สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2025, 08:11:59 am



หัวข้อ: “พุทธศาสนา” บนเส้นทางสายแพรไหมจาก “อินเดีย” สู่ “จีนกลาง”
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2025, 08:11:59 am
 :25: :25: :25:

“พุทธศาสนา” บนเส้นทางสายแพรไหมจาก “อินเดีย” สู่ “จีนกลาง”

(https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2018/02/%E0%B8%9E-696x365.jpg)
ถ้ำที่มีศิลปะของราชวงศ์ถัง รูปปั้นทั้ง ๗ องค์นี้คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งบนแท่น ด้านซ้ายคือพระมหากัสสปะ พระโพธิสัตว์ และพระโลกบาล ด้านขวาคือ พระอานนท์ พระโพธิสัตว์ และพระโลกบาล (ภาพจากบทความ "ตุนหวง มงกุฎแห่งพุทธศิลป์ บนเส้นทางสายแพรไหม" โดย ปริวัฒน์ จันทร)



 st12 st12 st12

เชื่อกันว่าพระพุทธศาสนาจากอินเดียได้เผยแพร่เข้าสู่ลุ่มน้ำสินธุและเอเชียกลางในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชครองราชย์ (ปี 269-232 ก่อนคริสตกาล) โดยพระองค์ได้ส่งคณะพระธรรมทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในบริเวณแคว้นคันธาระทางตอนเหนือของปากีสถาน และแคว้นแคชเมียร์ จากแคว้นคันธาระ ในช่วงการแพร่ขยายอำนาจของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกทำให้ศาสนาพุทธได้หยุดชะงักการเผยแพร่ไปชั่วคราว

กระทั่งในสมัยคริสตกาล พุทธศาสนิกายมหายานจึงได้ข้ามผ่านเทือกเขาฮินดูกูช ประเทศอัฟกานิสถาน และที่ราบสูงคาราโครามเข้้าสู่ประเทศจีนที่เมืองคาชการ์ (KASH-GAR) ที่ได้นับถือพระพุทธศาสนามาจนถึงประมาณ ปี ค.ศ. 900 จึงได้หันมานับถือศาสนาอิสลาม เพราะการขยายอำนาจของรัฐอิสลามจากเอเชียกลางในยุคนั้น)

จากเมืองคาชการ์ ศาสนาพุทธได้เผยแพร่เข้าประเทศจีนตามเส้นทางสายไหม ทั้งเส้นทางตอนเหนือ และตอนใต้ในเส้นทางตอนเหนือนั้นได้ปรากฏหลักฐานเป็นพุทธโบราณสถานกระจัดกระจาย ทั้งในรูปของถ้ำพระสหัสพุทธ (พันองค์) ที่เมืองคู่เชอ นับร้อยถ้ำ หรือจากสถูป และวัดวาอารามที่เมืองโบราณเกาชาง และเมืองโบราณเจียวเหอ ในเมืองทูหลู่ฟาน ส่วนเส้นทางตอนใต้ก็ได้ปรากฎอาณาจักรโบราณกลางที่ราบทาริม ที่เมืองโบราณเหอเถียน และโหลวหลานซึ่งนับถือศาสนาพุทธตั้งแต่สมัยต้นคริสตกาล มาจนถึงในราวคริสต์ศตวรรษที่ 10

@@@@@@@

ศาสนาพุทธได้เริ่มเผยแพร่เข้าสู่จีนกลาง โดยเฉพาะในราชสำนักจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก โดยตามพงศาวดารได้ระบุไว้ว่า ในปี ค.ศ. 65 จักรพรรดิฮั่นหมิงตี้ (ครองราชย์ในปี ค.ศ. 58-74 ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออก) ได้พระสุบินว่า มีรูปสีทองขนาดใหญ่ลอยมาจากสวรรค์ทางทิศตะวันออก พอมาถึงพระราชวัง รูปนั้นก็เปล่งรัศมีสว่างไสว ขุนนางก็ถวายคำพยากรณ์ว่ารูปนั้นคือ ศาสดาแห่งศาสนาใหม่จากดินแดนตะวันตกอันไกลโพ้น

องค์จักรพรรดิฮั่นหมิงตี้จึงทรงมีพระบัญชาให้ส่งราชทูต 2 คนออกไปค้นหาความจริงในเรื่องนี้ โดยได้เดินทางตาม ทิศตะวันตก จากนครลั่วหยางไปจนถึงอาณาจักรของพวกเยว่ซื่อ จึงได้รวบรวมพระพุทธรูป และคัมภีร์พระศาสนา โดยอัญเชิญขึ้นบนม้าขาวพร้อมทั้งนิมนต์พระภิกษุอินเดีย 2 รูป คือพระกาศยปมาตังคะ และพระธรรมอรัญญะ กลับมานครลั่วหยาง ในปี ค.ศ. 68

จักรพรรดิฮั่นหมิงตี้ทรงโสมนัสมาก จึงโปรดให้สร้างวัดเพื่อให้พระภิกษุต่างชาติทั้ง 2 รูปนี้ได้พำนักอาศัย และใช้เป็นสถานที่แปลพระไตรปิฏก และประดิษฐานพระพุทธรูป วัดนี้มีชื่อว่า ไป๋หม่าซื่อ หรือ วัดม้าขาว เพื่อเป็นการรำลึกถึงม้าขาวที่ได้เป็นพาหนะพาพระภิกษุ และพระคัมภีร์มาแต่ไกล

ต่อมาวัดไป๋หม่าซื่อนี้ ถือได้ว่าเป็นวัดต้นแบบในทางพระพุทธศาสนาวัดแรกของแผ่นดินจีนกลาง (ปัจจุบันวัดไป๋หม่าซื่อ ยังเป็นวัดทางพุทธศาสนาที่เคารพศรัทธาของชาวจีนในประเทศ และชาวจีนโพ้นทะเล ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลั่วหยาง ในมณฑลเหอหนาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 13 กิโลเมตร) นับจากนั้นพระพุทธศาสนาก็ได้แพร่หลายในประเทศจีนโดยการอุปถัมภ์จากจักรพรรดิหลายพระองค์ในหลายราชวงศ์ต่อมา

@@@@@@@

หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “ตุนหวงมงกุฎแห่งพุทธศิลป์ บนเส้นทางสายแพรไหม” เขียนโดย ปริวัฒน์ จันทร ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน 2544




ขอขอบคุณ :-
ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน 2544
ผู้เขียน : ปริวัฒน์ จันทร
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ.2566
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2561
website : https://www.silpa-mag.com/history/article_15085 (https://www.silpa-mag.com/history/article_15085)