สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 27, 2011, 07:57:45 pm



หัวข้อ: ข่าว ฮือฮา กระทิง หนุนตักพระ ย่องจากป่าเข้าวัด ให้ป้อนกล้วยทุกวัน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 27, 2011, 07:57:45 pm
ข่าว ฮือฮา กระทิง หนุนตักพระ ย่องจากป่าเข้าวัด ให้ป้อนกล้วยทุกวัน

(http://statics.atcloud.com/files/entries/2/21370/images/1_display.jpg)

ฮือฮา "ไอ้เศร้า" กระทิงเชื่องศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าดอยสุเทพ เชียงใหม่ เดินมาหาพระที่วัดอุโมงค์ นอนหนุนตักขอกล้วยกินแทบทุกวัน จนเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านที่พบเห็น พระเผยอยู่ด้วยกันมานานจนคุ้นเคย ยังมีสัตว์ที่เชื่องอีกเพียบ กระทิง 4 ตัว วัวแดง 10 ตัว เก้งกวางอีกนับร้อย ตอนแรกพระให้ข้าวก้นบาตร ตอนหลังต้องขอรับบริจาคผักหญ้ามาเลี้ยงดูแล วอนชาวบ้านหยุดล่าเอาชีวิตเพื่อนร่วมโลก เพราะเมื่อก่อนมีหมูป่าก็ถูกล่าจนหมด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีพิธีบรรพชา-อุปสมบทพระภิกษุฤดูร้อนรุ่น 2 ประจำเดือนเม.ย. โดยมีประชาชนไปร่วมพิธีอย่างคับคั่ง โดยพิธีกรรมใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ก่อนที่จะนำพระนวกะไปอยู่ตามกุฏิต่างๆ ระหว่างนั้นชาวบ้านได้ไปให้อาหารปลาและนกบริเวณเกาะกลางสระน้ำภายในวัด พร้อมเดินชมโบราณสถานต่างๆ

กระทั่งทราบว่าด้านหลังของวัดอุโมงค์ติดกับศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือสวนสัตว์เปิดอุโมงค์ มี "หลวงตากวาง" เลี้ยงสัตว์ป่าหลายชนิดที่มากินอาหารจากข้าวก้นบาตร จึงพากันเข้าไปชม โดยเดินขึ้นไปข้างอุโมงค์ลงไปไหล่เขาด้านตะวันตกประมาณ 500 เมตร ก็พบกุฏิพระอยู่ 3 หลังห่างกันประมาณ 200-300 เมตร

กุฏิหลังสุดท้ายเป็นของ "หลวงตากวาง" หรือพระมัณฑนา มันตชาโต ซึ่งเป็นพระสอนกรรมฐาน พบกระทิงตัวใหญ่เขาโง้ง และแหลมคม กำลังนอนหนุนตักหลวงตากวาง เหมือนกับอ้อนขออาหาร หลวงตากวางจึงปอกกล้วยน้ำว้าป้อนให้กินไปหลายลูก ก่อนที่จะไล่ให้ลุกขึ้น เพราะคนมามุงดูมาก เกรงกระทิงจะตื่นกลัว

หลวงตากวางเปิดเผยว่า กระทิงตัวนี้ตั้งชื่อให้ว่า "ไอ้เศร้า" เพราะตามันเศร้าๆ และบริเวณนี้เป็นเขตธรณีสงฆ์วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม และกุฏิหลังที่หลวงตาอยู่สร้างมาก่อนแล้วราวปี 2528 ต่อมาปี 2538 จึงเข้ามาอยู่ปฏิบัติธรรม สอนกรรมฐานแก่ญาติโยม พอดีเขตธรณีสงฆ์อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อยู่ห่างตัวเมืองราว 5-6 ก.ม. มีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุโมงค์ตั้งอยู่ ทำให้มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิดเข้ามาหาที่กุฏิเป็นประจำ จึงได้นำอาหารจากก้นบาตรให้ ต่อมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็ได้ศรัทธามาช่วยซื้อผัก ผลไม้มาให้กินทุกวัน

"ทำไปทำมากลายเป็นความคุ้นเคยและต้องช่วยเหลือเขาไปโดยปริยาย ทุกวันจะมีเก้งกวางประมาณร้อยกว่าตัว กระทิง 4 ตัว วัวแดง 10 ตัว มากินอาหารที่นี่ อาตมาก็เลยไปขอรับเศษผักต่างๆ และซื้อมาบ้างจากตลาดเมืองใหม่มาเลี้ยงดู มันเหมือนลูกหลาน ยิ่งในฤดูแล้งนี้อาหาร

ธรรมชาติหายาก เขาก็มาพึ่งเรา ส่วนน้ำนั้นไม่มีปัญหาเพราะมีลำห้วยอยู่ด้านบน คนกับสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข พึ่งพาอาศัยกันได้ พอเรามีเมตตาให้เขาๆ ก็รู้สึกว่าปลอดภัย และเขาก็มีความกตัญญู แม้จะน่ากลัวอย่างกระทิงป่า แต่เขาก็ไม่ทำร้ายคน สามเณรและเด็กวัดยังขึ้นขี่หลังได้ อย่างภาพที่เห็นมาหนุนตักพระอีกด้วย

อย่างไรก็ตามอยากขอเมตตาจิตจากทุกคนให้รักสัตว์ ไม่ทำลายสัตว์ป่าจนสูญพันธุ์ เฉพาะที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าอุโมงค์แห่งนี้เคยมีหมูป่า แต่ถูกล่าไปหมด เก้ง กวางก็ถูกลอบยิง จึงขอบิณฑบาตไว้ชีวิตพวกเขาด้วย" หลวงตากวางกล่าว

ที่มา  http://atcloud.com/stories/21370 (http://atcloud.com/stories/21370)


หัวข้อ: Re: ข่าว ฮือฮา กระทิง หนุนตักพระ ย่องจากป่าเข้าวัด ให้ป้อนกล้วยทุกวัน
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มีนาคม 28, 2011, 05:50:01 am
แปลกดีนะคะ

ไม่น่าเชื่อว่า กระทิงจะชอบทำแบบนี้

ไม่รู้ว่าพระท่านเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กหรือไม่ ?

 :s_hi:

อ้างถึง
หลวงตากวางเปิดเผยว่า กระทิงตัวนี้ตั้งชื่อให้ว่า "ไอ้เศร้า" เพราะตามันเศร้าๆ และบริเวณนี้เป็นเขตธรณีสงฆ์วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม และกุฏิหลังที่หลวงตาอยู่สร้างมาก่อนแล้วราวปี 2528 ต่อมาปี 2538 จึงเข้ามาอยู่ปฏิบัติธรรม สอนกรรมฐานแก่ญาติโยม พอดีเขตธรณีสงฆ์อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อยู่ห่างตัวเมืองราว 5-6 ก.ม. มีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุโมงค์ตั้งอยู่ ทำให้มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิดเข้ามาหาที่กุฏิเป็นประจำ จึงได้นำอาหารจากก้นบาตรให้ ต่อมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็ได้ศรัทธามาช่วยซื้อผัก ผลไม้มาให้กินทุกวัน

เหตุเกิดที่ วัดอุโมงค์เชียงใหม่ เจ๊า......


หัวข้อ: Re: ข่าว ฮือฮา กระทิง หนุนตักพระ ย่องจากป่าเข้าวัด ให้ป้อนกล้วยทุกวัน
เริ่มหัวข้อโดย: Mario ที่ มีนาคม 28, 2011, 06:00:24 am
อ่านแล้ว รู้สึกถึงเรื่องกฏแห่งกรรม เลยเมื่อก่อนไม่คิดว่า สัตว์ นั้นจะเป็นคนที่อยู่ใกล้เรามาก่อน

ซึ่งครั้นได้ศึกษาพระธรรมแล้ว จึงได้รู้ว่า มนุษย์ เราหากทำกรรมไม่ดีก็ ไปเิกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานต่าง ๆ ได้

  :67: