หัวข้อ: จิตปราศจากกิเลส : วิระชัง เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 31, 2024, 06:45:05 am .
(https://www.madchima.org/forum/gallery/2_31_07_24_6_36_04.jpeg) มงคลที่ ๓๗ มีจิตปราศจากกิเลส : วิระชัง ๏ หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม ๛ กิเลส ก็คือ สิ่งที่ทำให้เกิดความเศร้าหมอง ซึ่งได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ท่านได้แบ่งประเภทของกิเลสออกเป็นดังนี้ คือ @@@@@@@ ๑. ราคะ สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น - ความโลภอย่างแรงจนแสดงออกมา เช่นการลักขโมย ปล้น จี้ ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นต้น (อภิชฌาวิสมโลภะ) - ความเพ่งเล็งจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตัว มีใจอยากได้ของคนอื่นแต่ยังไม่ถึงกับแสดงออก (อภิชฌา) - ความอยากได้ในทางไม่ชอบ เช่นการยอมรับสินบน การทุจริตเพื่อแลกกับการมีทรัพย์เป็นต้น (ปาปิจฉา) - ความมักมากเห็นแก่ได้ ด้วยการเอามาเป็นของตนจนเกินพอดี เอาประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น (มหิจฉา) - ความยินดีในกาม ก็คือยังไม่สามารถละกิจกรรมทางเพศได้ ยังมีความรู้สึก มีแรงกระตุ้น มีความพอใจในเรื่องเพศ (กามระคะ) - ความยินดีในรูปธรรมอันปราณีต ก็คือติดอยู่ในอารมณ์ของรูปฌาณ ปรารถนาในรูปของภพเมื่อทำสมาธิขั้นสูงขึ้นไป (รูปราคะ) - ความยินดีในอรูปฌาณ ก็คือติดอยู่ในอารมณ์ของอรูปฌาณเมื่อทำสมาธิถึงภพของอรูปพรหม (อรูปราคะ) ๒. โทสะ สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น - พยาบาท คือการผูกใจอาฆาต มีใจที่ไม่หวังดี การจองเวร - โทสะ คือการคิดประทุษร้าย เนื่องด้วยมีใจพยาบาทแล้วก็มีใจคิดหมายทำร้าย - โกธะ คือความโกรธ ความเดือดร้อนใจ ซึ่งล้วนเป็นเหมือนไฟที่เผาตัวเอง - ปฏิฆะ คือความขัดใจ ความไม่พอใจอันทำให้อารมณ์หงุดหงิด ๓. โมหะ สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น - ความเห็นผิดเป็นชอบ เช่นการไม่เชื่อในเรื่องบาป เรื่องบุญเป็นต้น (มิจฉาทิฐิ) - ความหลงผิด ไม่รู้ตามความเป็นจริง (โมหะ) - การเห็นว่ามีตัวตน เช่นการเชื่อในสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น (สังกายทิฏฐิ) - ความสงสัย คือสงสัยในพระธรรม คำสั่งสอนในเรื่องการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ (วิจิกิจฉา) - การยึดถืออย่างงมงาย เช่นการไปกราบไหว้สัมพเวสีที่อยู่ตามต้นไม้ ขอลาภเป็นต้น (สีลัพพตปรามาส) - ความถือตัว คือการสำคัญตัวเองผิดว่าเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ (มานะ) - ความฟุ้งซ่าน คือการที่จิตใจว่อกแวก คิดไม่เป็นสาระ ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่มีสมาธิ หรือการทำสมาธิไม่นิ่ง (อุทธัจจะ) - ความไม่รู้จริง คือการที่รู้แค่ผิวเผิน หรือการทึกทักเอาเอง ไม่ปฏิบัติตามหลักพระธรรม ยังไม่เกิดปัญญา (อวิชชา) @@@@@@@ โทษของการมีกิเลสดังกล่าวข้างต้น พอสรุปได้สั้นๆ ดังนี้คือ ๑. ราคะ มีโทษน้อย แต่คลายช้า ๒. โทสะ มีโทษมาก แต่คลายเร็ว ๓. โมหะ มีโทษมาก แต่คลายช้า ขอขอบคุณ :- ภาพ : pinterest ข้อธรรม : พระธรรมวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวณฺโณ) วัดโสมนัสวิหาร website : https://www.dhammathai.org/treatment/poem/poem37.php (https://www.dhammathai.org/treatment/poem/poem37.php) |