สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2011, 12:34:18 pm



หัวข้อ: พุทธศาสนา "ไม่ง้อให้คนนับถือ"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2011, 12:34:18 pm
พุทธศาสนา "ไม่ง้อให้คนนับถือ"
(เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ อรหันต์กึ่งพุทธกาลครับ)

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการสวดอ้อนวอนร้องขอ และศาสนาพุทธก็ไม่ใช่ศาสนาที่ง้อให้คนมานับถือ

(http://statics.atcloud.com/files/entries/2/24761/images/1_display.jpg)

ศาสนาพุทธนั้นสอนให้คนเราใช้สติปัญญา สอนให้พิจารณา สอนให้ใช้เหตุผล ศาสนาพุทธไม่มีหลักการบังคับให้ใครมานับถือ ไม่เคยง้อให้คนมานับถือ แต่เป็นการเชิญชวนให้มาพิสูจน์ว่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็น ของจริงของแท้ เป็นของที่ให้ผลแน่นอน และถึงแม้ว่าใครจะหันมานับถือศาสนาพุทธ ก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นสวรรค์ หรือ บรรลุนิพพานกันได้ง่าย ๆ และไม่มีการล้างบาปกรรมใด ๆ

พระพุทธเจ้าท่านเพียงแต่ชี้แนวทางให้เท่านั้น ผู้ใดปฎิบัติตามทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะไว้ จึงจะเข้าสู่กระแสพระนิพพานได้ด้วยตนเอง

พระธรรมรอคอยการพิสูจน์อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้พระธรรมจึงได้ชื่อว่า เอหิปัสสิโก (ควรมาพิสูจน์)
สงครามของพระพุทธเจ้าคือสงครามที่สอนให้รบกับจิตใจของตนเอง สอนให้ฆ่ากิเลสในใจ ผู้ที่จะสามารถทำการรบได้เก่งกาจสักเพียงใดนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการฝึกฝนจิต ใจของตนเอง ถ้าฝึกฝนน้อยจะเอาชนะศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดนั้นก็ยากเย็นเสียเหลือเกิน กว่าจะเอาชนะได้อาจต้องใช้เวลาในการต้อสู้ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ

แต่การฝึกฝนในทางพระพุทธศาสนานั้น วิทยายุทธของท่านย่อมติดตัวไปทุกภพทุกชาติ เป็นเสบียงไว้สำหรับทำการศึกในภพชาติต่อ ๆ ไป

สังเกตุได้จากการที่นักรบบางท่านฝึกฝนวิทยายุทธได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว ได้ฟังธรรมเพียงเล็กน้อยก็น้อมนำเข้าสู่จิตใจสามารถบรรลุธรรมได้ บางคนถึงแม้ตั้งใจพยายามฝึกแต่ก็มีความก้าวหน้าได้ช้ามาก ขึ้นอยู่กับผลกรรมและสติปัญญา ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับ เสบียงและเคล็ดวิชาที่ตนเองสั่งสมไว้ด้วย
 
(http://romphosai.com/forums/attachments/forum11/10913d1180232674t-05-jpg)

คำสอนอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าในยุคของพระสมณโคดมนั้นมีมาช้านานถึงสองพัน กว่าปี หลายคนเกิดมาก็พบกับคำว่าพระพุทธศาสนาจนเคยชิน แต่ก็ไม่ได้เข้าใจ ว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร ไม่มีบุญพอที่จะเข้าถึง

หันไปขอพึ่ง บารมีเทพเจ้าต่าง ๆ โดยหวังทางลัด มันเหนื่อยที่จะเดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านชี้แนะไว้ โดยหารู้ไม่ว่า ทางที่พระพุทธเจ้าท่านทรงชี้แนะไว้นั้นเป็นทางที่ลัดที่สุดแล้ว

เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ในเบื้องต้นนั้นพระพุทธเจ้าท่านไม่คิดที่จะเผยแพร่พระศาสนาเพราะทรงเห็นว่า ยากเหลือเกินที่สัตว์โลกจะเข้าใจธรรมของพระองค์ได้ เมื่อพระพรหมมาทูลขอ พระพุทธเจ้าท่านจึงยอมที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยการเผยแพร่ธรรมของพระองค์นั้น ท่านไม่ได้ทรงประกาศธรรมของท่านอย่างยิ่งใหญ่หรือมีการโฆษณาอย่างครึกโครม ประการใด

ธรรมอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงค้นพบนั้น ท่านกลับเผยแพร่อย่างเงียบ ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ใครที่จะมีโอกาสได้พบและเข้าใจในธรรมของพระองค์นั้น ย่อมจะต้องสั่งสมบุญบารมีมาพอสมควร หลายคนที่เกิดมาทันยุคของพระพุทธเจ้าแท้ ๆ แต่ไม่ได้เข้าใจธรรมของพระองค์ หรือที่เลวร้ายกว่า กลับไปให้ร้ายพระองค์เสียด้วย ยิ่งเป็นการติดลบถอยหลังไปอีก

ถึงแม้เราเกิดมาไม่ทันพบพระพุทธเจ้า แต่พระธรรมคือตัวแทนของพระพุทธเจ้านั้นยังมีอยู่ เท่ากับว่าเราได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว ถือว่าเป็นบุญอย่างใหญ่หลวง เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าหลังจากที่เราตายไปแล้ว จะไปเกิดใหม่ในภพภูมิหรือยุคสมัยใด

ถ้าโชคร้ายไปเกิดในยุคที่ไม่มีศาสนาก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานแสนนานขนาดไหน
จึงจะได้พบกับพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีบุญพอให้เข้าใจธรรม ของท่านด้วยหรือไม่

ที่มา  http://atcloud.com/stories/24761 (http://atcloud.com/stories/24761)