|
หัวข้อ: จากฟืนถึงดอกไม้จันทน์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 26, 2025, 08:21:14 am .
(https://dhamtara.com/wp-content/uploads/2022/05/c6-1024x1024.jpg) จากฟืนถึงดอกไม้จันทน์ แล้วต่อไปจะเป็นอะไร.? ภาษาไทยเรามีคำว่า “ฌาปนสถาน” เป็นที่รู้กันว่าคือเมรุเผาศพ ในภาษาบาลี “ฌาปน” (ชา-ปะ-นะ) แปลว่า การเผา ถ้าจะให้หมายถึงการเผาศพ จะต้องเติมคำว่า “สรีร” (สะ-รี-ระ, = ร่างกาย) เข้าข้างหน้าเป็น “สรีรชฺฌาปน” (สะ-รี-รัด-ชา-ปะ-นะ) แปลว่า “การเผาสรีระ” ถ้าอย่างนี้ก็ชัดเจนว่าเป็นการเผาศพ ในภาษาบาลี ไม่ว่าจะเป็นศพของคนชั้นไหนก็ใช้คำว่า “สรีรชฺฌาปน” เหมือนกันหมด แม้แต่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า ในคัมภีร์ก็ใช้คำว่า “สรีรชฺฌาปน” คำเดียวกัน ราชาศัพท์ว่า “ถวายพระเพลิงพระบรมศพ” แปลเป็นภาษาบาลีว่า “สรีรชฺฌาปน” ตรงตามสำนวนบาลี เมื่อครั้งมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ (วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีที่เรียกกันทั่วไปว่า “ถวายดอกไม้จันทน์” ขึ้นพร้อมกันในวันนั้นทั่วประเทศ ตอนนั้นมีผู้ตั้งประเด็นว่า ไม่ควรพูดว่า “ถวายดอกไม้จันทน์” แต่ควรใช้คำว่า “วางดอกไม้จันทน์ถวาย” @@@@@@@ ข้อที่ควรเข้าใจก็คือ ธรรมเนียมการศพของไทยเราใช้วิธีเผา คนโบราณไปช่วยงานเผาศพจะแบกฟืนไปด้วย คือเอาฟืนไปเผาศพกันจริงๆ การเผาศพสมัยก่อนใช้ฟืนเผาจริงๆ ผมเป็นเด็กวัดยังทันเห็นคนสมัยเก่าถือฟืนจริงๆ ไปงานเผาศพ คำว่า “ไปเผาศพ” หรือ “ไปจุดศพ” ก็ยังมีคนพูดกันติดปากอยู่ ต่อมา เมื่อวิธีเผาศพพัฒนาขึ้น ไม่ต้องใช้ฟืน คนไปงานศพก็เปลี่ยนจากถือฟืนมาเป็นถือธูปไปเผาศพ โดยเจตนาให้ธูปแทนฟืนนั่นเอง ปัจจุบัน บางพื้นที่ในจังหวัดราชบุรี คนเก่าๆ ไปเผาศพยังนิยมถือธูปไปจากบ้านด้วย (https://dhamtara.com/wp-content/uploads/2022/05/561000003077704.jpg) ต่อมา จึงเกิดมีความนิยมทำดอกไม้จันทน์แทนธูป โปรดสังเกตว่าตัวดอกไม้จันทน์ก็ยังมีธูปเทียน แต่ย่อส่วนเป็นธูปเทียนเล็กจิ๋วจนแทบไม่รู้สึกว่ามีธูปเทียนอยู่ด้วย เห็นแต่ดอกไม้จันทน์เป็นจุดเด่น โปรดทราบว่า ธูปเทียนเล็กจิ๋วนั้นก็คือสิ่งที่กลายมาจากฟืน จากฟืนจริง กลายมาเป็นธูป จากธูป กลายมาเป็นดอกไม้จันทน์ ปัจจุบันเมื่อขึ้นไป “เผาศพ” บนเมรุ ก็ไม่ได้เห็นไฟที่กำลังเผาศพจริง เป็นแต่เอาดอกไม้จันทน์ไปวางใต้หีบศพเป็นกิริยา “เผาศพ” ถ้าจะเห็นไฟเผาศพจริงก็ต้องเป็นเวลาที่เรียกกันว่า “เผาจริง” ซึ่งนิยมทำเฉพาะในหมู่วงศ์ญาติ คนสมัยใหม่จับเอากิริยาที่เอาดอกไม้จันทน์ไปวางนั่นเองมาเป็นหลักคิด เกิดเป็นคำว่า “ถวายดอกไม้จันทน์” หรือ “วางดอกไม้จันทน์ถวาย” ในครั้งนั้น @@@@@@@ ถ้าคิดเพียงแค่นั้น ก็อาจจะพลาดจากธรรมเนียมไทยที่นิยม “เผาศพ” เพราะความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะ “ถวายดอกไม้จันทน์” หรือ “วางดอกไม้จันทน์ถวาย” ก็ต้องตั้งเจตนาไว้ที่ “เผาศพ” ไม่ใช่ “ถวาย” หรือ “วาง” ไว้เฉยๆ เป็นเครื่องระลึกถึงเหมือนธรรมเนียมของบางชาติเช่นฝรั่งเป็นต้นที่นิยมฝังศพ และเอาดอกไม้ไปวางเป็นเครื่องระลึกถึงตามโอกาส อะไรที่เราทำกันในทุกวันนี้ ถ้าไม่ศึกษาสืบสวนให้เข้าใจไปถึงรากเหง้าเค้าเดิม เราก็จะเห็นแต่สิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วก็จินตนาการกันไปแล้วแต่ใครจะคิด แล้วก็เกิดเป็นค่านิยมแบบใหม่ที่งอกออกมาจากจินตนาการนั้นซึ่งห่างไกลจากเหตุผลต้นเค้า อาจกลายเป็นคนละเรื่องหรือไปคนละโลกไปเลยก็ได้ ดังเช่นงานเผาศพ ธรรมเนียมเดิม เอาฟืนไปใส่ไฟเผาศพ กลายมาเป็น เอาดอกไม้จันทน์ไปวาง จากกิริยา-เอาดอกไม้จันทน์ไปวาง ก็เกิดจินตนาการกันไปต่างๆ ซึ่งล้วนแต่ห่างไกลจาก-เอาฟืนไปใส่ไฟเผาศพ เห็นความจำเป็นและคุณค่าของการศึกษารากเหง้าของตัวเองกันบ้างหรือยังเจ้าข้า.? พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ,๑๑:๓๐ ขอบคุณ : https://dhamtara.com/?p=21450 24 กุมภาพันธ์ 2022 ,admin2 |