หัวข้อ: สติปัฏฐาน แบ่งตาม "จ ริ ต" ?..และ อ า นิ ส ส ง ส์.. ๗ ๖ ๕ ๔..? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 22, 2011, 01:57:51 pm วิปัสสนากรรมฐาน (จาก บทเรียนพระอภิธรรมทางไปรษณีย์ ชุดที่ ๑๐) (http://www.phuttha.com/multimedia/images/monks/lp-tuad-ramothammiko.jpg) จากบทเรียนชุดที่ ๙ ได้ศึกษาถึงเรื่องอารมณ์กรรมฐานทั้ง ๔๐ แล้ว ซึ่งเป็นวิธีการปฏิบัติในแนวทางการเจริญสมาธิซึ่งเมื่อปฏิบัติไปอย่างดีตลอดสายก็ยังให้ฌานจิตและอภิญญาจิตเกิดขึ้นได้ ผลของฌานย่อมนำให้ผู้ปฏิบัติไปเกิดในรูปภูมิ อรูปภูมิ เสวยสุขอันเป็นทิพย์ตลอดเวลาที่ยังอยู่ในพรหมภูมินั้นๆ แต่ถ้าหมดบุญและฌานเสื่อมลงก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภูมิ ฉะนั้น การเจริญสมาธิอย่างเดียวจึงยังไม่ใช่ทางหลุดพ้นจากวัฏฏะ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงหนทางปฏิบัติในการเจริญวิปัสสนาเพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถขัดเกลากิเลส ดับกิเลส ทำลายวัฏฏทุกข์ทั้งปวงให้สิ้นไป ซึ่งเป็นคำสอนที่ยังผลสำเร็จอันเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา คือ ความหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นต้องดำเนินไปตามแนวมหาสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นทางสายเอก ที่จะยังปัญญาญาณให้เกิดขึ้น สติปัฏฐานมี ๔ คือ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน บทเรียนชุดที่ ๑๐ นี้เป็นชุดสุดท้ายของการศึกษาหลักสูตรพระอภิธรรมทางไปรษณีย์ เมื่อศึกษามาถึงชุดนี้แล้วท่านคงจะเห็นแล้วว่าการศึกษาพระอภิธรรมนั้นเป็นการเจริญกุศลและเป็นการอบรมปัญญาไปในตัว ย่อมจะยังประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายที่จะได้น้อมนำมาปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ยังปัญญาในวิปัสสนาญาณให้เกิดขึ้นได้ ทำให้รู้ได้ว่ารูปและนามแยกขาดจากกัน รูปก็อย่างหนึ่ง นามก็อย่างหนึ่ง สภาวธรรมทั้งหลายเป็นเพียงรูปนามขันธ์ ๕ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ดังนี้ เป็นต้น บุคคลผู้สามารถเริ่มต้นเจริญวิปัสสนาอย่างถูกต้องตามหลักปริยัติ จึงจะมีโอกาสเห็นแจ้งพระนิพพานบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ ฉะนั้น การศึกษาย่อมยังประโยชน์ในการนำไปประพฤติปฏิบัติได้จริง ทั้งยังเป็นการช่วยรักษาค าสอนในพระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมหายไปจากโลกอีกด้วย บุคคลใดได้รักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมหายไปจากโลก บุคคลนั้นย่อมได้ประโยชน์ ๓ ประการ คือ ประโยชน์ในชาตินี้ ประโยชน์ในชาติหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งคือเห็นแจ้งพระนิพพาน สติปัฏฐาน หมายความว่า อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งสติ เรียกว่าสติปัฏฐาน เช่น กายเป็นที่ตั้งของสติ และสตินั้นก็เป็นที่ตั้งได้ด้วยและเป็นตัวสติด้วย คำว่าสติ คือการระลึกได้ ฉะนั้น สติปัฏฐานจึงมุ่งหมายถึง สติที่มีการระลึกได้ใน กาย เวทนา จิต ธรรม (http://old.luangpunenkham.com/wp-content/gallery/concentration/DSCF3331.JPG) เหตุที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสติปัฏฐานไว้ ๔ อย่าง ก็เพราะทรงเกื้อกูลแก่เวไนยสัตว์ที่มีจริตต่างกัน คือ ๑. ตัณหาจริตอย่างอ่อน มีกายานุปัสนาสติปัฏฐาน ซึ่งมีอารมณ์ที่หยาบจะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และในการเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐานในหมวดที่มีนิมิตเกิดขึ้นได้ไม่ยากนักก็เหมาะสมกับพวกสมถยานิกะประเภทยังอ่อน (พวกที่ปฏิบัติสมถะ) ๒. ตัณหาจริตอย่างกล้า มีเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ละเอียดจะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และเหมาะสมกับพวกสมถยานิกะประเภทแก่กล้า ๓. ทิฏฐิจริตอย่างอ่อน มีจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งมีอารมณ์ละเอียดแต่ก็แยกรายละเอียดออกไปไม่มากนัก จะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และเหมาะสมกับผู้ที่เป็นวิปัสสนายานิกบุคคลประเภทยังอ่อน ๔. ทิฏฐิจริตแก่กล้า มีธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งมีอารมณ์อันละเอียดลึกซึ้งแยกประเภทออกไปมาก จะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และเหมาะสมกับผู้ที่เป็นวิปัสสนายานิกบุคคลประเภทแก่กล้า สติปัฏฐาน ๔ เป็นข้อปฏิบัติเพื่อละสุภวิปัลลาส สุขวิปัลลาส นิจจวิปัลลาส และอัตตวิปัลลาส เป็นทางสายเอกที่จะนำเหล่าเวไนยสัตว์ให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ ข้ามพ้นโสกะปริเทวะ ดับทุกข์ โทมนัส บรรลุเญยยธรรม แจ่มแจ้งในพระนิพพาน ข้อเปรียบเทียบ พระนิพพาน เหมือนพระนคร โลกุตตรมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ เหมือนประตูพระนคร ผู้ปฏิบัติในสติปัฏฐาน ๔ ต้องปฏิบัติด้วยการระลึก เช่น การเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน โดยวิธี ๑๔ อย่างแล้ว(มีอานาปานบรรพ อิริยาบถบรรพ เป็นต้น) ก็จะไปรวมลงสู่ที่เดียวกัน คือ พระนิพพานนั่นเอง ด้วยอริยมรรคที่เกิดขึ้น ด้วยอานุภาพของกายานุปัสสนา เหมือนคนทั้งหลายเดินทางมาจากทิศตะวันออก ถือเอาสิ่งของที่มีในทิศตะวันออก ก็เข้าพระนครได้ ฉะนั้น อานิสงส์แห่งการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ประการ ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ตลอด ๗ ปี พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ ก็จักเป็นอนาคามี หรือบุคคลเจริญสติปัฏฐาน ๔ ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ....๔ ปี ....๓ ปี .....๒ ปี ....๑ ปี... พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ ก็จักเป็นอนาคามี หรือบุคคลเจริญสติปัฏฐาน ๔ ตลอด ๗ เดือน.... ๖ เดือน... ๕ เดือน... ๔ เดือน... ๓ เดือน... ๒ เดือน... ๑ เดือน... ครึ่งเดือน.... พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ ก็จักเป็นอนาคามี หรือบุคคลผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ตลอด ๗ วัน พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ ก็จักเป็นอนาคามี ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงโสกะและปริเทวะ เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งนิพพาน ทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ เราอาศัยทางเดียวนี้แล้ว จึงกล่าวคำดังพรรณนามาฉะนี้ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ ภิกษุเหล่านั้นมีใจยินดีต่างชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล จบมหาสติปัฏฐาน (http://learners.in.th/file/yingnong101/P1310108.JPG) สรุปแล้ว การเจริญสติปัฏฐาน ๔ คือ หลักการปฏิบัติที่มี ๔ ระดับ แต่ละระดับก็มีความสัมพันธ์กันโดยตรงกับฐานของสติ ถ้าฝึกปฏิบัติไปตลอดสายแล้วผลที่จะปรากฏเกิดขึ้นได้ คือ - ระดับที่ ๑ รู้ว่ากายไม่ใช่ตัวตน - ระดับที่ ๒ รู้ว่าความรู้สึกสุข ทุกข์ เฉยๆ ไม่ใช่ตัวตน - ระดับที่ ๓ รู้ว่าจิตไม่ใช่ตัวตน - ระดับที่ ๔ รู้ว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่มีบุคคล เราเขา หญิงชาย ขั้นตอนการปฏิบัติถ้าผู้ปฏิบัติศึกษาเข้าใจดีแล้ว ทดลองฝึกหัดปฏิบัติในแต่ละหมวดแล้ว ก็อาจสลับรู้ระหว่างธรรมหยาบกับละเอียดเพื่อความประจักษ์แจ้งยิ่งๆ ขึ้นไปได้ แต่ที่สำคัญ คือ ทุกระดับในการปฏิบัติ แม้ในกายานุปัสสนาอันเป็นการพิจารณาสภาพธรรมที่หยาบที่สุด ก็อาจมีผลส่งให้จิตทำลายอุปาทานในตัวตน เข้าถึงมรรคผลได้ทั้งสิ้น จึงไม่มีสิ่งใดที่จะบอกได้ว่าการรู้สภาพธรรมที่หยาบกับละเอียดนั้นอย่างไหนที่มีคุณภาพยิ่งหย่อนกว่ากัน หากพิจารณาแนวปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้แล้วก็จะพบว่าเป็นขั้นตอนที่เหมาะสม คือทรงสอนให้รู้ในสิ่งที่รู้ได้ง่ายก่อน ในตอนแรกมีการแบ่งรูป แบ่งนามเพื่อง่ายต่อการเอาสติไปกำหนดรู้ว่าสิ่งนี้คือรูป สิ่งนี้คือนาม แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเห็นรูปนามควบคู่กันเป็น “ธรรม” นั่นเอง บรรณานุกรม ๑) ปรมัตถโชติกะ หลักสูตรชั้นมัชฌิมอาภิธรรมิกะโท : พระสัทธัมมโชติกะ : อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย : โรงพิมพ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทิพยวิสุทธิ์ ; พิมพ์ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒) วิมุตติมรรค พระอุปติสสเถระ รจนา พระเทพโสภณ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) และคณะแปลจากฉบับภาษาอังกฤษ ของพระเอฮารา พระโสมเถระ และพระเขมินทเถระ ๓) วิสุทธิมรรค ๑๐๐ ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร) แปลและเรียบเรียง ๔) พระสูตร และ อรรถกถาแปล ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่มที่ ๗ ภาคที่ ๑- ๒ ที่มา http://www.abhidhamonline.org/ (http://www.abhidhamonline.org/) หัวข้อ: รวมมิตร "สติปัฏฐาน" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 14, 2011, 12:13:41 pm (http://images.bubbubz.multiply.com/image/2/photos/20/500x500/2/180409010.jpg?et=nTco4UAwWcX2E4bfBr%2C1Cg&nmid=232509377) ภาพหลวงพ่อใส จากเว็บ http://bubbubz.multiply.com/photos/album/20/20 (http://bubbubz.multiply.com/photos/album/20/20) สั ม ม า ส ติ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4561.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4561.0) ฌานเกิดก่อน สติปัฏฐานมีภายหลัง http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4401.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4401.0) สัมมาสติ โดยพิสดาร http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5529.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5529.0) สิ่งควรรู้ก่อนการเจริญวิปัสสนา http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3197.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3197.0) แผนการปฏิบัติมหาสติปัฏฐาน 4 (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3414.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3414.0) ผมรวบรวมลิงค์ที่ว่าด้วยสติปัฏฐานเอาไว้ เพื่อความสะดวกในการค้นหาและอ่านกันตามอัธยาศัย :25: |