หัวข้อ: พระพุทธรูปทวารวดี อายุ 1,000 ปี จากเมืองสุโขทัย คนแห่กราบไหว้เพราะศักดิ์สิทธิ์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 07, 2024, 06:06:51 am (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2024/09/CoverPhoto-DhavaravatiBuddha-696x364.jpg) พระพุทธรูปศิลา ศิลปะทวารวดี ที่อัญเชิญจากเมืองสุโขทัยมากรุงเทพฯ ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธรูปทวารวดี อายุ 1,000 ปี จากเมืองสุโขทัย คนแห่กราบไหว้เพราะศักดิ์สิทธิ์ ทำเอาแพเกือบจม! ในห้องทวารวดี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรูปทวารวดี” องค์ใหญ่สะดุดตา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปยืนศิลปะทวารวดีองค์ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบในปัจจุบัน พระพุทธรูปองค์นี้มีความน่าสนใจ ไม่เพียงการเป็นหลักฐานร่องรอยวัฒนธรรมทวารวดีในสุโขทัย แต่ยังเลื่องลือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ถึงขั้นมีผู้คนแห่ไปกราบไหว้บูชา ทำเอาแพที่ประดิษฐานล่องลงมากรุงเทพฯ เกือบจมมาแล้ว (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2018/02/28279595_1792684534117380_2392264237523527243_n-296x300.jpg) ภาพถ่ายเก่าเจดีย์ทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดมหาธาตุ เมืองเก่าสุโขทัย (ภาพจากเพจอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย) “พระพุทธรูปทวารวดี” อายุนับพันปี พระพุทธรูปศิลาองค์นี้จัดอยู่ในศิลปะทวารวดี ประมาณอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 หรือราว 1,000 ปีก่อน พบที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. 2469 และนำมาไว้ที่ “พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร” เมื่อ พ.ศ. 2471 พระพุทธรูปสูงรวมฐาน 330 เซนติเมตร แบ่งเป็นฐานสูง 38 เซนติเมตร และองค์พระสูง 292 เซนติเมตร ใช้หิน 4 ชิ้น ประกอบเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ชิ้นแรกคือตั้งแต่พระเศียรลงไปถึงพระโสณี (สะโพก) ชิ้นที่ 2 ตั้งแต่พระโสณีลงไปถึงฐานบัว ส่วนชิ้นที่ 3 และ 4 ทำพระกรช่วงล่างทั้ง 2 ข้าง ซึ่งการใช้หินหลายก้อนแบบนี้ เป็นกรรมวิธีการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ของทวารวดี จุดเด่นของพระพุทธรูปคือมีพระพักตร์เหลี่ยม พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรเหลือบต่ำแสดงความสงบ พระนาสิกใหญ่ พระโอษฐ์แบะ พระกรรณยาว ขมวดพระเกศาเวียนเป็นวงก้นหอย พระอุษณีษะนูนสูงเด่น องค์พระครองจีวรห่มคลุม ไม่มีริ้ว บางแนบเนื้อราวผ้าเปียกน้ำ ทำให้เห็นพระพุทธสรีระและขอบสบงที่บริเวณบั้นพระองค์ชัดเจน ชายจีวรด้านหน้ายกสูงพาดผ่านพระชงฆ์เป็นรูปวงโค้ง ชายจีวรด้านหลังยาวเป็นกรอบสี่เหลี่ยม มีชายทบไปมาแบบเขี้ยวตะขาบ และเห็นชายสบงอยู่ตรงกลางระหว่างจีวรด้านหน้ากับด้านหลัง ส่วนพระกรส่วนบนทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่พระพาหา (ต้นแขน) จนถึงพระกะโประ (ศอก) มองเห็นหลุมวงกลมที่ใช้สำหรับรับเดือยของพระกรท่อนล่างที่หลุดหายไปแล้ว ขณะที่พระบาททั้ง 2 ข้าง มีฐานสลักกลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงายรองรับ ไม่สกัดหินบริเวณข้อพระบาทออก ถือเป็นกรรมวิธีรับน้ำหนักที่พบได้ในประติมากรรมศิลปะทวารวดี ที่มีต้นแบบอยู่ในศิลปะคุปตะของอินเดีย (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2018/02/28058990_1792684740784026_3885216529089739842_n-294x300.jpg) แผ่นหินปิดปากกรุเจดีย์ พบจากการขุดค้น ขุดแต่ง และบูรณะวัดมหาธาตุ เมืองเก่าสุโขทัย (ภาพจากเพจอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เมืองสุโขทัย หลังจากค้นพบพระพุทธรูปทวารวดีองค์นี้ที่วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. 2469 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ทรงมีพระประสงค์จะให้อัญเชิญลงมาไว้ยังพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร เรื่องนี้ พนมกร นวเสลา เล่าไว้ในบทความ “พระพุทธรูปทวารวดีองค์ใหญ่จากเมืองสุโขทัยกับศรัทธาประชาชนในสมัยรัชกาลที่ 7” ในนิตยสารศิลปากร ว่า กรมดำรงทรงมีลายพระหัตถ์ถึง พระยาสุรินทรภักดี (จิตร ไกรฤกษ์) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยขณะนั้น เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2471 ทรงระบุว่า ได้เสด็จยังเมืองสุโขทัย และทรงเห็นพระพุทธรูปศิลาองค์ใหญ่ ควรเชิญลงมารักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร แต่องค์พระมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ต้องบรรทุกลงเรือมา หากถึงฤดูน้ำหลากก็ให้จ้างเรือบรรทุกสินค้าบรรทุกพระพุทธรูปล่องลงมาส่งที่กรุงเทพฯ ต่อมา ทางราชการได้จ้างแพจากบริษัท บอมเบย์ เบอร์มา ให้บรรทุกพระพุทธรูปมายังกรุงเทพฯ เริ่มขนย้ายเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม มีนายพลอย มั่งคั่ง และลูกจ้างของบริษัทเป็นผู้คุมแพ และมีนายดาบ ขุนเพียรพิทักษ์ชล ผู้ควบคุมเรือกลไฟหลวง นำเรือกลไฟหลวงวาสุเทพล่องลงมาด้วย พอวันที่ 11 พฤศจิกายน เมื่อแพล่องถึงหน้าที่ทำการอำเภอบางคลาน ซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำยมกับแม่น้ำพิจิตร ปรากฏว่าเกิดคดีความขึ้น เหตุเพราะนายพลอย ผู้คุมแพ และพวกพ้อง หลอกลวงชาวบ้านในพื้นที่ว่าพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนต่างหลงเชื่อ พากันไปขอซื้อผ้าที่มีรอยประทับอุณาโลมตรงพระนลาฏ (หน้าผาก) ทั้งยังเก็บเงินชาวบ้านที่อยากชมพระพุทธรูปอีกด้วย @@@@@@@ รายละเอียดเหตุการณ์นี้ ปรากฏในลายพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทูลกรมดำรง ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2472 ความตอนหนึ่งว่า “…ตามสำนวนการไต่สวนได้ความว่า เมื่อนายพลอยกับพวกล่องแพพระพุทธรูปมาหยุดที่อำเภอบางคลาน นายพลอยกับพวกได้ใช้อุบายหลอกลวงราษฎรว่าพระพุทธรูปนั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่คงกะพันต่างๆ มีราษฎรเชื่อถือและได้พากันไปขอซื้อผ้าที่มีรอยประทับอุณณาโลม นำผ้าไปขอให้ประทับให้บ้างโดยเสียเงินให้ตั้งแต่รายละ ๓๐-๕๐ สตางค์ นอกนั้นยังเก็บเงินแก่ผู้ที่เข้าไปดูพระอีกเป็นอันมาก นายสอน สนสกุล ปลัดอำเภอ ซึ่งรักษาการแทนนายอำเภออยู่เวลานั้นเห็นว่าเป็นอุบายหลอกลวงหาประโยชน์จากราษฎร โดยไม่ชอบ จึงได้จับตัวมาไต่สวนและขังไว้คืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็ปล่อยตัวไป…” เรื่องหลอกลวงราษฎรยังไม่ทันจบเรื่องดี ก็เกิดเรื่องใหม่ขึ้น เพราะระหว่างจับกุมตัวนายพลอยและพรรคพวก ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เฝ้าพระพุทธรูปศิลาเลย ชาวบ้านบางส่วนเลยถือโอกาสเข้าไปกะเทาะศิลาไว้เป็นเครื่องราง ทางจังหวัดพิจิตรจึงต้องตามสืบสวน จนอายัดส่วนศิลาได้ 6 ชิ้น และส่งตามมากรุงเทพฯ ภายหลัง เมื่อพระพุทธรูปเมืองสุโขทัยมาถึงกรุงเทพฯ ชื่อเสียงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งเลื่องลือ ดังที่กรมดำรงทรงมีลายพระหัตถ์ทูลกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ลงวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2472 ว่า “…ด้วยมีคนตื่นพระพุทธรูปองค์นี้ลงมาตลอดทาง เมื่อถึงห้างบอมเบย์เบอร์มาในกรุงเทพฯ มีคนตื่นกันไปบูชา และพิมพ์อุณาโลมที่องค์พระจนแพจวนจะจม ถึงผู้จัดการบริษัทฯ ต้องร้องขอตำรวจนครบาลไปคอยห้ามปราม แม้เมื่อพระมาถึงพิพิธภัณฑสถานแล้ว ก็ยังมีคนตามมาบูชาเป็นอันมาก จนกระทั่งตั้งพระแล้วจะพิมพ์ที่อุณาโลมไม่ถึงจึงสงบไป…” หากใครไปชมความงามของพระพุทธรูปศิลาสมัยทวารดีองค์นี้ ลองสังเกตที่ต้นขาของพระพุทธรูป อาจพบร่องรอยการปิดทองคำเปลว ที่แสดงถึงความศรัทธาของผู้คนในอดีตปรากฏให้เห็น อ่านเพิ่มเติม :- • กําแพงเพชรกับสุโขทัย “นอนไม่เหมือนกัน” ดูได้จาก “พระนอน” (https://www.silpa-mag.com/culture/article_28926) • “ภาพถ่ายเก่า” ขณะทำการขุดค้น วัดมหาธาตุ เมืองเก่าสุโขทัย (https://www.silpa-mag.com/old-photos-tell-the-historical-story/article_15707) • เมื่อ “สุโขทัย” (ถูกทำให้) เป็น “ราชธานี” แห่งแรกของ “ชาติไทย” (https://www.silpa-mag.com/history/article_56912) ขอขอบคุณ :- ผู้เขียน : สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ เผยแพร่ : วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ.2567 เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 4 กันยายน 2567 website : https://www.silpa-mag.com/culture/article_138557 (https://www.silpa-mag.com/culture/article_138557) อ้างอิง :- - รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, ผู้จัดทำข้อมูล. ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). - พนมกร นวเสลา. “พระพุทธรูปทวารวดีองค์ใหญ่จากเมืองสุโขทัยกับศรัทธาประชาชนในสมัยรัชกาลที่ 7”, นิตยสารศิลปากร. ปีที่ 66 ฉบับที่ 3 พ.ค. – มิ.ย. 2566. |