สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 09, 2024, 08:24:39 am



หัวข้อ: นักวิจัยฮาร์วาร์ดชี้ ชีวิตคนโสดสุดแฮปปี้ ยิ่งอายุเกิน 40 ยิ่งมีความสุขมากขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 09, 2024, 08:24:39 am
.
(https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/800/cpsprodpb/a576/live/c2b8f9e0-ac48-11ef-bfca-7d99fb9e396c.jpg.webp)
ที่มาของภาพ, Getty Images , คำบรรยายภาพ, งานวิจัยชิ้นใหม่ของดร.เบญา เดเปาลู ชี้ว่าคนโสดไม่ได้มีชีวิตที่โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอย่างที่เคยคิดกัน


นักวิจัยฮาร์วาร์ดชี้ ชีวิตคนโสดสุดแฮปปี้ ยิ่งอายุเกิน 40 ยิ่งมีความสุขมากขึ้น

ดร.เบญา เดเปาลู เล่าถึงชีวิตในวัยสาวของเธอตอนที่ยังมีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีว่า ขณะนั้นเธอรู้สึกว่าตนเองมีความสุขดีกับชีวิตโสด แต่ในใจก็ยังคงนับถอยหลัง รอวันที่ความสุขของสาวโสดจะจืดจางและมลายหายไปเมื่อเริ่มแก่ตัวลง ซึ่งเป็นคำบอกเล่าที่บรรดาคนรอบข้างพูดกรอกหูเธอมาตลอด

ปัจจุบัน ดร.เดเปาลู มีอายุได้ 71 ปีแล้ว แต่เธอกลับพบว่าความสุขจากการครองตัวเป็นโสดมาเกินครึ่งศตวรรษ ยังคงไม่จืดจางห่างหายไปไหน ยิ่งไปกว่านั้น การอยู่ตัวคนเดียวยังเปิดโอกาสให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสุดเหวี่ยงเต็มที่ในทุกด้านอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อฝังหัวของคนส่วนมาก

"เมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็ตระหนักได้ว่าการเป็นโสดคือชีวิตในรูปแบบของฉันอย่างแท้จริง เมื่อคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะสามารถลงทุนกับชีวิตโสดได้เต็มที่ เก็บเงินซื้อบ้านสักหลัง ทำในสิ่งที่ชอบและสนใจ มีชีวิตที่สุขสมบูรณ์" ดร. เดเปาลูกล่าว


(https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/800/cpsprodpb/c569/live/2af4a180-ac49-11ef-bfca-7d99fb9e396c.jpg.webp)
ที่มาของภาพ, Doug Ellis Photography , คำบรรยายภาพ, ดร.เบญา เดเปาลู ทุ่มเทอุทิศตนเพื่อการศึกษาวิจัยชีวิตของคนโสด


ดร.เดเปาลูเป็นนักจิตวิทยาสังคมและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ เธอยังเป็นผู้เขียนหนังสือ "โสดโดยธรรมชาติ" (Singles by Nature) หลังได้ทุ่มเทอุทิศตนเพื่อการศึกษาวิจัยชีวิตของคนโสดมานานหลายปี นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้วิเคราะห์ระดับของความสุขในชีวิต ซึ่งเหล่าคนโสดเป็นผู้รายงานบอกเล่าแก่นักวิจัยโดยตรง และยังศึกษาบทบาทของคนโสดในสังคมยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย

สำหรับดร.เดเปาลูแล้ว เธอมองว่าจินตนาการร่วมของผู้คนในสังคมของเรา มีแนวคิดและความเชื่อเกี่ยวกับประสบการณ์ของคนโสดอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งแนวคิดเหล่านี้หลายเรื่อง ห่างไกลจากความเป็นจริงที่นักวิจัยสังคมอย่างเธอได้พบเห็นมาอย่างมาก โดยดร.เดเปาลูกล่าวบนเวทีเท็ดทอล์ก (TED Talk) เมื่อปี 2017 ว่า "ฉันได้ทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อทำงานวิจัยค้นหาความจริงเกี่ยวกับชีวิตของคนโสด ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยมีใครเล่าให้เราฟังมาก่อน" ปัจจุบันมีผู้รับชมคลิปวิดีโอสุนทรพจน์นี้ทางออนไลน์แล้วกว่า 1.7 ล้านครั้ง


(https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/600/cpsprodpb/177d/live/3308a790-ac49-11ef-a4fe-a3e9a6c5d640.jpg.webp)
ที่มาของภาพ, Bella DePaulo , คำบรรยายภาพ, ปกหนังสือ "โสดโดยธรรมชาติ" ของดร.เดเปาลู ฉบับที่ตีพิมพ์เป็นภาษาสเปน


ผู้สื่อข่าว : ขอเริ่มการสัมภาษณ์ด้วยคำถามที่มาจากประสบการณ์ของตัวเองนะครับ ผมอายุ 38 ปี ยังโสดและบางครั้งก็รู้สึกว่า โลกลำเอียงเข้าข้างคนที่มีคู่มากกว่า ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้ได้ครับ

ดร.เดเปาลู : เป็นเรื่องจริงที่คนมีคู่ครองมักได้รับความสนใจ, ของขวัญ, ความเคารพนับถือ, หรือแม้แต่ความสำคัญโดดเด่นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพยนตร์หรือละครซีรีส์ต่าง ๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะหมุนรอบตัวพวกเขาและบรรดาคนที่ต้องการมีคู่ครองไปเสียหมด

แต่สถานการณ์เช่นนี้กำลังเปลี่ยนไป เพราะมีคนทั่วโลกที่ตัดสินใจครองตัวเป็นโสดมากขึ้นเรื่อย ๆ และเนื่องจากประชากรคนโสดมีมากขึ้น เราสามารถจะเปลี่ยนแปลงเรื่องเล่าเกี่ยวกับนิยามความหมายของชีวิตโสด ซึ่งก็ทำให้พวกเราต่างรู้สึกดีขึ้น อันที่จริงแล้วหากคุณเป็นเหมือนกับฉัน คุณจะรู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นโสดด้วยซ้ำ

ผู้สื่อข่าว : แต่บางครั้งมันยากมากครับที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นโสด ตัวอย่างเช่นเวลาที่ได้เห็นข่าวงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่บอกว่า คู่แต่งงานวัยชรารู้สึกว่าตนเองคือ "คนที่มีความสุขมากที่สุด"

ดร.เดเปาลู : ปัญหาของเรื่องนี้คืองานวิจัยที่คุณพูดถึงมันล้าสมัยแล้ว แต่งานวิจัยล่าสุดที่ติดตามศึกษาชีวิตของคนโสดพบว่า เมื่อพวกเขาเริ่มเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน จากวัยกลางคนย่างเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นวัยทอง หรือช่วงอายุตั้งแต่ราว 40 ปีขึ้นไป คนโสดจะรู้สึกได้ว่าตัวเองมีความสุขเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ผลวิจัยล่าสุดนี้ทำลายภาพลักษณ์เก่า ๆ ของคนโสด ที่มักนั่งเศร้าหรือนั่งร้องไห้อยู่บ้านคนเดียวพลางกินไอศครีมไปด้วย ทั้งที่ในความเป็นจริง คนโสดก็มีความสุขอยู่แล้วและยิ่งสุขเป็นทวีคูณเมื่อเวลาผ่านไป


(https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/800/cpsprodpb/5e88/live/9ba02ad0-ac49-11ef-bdf5-b7cb2fa86e10.jpg.webp)
ที่มาของภาพ, Getty Images , คำบรรยายภาพ, ดร. เดเปาลูบอกว่า คนโสดมีแนวโน้มจะเกิดความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งมั่นคง ในเรื่องที่ไม่ใช่ความรักโรแมนติก


ผู้สื่อข่าว : ถ้าอย่างนั้นงานวิจัยล่าสุดได้ระบุเหตุผลไหมครับว่า ทำไมคนโสดถึงมีความสุขมากกว่า

ดร.เดเปาลู : ผลวิจัยใหม่ได้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อคนเราแต่งงานกันแล้วก็มักจะเก็บตัวอยู่กันแค่สองคน โดยมีแนวโน้มที่จะโทรติดต่อกับเพื่อนฝูงน้อยลง ทั้งใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่น้อยลงด้วย เสมือนกับว่าได้สร้างฟองสบู่ขึ้นมาห่อหุ้มตัวเอง เพื่อแยกตัวจากโลกภายนอก

แต่คนโสดไม่เป็นแบบนั้น พวกเขามักจะติดต่อกับเพื่อนฝูง, ครอบครัว, และบุคคลสำคัญในชีวิตอย่างสม่ำเสมอ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนโสดยิ่งมีความสุขเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

นอกจากนี้ คนโสดยังรู้ดีว่าควรจะใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวอย่างไร พวกเขาสร้างบ้านและครัวเรือนของตนเองขึ้นมา ถนอมรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ทั้งยังมีความเป็นอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง ฉันเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวก "ใจเป็นโสด" (single at heart) พวกเขาใช้ชีวิตได้ดีและมีความสุขเพราะครองตัวเป็นโสด ไม่ใช่เพราะการมีคู่

ผู้สื่อข่าว : คนที่ "ใจเป็นโสด" มีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไรครับ

ดร.เดเปาลู : คนที่ใจเป็นโสดรู้สึกดีกับอิสรภาพของตัวเอง และรู้จักใช้ประโยชน์จากเวลาที่อยู่ตัวคนเดียวเพื่อผ่อนคลาย, คิดทบทวน, หรือสร้างสรรค์และพัฒนาจิตวิญญาณ พวกเขาไม่กลัวที่จะต้องอยู่เพียงลำพังกับตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้รู้สึกเปลี่ยวเหงาว้าเหว่ได้เป็นอย่างมาก

จะเห็นได้ว่าลักษณะนิสัยดังกล่าว ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ของคนโสดในสายตาคนส่วนใหญ่ ที่มักจะเชื่อกันว่าพวกเขาคือคนเหงาโดดเดี่ยว แน่นอนว่าคนโสดบางคนอาจจะรู้สึกว้าเหว่ แต่คนที่มีคู่ครองจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกเหงาได้เช่นกัน แต่คนที่ใจเป็นโสดนั้นเล็งเห็นคุณค่าของการอยู่ตัวคนเดียวและมองมันในเชิงบวก


(https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/800/cpsprodpb/d63d/live/c20014b0-ac49-11ef-a4fe-a3e9a6c5d640.jpg.webp)
ที่มาของภาพ, Getty Images , คำบรรยายภาพ, การเป็นคนโสดที่ใช้ชีวิตตามลำพัง กับการมีอารมณ์เปลี่ยวเหงาว้าเหว่นั้น แท้จริงเป็นคนละเรื่องกัน


ผู้สื่อข่าว : ในภาษาอังกฤษมีคำศัพท์สองคำที่พูดถึงการอยู่ตัวคนเดียว นั่นคือความโดดเดี่ยว (loneliness) และความสันโดษ (solitude) นัยยะที่แตกต่างกันระหว่างสองคำนี้ ช่วยให้เราเข้าใจได้มากขึ้นไหมว่า ทำไมถึงมีคนโสดที่มีความสุข และมีคนที่แต่งงานแล้วแต่รู้สึกเหงาอ้างว้าง

ดร.เดเปาลู : แน่นอนค่ะ ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาอ้างว้างจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อเราขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีคุณภาพ หรือมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมไม่มากเพียงพอตามที่ตัวเองต้องการ จึงเป็นเหตุให้คนที่อยู่โดดเดี่ยวรู้สึกไม่มีความสุขได้

แต่การเป็นคนสันโดษนั้นตรงกันข้าม พวกเขาเลือกที่จะอยู่ตามลำพังและใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างมีคุณค่าเต็มเปี่ยม คนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนโสด มองว่าช่วงเวลาเช่นนี้มีค่ายิ่ง โดยพวกเขาใช้มันทบทวนตัวเอง หรือใช้ช่วงเวลานี้ทุ่มเทอุทิศตนทำสิ่งที่รักมากที่สุด โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะถูกสังคมวิจารณ์ตัดสินอย่างไร

ผู้สื่อข่าว : เรื่องนี้ทำให้ผมต้องถามคุณว่า แม้แต่คนที่มีคู่ครองหรืออยู่ในความสัมพันธ์ฉันคนรักแล้ว ก็ยังมีลักษณะนิสัยแบบ "ใจเป็นโสด" ได้หรือไม่และเพราะเหตุใด

ดร.เดเปาลู : โดยทั่วไปแล้ว "คนมีคู่ที่ใจเป็นโสด" มักมีความสัมพันธ์ในแบบที่ต่างไปจากขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของสังคม เช่นอาจแยกบ้านอยู่กันคนละหลังกับคู่ครอง หรือมีพื้นที่ส่วนตัวที่แยกออกไปในบ้านหลังเดียวกัน คนที่ใจเป็นโสดจะไม่ใช้เงินกระเป๋าเดียวกับคนรักมากนัก ทั้งพยายามรักษาสมดุลระหว่างการใช้เวลาเพื่อเราสองคน กับการใช้เวลาอยู่กับตัวเองและเพื่อนฝูงด้วย วิธีนี้จะทำให้คนกลุ่มดังกล่าวได้รับประโยชน์จากการมีคู่ครอง โดยไม่ต้องละทิ้งอัตลักษณ์ของคนกลุ่ม "ใจเป็นโสด" ไป


(https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/800/cpsprodpb/d1d7/live/fed7cb80-ac49-11ef-a4fe-a3e9a6c5d640.jpg.webp)
ที่มาของภาพ, Getty Images , คำบรรยายภาพ, สายใยความผูกพันทางสังคมของคนโสด อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนที่ใช้ชีวิตกับคู่ครองเสียอีก


ผู้สื่อข่าว: คุณบอกว่าครองตัวเป็นโสดมาตลอดชีวิต ช่วยเล่าประสบการณ์ตรงนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ

ดร.เดเปาลู : ตอนนี้ฉันอายุ 71 ปีแล้ว ไม่เคยมีคู่ครองเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา แต่ตอนที่ยังสาวในช่วงวัยเลขสอง แม้จะรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขดีกับชีวิตโสด แต่ก็แอบคิดว่าสักวันฉันคงเปลี่ยนใจในเรื่องนี้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คนรอบตัวต่างทำนายไว้ว่าจะต้องเกิดขึ้น

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับตระหนักได้ว่าการเป็นโสดคือชีวิตในรูปแบบของฉันอย่างแท้จริง เมื่อคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะสามารถลงทุนกับชีวิตโสดได้เต็มที่ เก็บเงินซื้อบ้านสักหลัง ทำในสิ่งที่ชอบและสนใจ มีชีวิตที่สุขสมบูรณ์

ผู้สื่อข่าว : ในสังคมบางแห่งเช่นที่ภูมิภาคละตินอเมริกา มีแรงกดดันมหาศาลให้ผู้คนต้องแต่งงาน คุณมีคำแนะนำอย่างไรให้กับเหล่าคนโสดทั้งชายและหญิง ที่รู้สึกว่าสังคมต่อต้านคัดค้านพวกเขาอย่างมาก

ดร.เดเปาลู : คำแนะนำของฉันก็คือ จงรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง หากคุณยังโสดและต้องการจะมีคู่ครอง ทว่าไม่อาจหลับหูหลับตาคว้าใครก็ได้มาร่วมชีวิต จงภูมิใจที่จะรักษามาตรฐานในการเลือกคู่ของคุณไว้ต่อไป

หากคุณมีความสุขดีกับชีวิตโสด และอยากจะต่อต้านแรงกดดันของสังคมที่คอยบังคับให้ต้องแต่งงาน จงภูมิใจที่คุณเป็นตัวของตัวเอง และจงจำไว้ว่าปัจจุบันประชากรคนโสดกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก ดังนั้นทัศนคติของสังคมที่มีต่อคนโสด จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างแน่นอน






Thank to :-
website : https://www.bbc.com/thai/articles/cql5rx60ne1o (https://www.bbc.com/thai/articles/cql5rx60ne1o)
Author : ราฟาเอล อาบูไจบี บีบีซีนิวส์ มุนโด (แผนกภาษาสเปน) | 6 ธันวาคม 2024