาสีมาถึงปัจจุบัน


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/567000006477504.JPEG)

โดยปัจจุบัน ประเทศไทย มีมรดกโลก 8 แหล่ง ได้แก่

มรดกโลกทางวัฒนธรรม 4 แห่ง คือ
-เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (ปี 2534)
-นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (ปี 2534)
-แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (ปี 2535)
-เมืองโบราณศรีเทพ (ปี 2566)
-อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท (ล่าสุด ปี 2567)

มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง คือ
-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ – ห้วยขาแข้ง (ปี 2534)
-กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (ปี 2548)
-กลุ่มป่าแก่งกระจาน (ปี 2564)

ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 12 สิงหาคม 2567 เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคน ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ร่วมเฉลิมฉลองการประกาศขึ้นทะเบียน ภูพระบาทเป็นมรดกโลกในครั้งนี้




ขอบคุณ : https://mgronline.com/travel/detail/9670000063636
เผยแพร่ : 27 ก.ค. 2567 13:01 ,ปรับปรุง : 27 ก.ค. 2567 13:01 ,โดย : ผู้จัดการออนไลน์
*ภาพจาก กรมศิลปากร


หัวข้อ: Re: เฮรับข่าวดี.! “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 30, 2024, 06:56:15 am
.
(https://news.thaipbs.or.th/media/2aYqS0l4EOhseuUiThEQpTu6ItUEAUfL.jpg)


ยูเนสโกประกาศ "ภูพระบาท" เป็นมรดกโลก

ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียน "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นแห่งที่ 5 ของไทย ต่อจากเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ที่ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่กรมศิลป์เปิดให้เข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ฟรี 28 ก.ค.-12 ส.ค.นี้

วันนี้ (27 ก.ค.2567) องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period)

ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของ จ.อุดรธานี ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อ พ.ศ.2535

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า การที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ ถือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย ต่อจากนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี และเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ที่ได้รับการประกาศในปีที่ผ่านมา


(https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT4Op8U9i5IHZTcxLxmKuxTzmvf.jpg)

โดยอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก ภายใต้คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ได้แก่ การรักษาความเป็นของแท้และดั้งเดิมของแหล่งวัฒนธรรม สีมาหินสมัยทวารวดี และเป็นประจักษ์พยานที่ยอดเยี่ยมของการสืบทอดของวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องอย่างยาวนานกว่าสี่ศตวรรษ โดยเชื่อมโยงเข้ากับประเพณีของวัดฝ่ายอรัญวาสีในเวลาต่อมา

จึงขอเชิญชวนให้ชาวไทยทั่วประเทศร่วมแสดงความยินดี และเฉลิมฉลองในโอกาสที่ภูพระบาทได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรม จะพยายามผลักดันให้เกิดแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่ อย่างต่อเนื่อง

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-12 ส.ค.2567 เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคน ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ร่วมเฉลิมฉลองการประกาศขึ้นทะเบียน ภูพระบาทเป็นมรดกโลกในครั้งนี้


(https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT4Op8U9i5IHZTmSCLWj0kOxS3c.jpg)

ภูพระบาท ได้รับการประกาศเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง จำนวน 2 แหล่ง ประกอบด้วย

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกห่างจากอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16) อันโดดเด่นที่สุดของโลก ตามเกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล

ข้อที่ 3 คือ สามารถอนุรักษ์กลุ่มใบเสมาหินสมัยทวารวดีที่มีจำนวนมาก และเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยใบเสมาดังกล่าว มีความสมบูรณ์และยังคงตั้งอยู่ในสถานที่ตั้งเดิม แสดงถึงวิวัฒนาการที่ชัดเจนของรูปแบบ และศิลปกรรมที่หลากหลายของใบเสมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์

และเกณฑ์ข้อที่ 5 ภูมิทัศน์ของภูพระบาทได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ เพื่อประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และยังคงความสำคัญของกลุ่มใบเสมาหิน โดยความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับประเพณีสงฆ์ในฝ่ายอรัญญวาสี (พระป่า)

ภูพระบาทจึงเป็นประจักษ์พยานที่โดดเด่นของการใช้ประโยชน์ของธรรมชาติ เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี ซึ่งได้รับการสืบทอด รักษาวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องยาวนาน เชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมของอรัญวาสีมาถึงปัจจุบัน

@@@@@@@

ด้าน นายนมัสวิน นาคศิริ นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดเผยว่า การเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมีอยู่ 2 ประเด็น คือ

1. อุทยานฯ ภูพระบาท ได้ปรากฏวัฒนธรรมเสมา ซึ่งเป็นคติความเชื่อที่ผสมผสาน ระหว่างการนับถือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ และการกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยหลักหินหรือใบเสมา ซึ่งประเด็นนี้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นต้นแบบของการกำหนดพื้นที่อุโบสถ ที่มีใบเสมาล้อมรอบอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ประเด็นที่ 2. มีหลักฐานอันเด่นชัดว่า มีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ โดยมนุษย์เหล่านี้ได้เข้ามาดัดแปลงหินให้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ดังปรากฏพระพุทธรูปภายในถ้ำหิน

สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เคยถูกเสนอเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2547 ต่อมาถูกถอนรายชื่อกระทั่งปี 2559 ได้เสนอเพื่อให้มีการพิจารณาการขึ้นทะเบียนอีกครั้ง


(https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT4Op8U9i5IHZTTv4fhK4cVi9kK.jpg)


เฮลั่น.! "ภูพระบาท" เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของอุดรธานี

บรรยากาศในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี วันนี้ คึกคักเป็นพิเศษ มีหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และนักท่องเที่ยว มารอลุ้น การประกาศให้ภูพระบาทขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

โดยหอนางอุสา ซึ่งมีลักษณะเป็นโขดหินคล้ายรูปดอกเห็ดหรือหอคอยขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนลานหินกว้าง ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่สำคัญสำหรับแหล่งโบราณคดี เพื่อประกอบการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อยูเนสโก

ภายนอกหอนางอุสา ยังมีภาพเขียนสีทั้งส่วนฐานและส่วนบน เชื่อว่าเป็นการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณบริเวณโดยรอบรองไปด้วยใบเสมาและถ้ำหินที่มีพระพุทธรูปสมัยทวารวดี ซึ่งบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา โดยหอนางอุสาเชื่อว่าใช้ในการทำพิธีกรรมทางศาสนา จึงถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และชาวบ้านในละแวกนี้ให้ความเคารพศรัทธา


(https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhT4Op8U9i5IHZTUcH2hWkcFUOeQ.jpg)

ไทยพีบีเอสได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว ซึ่งเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ บอกว่า เป็นครั้งแรกที่มาท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และเพิ่งจะทราบข่าวว่าวันนี้คณะกรรมการจะมีการพิจารณาการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกลำดับที่ 6

ขณะที่นายนมัสวิน นาคศิริ นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดเผยว่า การเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมีอยู่ 2 ประเด็น คือ 1 อุทยานฯ ภูพระบาท ได้ปรากฏวัฒนธรรมเสมา ซึ่งเป็นคติความเชื่อที่ผสมผสานระหว่างการนับถือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และการกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยหลักหินหรือใบเสมา ซึ่งประเด็นนี้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นต้นแบบของการกำหนดพื้นที่อุโบสถที่มีใบเสมาล้อมรอบอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

และในประเด็นที่ 2 มีหลักฐานอันเด่นชัดว่ามีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ โดยมนุษย์เหล่านี้ได้เข้ามาดัดแปลงหินให้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ดังปรากฏพระพุทธรูปภายในถ้ำหิน


(https://news.thaipbs.or.th/media/BRpLwT0TYaGXOF4tVvkMMlTIqML3gkghDblmtkn8FCpP3.jpg)




Thank to : https://www.thaipbs.or.th/news/content/342432 (https://www.thaipbs.or.th/news/content/342432)
27 ก.ค. 67 13:13