|
หัวข้อ: 7 สิ่งมงคล คู่บารมีพระมหากษัตริย์ ตามคติไตรภูมิกถา มีอะไรบ้าง ให้คุณด้านใด.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 19, 2025, 07:59:33 am .
(https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2025/12/Cover-photo-9-696x364.jpg) พระมหากษัตริย์เสด็จเลียบพระนคร (ภาพจาก หนังสือ จิตรกรรมฝีพระหัตถ์และจิตรกรรมตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วัดอัมพวันเจติยาราม) 7 สิ่งมงคล คู่บารมีพระมหากษัตริย์ ตามคติไตรภูมิกถา มีอะไรบ้าง ให้คุณด้านใด.? “แก้ว 7 ประการ” สิ่งมงคลคู่บารมีพระมหากษัตริย์ตามคัมภีร์ไตรภูมิกถา หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” มีอะไรบ้าง แต่ละอย่างส่งเสริมหรือให้คุณด้านใด.? ไตรภูมิกถา พระราชนิพนธ์ใน พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) คือวรรณกรรมพุทธศาสนาที่มีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน จนเป็นรากฐานทางความเชื่อ ตลอดจนศิลปกรรมเนื่องในศาสนาทั้งหลาย นอกจากคัมภีร์จะอธิบายถึงนรก สวรรค์ ความดี ความชั่ว และการเผยแผ่พระธรรมคำสอนแล้ว ยังมีส่วนที่อธิบายถึงการกำเนิดสรรพสิ่ง ระบบสังคม รูปแบบการปกครอง รวมถึงสภาวะความเป็น “กษัตริย์” ภายใต้แนวคิดพุทธศาสนาด้วย ในประเด็นข้างต้น ไตรภูมิกถาได้เล่าถึงคติ พระญาจักรวรรดิราช หรือพระมหากษัตริย์ที่เป็นใหญ่กว่ากษัตริย์อื่น ๆ ว่าเป็นผู้หมั่นทำบุญ รักษาศีล และปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัยอยู่เป็นนิจ เมื่อตายจึงได้เกิดเป็นท้าวพระญา มีอำนาจบารมีและมีสิทธิ์ในการปกครองจากอานิสงส์ผลบุญที่สั่งสมไว้แต่อดีตชาติ ทั้งนี้ก็ใช่ว่าใคร ๆ ทำบุญรักษาศีลแล้วจะเป็นพระมหากษัตริย์ได้ เพราะยังต้องเป็น “พุทธวงศ์” หรือพระโพธิสัตว์ด้วย พระมหากษัตริย์ในจารีตไทยจึงเป็น “พุทธราชา” มีทั้งบุญญาธิการและทรงธรรม นอกจากนั้นยังมีของคู่บารมีเป็นแก้ว 7 ประการ เป็นสิ่งมงคลจากอำนาจบุญขององค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้พระองค์ปกครองบ้านเมืองอย่างราบรื่น 7 สิ่งมงคล ได้แก่ ๑. กงจักรแก้ว (จักรรัตนะ) ๒. ช้างแก้ว (หัตถีรัตนะ) ๓. ม้าแก้ว (อัศวรัตนะ) ๔. มณีแก้ว (มณีรัตนะ) ๕. นางแก้ว (อิตถีรัตนะ) ๖. ขุนคลังแก้ว (คหปติรัตนะ) และ ๗. โอรสแก้ว (ปริณายกรัตนะ) (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2025/12/485140302_1063314702504884_5507100357600971824_n-1024x523.jpg) (ซ้ายไปขวา) โคอุสุภราช ช้างฉัททันต์ และม้าสินธพ ในภาพเขียนเรื่อง จันทคาธชาดก จิตรกรรมฝาผนังวัดหนองบัว ต. ป่าคา อ. ท่าวังผา จ. น่าน (ภาพจาก เฟซบุ๊ก กลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี กรมศิลปากร) สำหรับคติความเชื่อเกี่ยวกับแก้วทั้ง 7 ประการ มีดังนี้ • กงจักรแก้ว เป็นกงจักรวิเศษที่จมอยู่ในมหาสมุทร เมื่อพระญาจักรวรรดิราชเกิดขึ้น จักรนี้จะลอยขึ้นมาสู่ราชมณเฑียร พาพระญาจักรวรรดิราชและประชาชนเหาะไปเลียบกำแพงจักรวาล แล้วปราบทวีปทั้ง 4 ได้แก่ อุตรกุรุทวีป บูรพวิเทหทวีป อมรโคยานทวีป และชมพูทวีป เมืองทั้งหลายอ่อนน้อมโดยปราศจากสงคราม กงจักรแก้วยังมีอำนาจแหวกมหาสมุทรให้เห็น “แก้วสัตตพิธรัตนะ” ที่จมอยู่เบื้องล่าง อันจะกลายเป็นสมบัติของพระญาจักรวรรดิราชด้วย • ช้างแก้ว หรือ ช้างเผือกในตระกูลฉัททันต์และตระกูลอุโปสถ และม้าแก้ว ม้าในตระกูลสินธพ เป็นสัตว์คู่บุญที่เหาะมาสู่พระญาจักรวรรดิราชแล้วพาพระองค์ไปเวียนเขาพระสุเมรุราช เลียบกำแพงจักรวาล จากนั้นกลับมาให้ทันเวลาอาหารเช้า • มณีแก้ว คือ แก้ววิเศษบนยอดเขาวิบุลบรรพต มีแก้วบริวาร 84,000 ดวง เมื่อเหาะมาสู่พระญาจักรวรรดิราชพร้อมรัศมีเรืองรองจะสามารถบันดาลกลางคืนให้สว่างไสวดุจกลางวัน ช่วยให้ผู้คนทำงานยามค่ำคืนได้อย่างสะดวกสบาย • นางแก้ว เป็นสตรีสาวผู้เกิดในอุตรกุรุทวีป มีคุณสมบัติเป็นอุดมคติ เช่น รูปโฉมงดงามหมดจด ร่างกายมีรัศมีเปล่งปลั่งไกล 10 ศอก ผิวกายเย็นและหอมดั่งแก่นจันทน์ กลิ่นกฤษณา กลิ่นปากหอมดั่งดอกบัว นางแก้วจะคอยปรนนิบัติพระญาจักรวรรดิราชและเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ทุกประการ • ขุนคลังแก้ว คือ มหาเศรษฐีผู้มีตาทิพย์ หูทิพย์ ล่วงรู้ได้ว่ามีทรัพย์สมบัติอยู่ที่ใดในแผ่นดิน สามารถอธิษฐานให้แก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ มาสู่พระญาจักรวรรดิราชตามพระราชประสงค์ • สุดท้าย โอรสแก้ว คือ พระโอรสองค์โตสุดของพระญาจักรวรรดิราช มีอำนาจอ่านใจคนซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 12 โยชน์ (192 กิโลเมตร) จึงสามารถคอยกราบทูลพระราชบิดาให้ระแวดระวังภัยจากผู้คิดร้ายได้ทันเวลา และมีบทบาทช่วยแบ่งเบาราชกิจทั้งหลายของพระญาจักรวรรดิราช (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2025/12/3-e1620693603261.jpg) ภาพเขียนพระราชโอรส หรือ “โอรสแก้ว” (กลาง) กับพระมเหสีเทวี หรือ “นางแก้ว” (ขวา) สตรีชั้นสูงในราชสำนัก จิตรกรรมทศชาติชาดก เรื่อง เตมิยชาดก (ภาพจาก สมุดภาพไตรภูมิ ฉบับกรุงศรีอยุธยา เลขที่ 6 กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. 2542) อย่างไรก็ตาม แม้ไตรภูมิกถาจะเผยว่าพระญาจักรวรรดิราชมีพระราชอำนาจล้นพ้นจากบุญญาบารมีของพระองค์ และ 7 สิ่งมงคลที่คอยเกื้อหนุน แต่ยังพ่วงด้วยคำอธิบายว่าอำนาจทั้งหลายดำรงอยู่บน “ธรรม” เป็นสำคัญ และอาจเสื่อมสลายได้หากพระองค์ไม่ตั้งอยู่ในคุณธรรม ธรรมของกษัตริย์จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปกครองบ้านเมือง และไตรภูมิกถาก็วางต้นแบบกษัตริย์ผู้ทรงธรรม โดยใช้แนวคิดพุทธศาสนาเชื่อมโยงศาสนจักรและอาณาจักรเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างดุลยภาพทางสังคมและการเมืองนั่นเอง อ่านเพิ่มเติม :- • ช้างเผือก สัตว์คู่พระบารมี ตลอด 200 กว่าปีมานี้ รัชกาลใดที่ไม่มีช้างเผือก (https://www.silpa-mag.com/history/article_149611) • พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ กษัตริย์ผู้ปราศจาก “ช้างเผือก” ไร้ช้างแก้วประจำรัชกาล (https://www.silpa-mag.com/history/article_72076) • “ไตรภูมิพระร่วง” วรรณกรรมของพระยาลิไท กษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งสุโขทัย (https://www.silpa-mag.com/culture/article_139010) ขอขอบคุณ :- ผู้เขียน : กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม เผยแพร่ : วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2568 เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 16 ธันวาคม 2568 website : https://www.silpa-mag.com/culture/article_160407 (https://www.silpa-mag.com/culture/article_160407) อ้างอิง :- - วกุล มิตรพระพันธ์, สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. คติความเชื่อและที่มาของ “กษัตริย์” ในไตรภูมิกถา. วารสารศิลปากร ฉบับพฤษภาคม-มิถุนายน พ.ศ. 2564. - ราชบัณฑิตยสถาน. (2544). พจนานุกรมศัพท์วรรณคดีไทย สมัยสุโขทัย ไตรภูมิกถา. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน. |