หัวข้อ: ทำไม TikTok ถึงถูกแบน ในหลายประเทศทั่วโลก.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 22, 2025, 06:20:16 am .
(https://media.thairath.co.th/image/lbZcwQzmOrWp1V2uEEAyD10BKhK8XEuYUJs1a2h9PBs1a2hEILkLZEe9vA1.png) ทำไม TikTok ถึงถูกแบน ในหลายประเทศทั่วโลก.? Summary • TikTok เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของบริษัทเทคโนโลยีจีน ByteDance แอปดังกล่าวเป็นที่รู้จักในระดับโลก แต่แอปพลิเคชั่นที่ดูไม่มีพิษภัยกลับถูกแบนในหลายประเทศทั่วโลก • ล่าสุด TikTok ถูกแบนในสหรัฐอเมริกาไปชั่วคราวก่อนจะกลับมาให้ใช้บริการได้หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อย่างเป็นทางการ • แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ประกาศแบน TikTok แต่หลายปีก่อน TikTok เคยถูกแบนมาแล้วในหลายประเทศด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป :96: :96: :96: TikTok เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของบริษัทเทคโนโลยีจีน ByteDance แอปดังกล่าวเป็นที่รู้จักในระดับโลกเพราะคลิปวิดีโอสั้นที่เราสามารถไถฟีดดูได้ไม่รู้จบ และคลิปไวรัลมากมายจากคนดังในโลกโซเชียล โดย TikTok มีผู้ใช้งานทั่วโลกถึงประมาณ 2 พันล้านคน เมื่อปี 2024 แต่แอปพลิเคชั่นที่ดูไม่มีพิษภัยและเต็มไปด้วยเนื้อหาสร้างความบันเทิงนี้ กลับถูกแบนในหลายประเทศทั่วโลก และล่าสุด TikTok ถูกแบนในสหรัฐอเมริกาไปชั่วคราวก่อนจะกลับมาให้ใช้บริการได้หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อย่างเป็นทางการ แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ประกาศแบน TikTok แต่หลายปีก่อน TikTok เคยถูกแบนมาแล้วในหลายประเทศด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าแอปนี้มีปัญหาอะไรถึงถูกแบน (https://media.thairath.co.th/image/ubva8i8jxp3VOIInEUJTVQO2lzVlL3p1V2jY6VePbdPGOwe9vA1.jpg) TikTok ไม่น่าไว้ใจจริงไหม.? ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับครีเอเตอร์รายย่อยทั่วโลกในการสร้างรายได้และสำคัญต่อการเมืองในประเทศนั้นๆ ด้วย เช่น การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ผ่านมาพบว่า TikTok มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดีของวัยรุ่นชาวอเมริกัน หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างว่า TikTok เป็นหนึ่งในแอปที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูล โดยองค์กรด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ทั้งสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และคณะกรรมการการสื่อสารกลาง (Federal Communications Commission) ต่างเตือนว่า ByteDance บริษัทเจ้าของ TikTok อาจแชร์ข้อมูลผู้ใช้ TikTok กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีน TikTok เคยแถลงยืนยันหลายครั้งว่าบริษัทดำเนินการอย่างอิสระและไม่แชร์ข้อมูลกับรัฐบาลจีน รวมถึง โชวจื่อชิว (Shou Zi Chew) ซีอีโอชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนของ TikTok เคยตอบคำถามจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกา ว่าแอปไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน และตัวเขาเองก็เป็นชาวสิงคโปร์ไม่ใช่ชาวจีน แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เชื่อในคำตอบนั้นและยังเชื่อว่า TikTok เป็นแอปที่สมควรแบน (https://media.thairath.co.th/image/ubva8i8jxp3VOIInEUJTVWpODLOVVhJcQRIQezQXSlAe9vA1.jpg) ประเทศอื่นแบน TikTok เพราะอะไร หลายประเทศเลือกแบน TikTok ด้วยหลากเหตุผล และพวกเขามีแนวทางการควบคุมแอปแตกต่างกันไป โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1. ประเทศที่แบนอย่างเด็ดขาด อินเดีย ที่ถือเป็นประเทศแรกๆ ที่แบน TikTok และแอปจากประเทศจีนอื่นๆ อีกหลายสิบแอป เช่น WeChat ที่ถูกแบนในช่วงปี 2020 เนื่องจากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การประกาศแบน TikTok ครั้งนั้นยังเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างทหารอินเดียและจีนที่ชายแดนหิมาลัย ส่งผลให้ทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นายและบาดเจ็บอีกหลายสิบนาย บริษัทต่างๆ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแล้ว แต่การแบนดังกล่าวยังคงมีผลใช้บังคับถาวรตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 อีกประเทศคือแอลเบเนียในทวีปยุโรป ซึ่งประกาศแบน TikTok ช่วงปลายปี 2024 เหตุผลในการแบนไม่ใช่เพราะความกังวลด้านความปลอดภัยหรือความเชื่อมโยงของบริษัทกับทางการจีน แต่เกิดจากปัญหาความรุนแรงภายในประเทศมากกว่า เพราะเอดี รามา นายกรัฐมนตรีแอลเบเนีย เคยกล่าวหาว่า TikTok เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ความรุนแรงและการกลั่นแกล้งในหมู่วัยรุ่นเพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องแบนแอปนี้เหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ TikTok ในประเทศไม่พอใจมากขึ้น 2. ประเทศที่แบน TikTok โดยควบคุมการใช้งานของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงจากต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม เดนมาร์ก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และไต้หวัน 3. ประเทศอื่นที่กังวลในด้านเนื้อหาของ TikTok เช่น ปากีสถานสั่งแบน TikTok เป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 4 ครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 โดยอ้างความกังวลว่าแอปดังกล่าวส่งเสริมเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม และอัฟกานิสถาน ผู้นำกลุ่มตาลีบันสั่งแบน TikTok ในปี 2022 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อปกป้องเยาวชนไม่ให้ถูกหลอกลวง ในขณะที่จีน ซึ่งเป็นประเทศฐานบริษัท ByteDance ผู้ใช้ไม่สามารถเล่นและดาวน์โหลด TikTok ได้ เพราะประเทศจีนอนุญาตให้คนจีนใช้แอปต้นแบบของ TikTok โดยเฉพาะชื่อว่า Douyin เท่านั้น เนื่องด้วยเงื่อนไขกฎหมายเซ็นเซอร์เนื้อหาอินเทอร์เน็ตของจีน ทำให้ทั้งสองแอปมีเนื้อหาและฐานข้อมูลที่แตกต่างกัน แม้จะมีฟังก์ชันเหมือนกัน (https://media.thairath.co.th/image/ubva8i8jxp3VOIInEUJTVYxah3V7eSLHIV0nd11DoH4e9vA1.jpg) การแบน TikTok เป็นการแก้ปัญหาจริงไหม.? ปฏิกิริยาความไม่พอใจของผู้คนหลังจากการแบน TikTok ในสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลก เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าแนวทางแก้ปัญหาด้วยการแบนอาจไม่ใช่วิธีที่ดีนักและส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศด้วย จอห์น วิห์เบย์ (John Wihbey) รองศาสตราจารย์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสื่อในวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และการออกแบบ มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นในสหรัฐฯ มองว่า การแบน TikTok ในสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไม่ได้พยายามแก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย “ผมคิดว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องเงื่อนไขความเป็นส่วนตัวน่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าในการแก้ปัญหานี้ แม้ความจริง TikTok จะยังมีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เช่น การระบุตำแหน่งผู้ใช้ และการเข้าถึงรายชื่อในโทรศัพท์ของผู้ใช้ แต่ยังมีวิธีอื่นๆ ในการจัดการกับข้อกังวลเหล่านั้น เช่น ร่างกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุมหรือระเบียบความปลอดภัยด้านเทคโนโลยี” (https://media.thairath.co.th/image/ubva8i8jxp3VOIInEUJTVSPiniss1a2h5Epp1V2GPeyA4bhs1a2hhUe9vA1.jpg) จอห์นกังวลว่าการแบน TikTok อาจจุดชนวนให้เกิดกระแสโลกครั้งใหม่ ซึ่งนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเรียกว่า norms cascade (บรรทัดฐานที่กลายเป็นกระแสต่อเนื่อง) “เราอาจเห็นกระแสแอปต่างๆ ทั่วโลกถูกแบนถูกแบนอย่างต่อเนื่อง และมีหลายประเทศที่ยังลังเลว่าพวกเขาจะอยู่ในฐานะผู้เซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัย หรือผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดมากกว่ากัน และบางประเทศกำลังเริ่มส่งสัญญาณในลักษณะนี้แล้ว” จอห์นกล่าว โดยนักวิชาการด้านกฎหมายของสหรัฐฯ หลายคนมองว่า TikTok อาจต้องต่อสู้เรื่องนี้ในชั้นศาลอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เสี่ยงจะถูกแบนอีกครั้งหากหมดเวลาการผ่อนปรน 90 วันที่ทรัมป์เจรจาให้เพียงชั่วคราว เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ในจีน ต้องขายธุรกิจในสหรัฐฯ ให้กับผู้ซื้อที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าระยะเวลานี้จะเพียงพอต่อ TikTok และ ByteDance ในการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขายกิจการออกไปหรือไม่ สถานการณ์การแบน TikTok จึงยังคงเป็นที่น่าติดตาม เพราะหากสหรัฐฯ กลับมาแบนแอปอย่างเป็นทางการอีกครั้งย่อมส่งผลกระทบในอีกหลายประเทศทั่วโลกอย่างแน่นอน Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105109 Thairath Plus › Politics & Society | World Politics 21 ม.ค. 68 | creator : ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย อ้างอิง : euronews.com, statista.com , theworldinmaps , brandmentions.com, TikTok, apnews.com |