หัวข้อ: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: tang-dham ที่ เมษายน 03, 2011, 07:37:09 pm คือเห็นแต่ที่ไหน ๆ ก็อธิบายว่า พระโสดาบัน ละ้กิเลส 3 อย่าง
แต่ผมอยากรู้ว่า พระโสดาบัน มีความประพฤติ อย่างไร มีข้อวิเ้คราะห์อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นแล้ว หรือใครเป็นแล้ว และพระโสดาบัน ใช้ชีิวิตอย่างไร เป็นต้นครับ ่คืออยากอ่านบทความเกี่ยวกับพระโสดาบัน ให้ได้มาก ๆ ครับ เพราะตอนนี้ผมปรารถนา ความเป็นพระโสดาบัน ครับ ขอเบื้องต้นก่อนนะครับ :c017: หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 04, 2011, 08:15:04 am ผมมีข้อมูลให้สามไฟล์ครับ
ชนิดของไฟล์: pdf คู่มือ พระโสดาบัน Sodaban.pdf (15.41 MB) ชนิดของไฟล์: wma รวมพุทธวัจน์ ว่าด้วยความเป็นพระโสดาบัน (9.91 MB) ทั้งสองไฟล์ดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ http://board.palungjit.com/f14/ (http://board.palungjit.com/f14/)พรหมวิหาร-๔-233048.html#post3127865 อีกไฟล์ เป็น pdf ถึงโสดาบันในชาตินี้ ของ ดร.สนอง วรอุไร ผมอัพโหลดมาให้แล้ว หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 04, 2011, 08:33:11 am ผมมีคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ คัดลอกมาจากเว็บ Firstbuddha.com
ผมแปลงเป็นไฟล์เวิร์คให้แล้ว ดาวน์โหลดไปได้เลยครับ "ทางสายเข้าสู่พระนิพพาน" หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 04, 2011, 02:05:43 pm พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต อภัพพสูตร [๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้ ไม่พึงมีในโลก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่พึงบังเกิดในโลก ธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศไว้แล้ว ไม่พึงรุ่งเรืองในโลก ๓ ประการเป็นไฉน คือ ชาติ ๑ ชรา ๑ มรณะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้ง ๓ ประการนี้แล ไม่พึงมีในโลก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่พึงบังเกิดในโลก ธรรมวินัยอันพระตถาคตทรงประกาศไว้แล้ว ไม่พึงรุ่งเรืองในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรม๓ ประการนี้มีอยู่ในโลก ฉะนั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงบังเกิดในโลก ธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศไว้จึงรุ่งเรืองในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลไม่ละธรรม ๓ ประการแล้ว ก็ไม่อาจละชาติ ชรา มรณะได้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ ราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลไม่ละธรรม ๓ ประการนี้แล้ว ก็ไม่อาจละชาติ ชรา มรณะได้ ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลไม่ละธรรม ๓ ประการแล้ว ก็ไม่อาจละราคะ โทสะ โมหะได้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลไม่ละธรรม ๓ ประการนี้แล้ว ก็ไม่อาจละราคะ โทสะ โมหะได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลไม่ละธรรม ๓ ประการแล้ว ก็ไม่อาจละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสได้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ การกระทำไว้ในใจโดยอุบายไม่แยบคาย ๑ การเสพทางผิด ๑ ความหดหู่แห่งจิต ๑ ฯลฯ อ้างอิง เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ บรรทัดที่ ๓๓๘๑ - ๓๔๙๒. หน้าที่ ๑๔๖ - ๑๕๐. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=3381&Z=3492&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=3381&Z=3492&pagebreak=0) ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=76 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=76) แนะนำให้อ่านครับ :s_good: หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สมภพ ที่ เมษายน 04, 2011, 05:27:57 pm สำเร็จห้องพระสุขสมาธิ ก็จะรู้คำตอบครับ ว่าเป็นพระโสดาบันนั้นเป็นอย่างไรครับ
:67: หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ เมษายน 04, 2011, 05:44:34 pm จขกท. คงต้องการทราบข้อแตกต่าง แนวปริยัติของพระโสดาบันก่อนนะครับใครมีข้อมูลให้อ่านก็อนุโมทนาด้วยครับ
ส่วนถ้าจะรอให้ถึงการภาวนา ส่วนตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจเลยครับว่าจะสำเร็จเป็นพระโสดาบันในชาตินี้ถึงแม้ผมจะมีความปรารถนาถึงขั้นสาวกภูมิครับ คงต้องพยายามภาวนาบำเพ็ญเพียรกันต่อไปครับ อนุโมทนากับผู้ให้ข้อมูลครับ :25: หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Husapol ที่ เมษายน 05, 2011, 02:40:26 am เท่าที่ผมอ่านเรื่องนี้มาก็จะขอตอบตามความเข้าใจของผมเองผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ
ความเป็นโสดาบันนั้นเกิดจากการที่จิตละสังโยชน์ได้ 3 ข้อต้น(สังโยชน์หมายถึงเครื่องที่ผูกมัดใจให้สัตว์ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลส) มี 1.สักกายทิฐิ หมายถึง มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา 2.วิจิกิจฉา หมายถึง สงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 3.สีลัพพตปรามาส หมายถึง การถือศีลไม่จริงจังหรือนำศีลไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่น การถือศีลเพื่อเอาไว่ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะ เป็นต้น สำหรับความแตกต่างของพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ ก็คือ พระโสดาบันละสักกายทิฐิได้แต่ยังละราคะและโทสะไม่ได้ พระสกิทาคามีละสักกายทิฐิได้และสามารถทำราคะและโทสะให้เบาบางลงบ้าง พระอนาคามีละสักกายทิฐิได้ ละราคะและโทสะได้ แต่ยังละอวิชชาไม่ได้ ส่วนพระอรหันต์คือผู้ที่ละกิเลสและอวิชชาทั้งหลายทั้งปวงได้ พระโสดาบันนั้นเริ่มมองเห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่า ขันธ์ 5 เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ยังไม่สามารถถอนอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวเราของเราได้ เมื่อพระโสดาบันมีความพากเพียรในการเจริญอธิศีล อธิจิต อธิปัญญายิ่งๆขึ้นไปย่อมจะสามารถถอนอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวเราของเราให้เบาบางลงเรื่อยๆ สว่นที่สำคัญของพระโสดาบันนั้นที่เห็นได้ชัดนั้นก็คือ มีการทำบุญให้ทานอยู่อย่างสม่ำเสมอและทำด้วยความเสื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาและมีความเสียสละทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม ไม่โลเลสงสัยในการทำบุญและหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งในจิตใจไปตลอดข้ามภพข้ามชาติ และศีลปกติ(ศีล 5)นั้นก็บริสุทธิ์ละเว้นทุกอย่างที่จะทำให้ผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง แม้กระทั่งยุงมากัดก็ไม่เผลอตบแม้แต่ตัวเดียว เพราะเข้าใจว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นเผ่าพันธุ์ เป็นที่พึ่งอาศัย มีกรรมเป็นแดนเกิด ศีลของพระโสดาบันจะแตกต่างจากศีลของปุถุชนนั่นก็คือ ถ้าเป็นปุถุชนโดนเบียดเบียนครั้งแรกๆก็ไม่ตอบโต้เพราะว่ากลัวบาป ตกนรก แต่ถ้่่าถูกยั่วมากๆเข้าก็อาจจะเผลอทำบาปอกุศลได้นั่นเป็นเพราะปุถุชนยังขาดปัญญาในการศึกษาธรรม แต่พระโสดาบันนั้นไม่เบียดเบียนหรือทำผิดศีลถึงแม้ว่าจะไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีบาปหรือตกนรก ก็จะไม่ทำเพราะเห็นว่าทุกสิ่งที่เกิดมามีชีวิตล้วนแล้วแต่รักสุขเกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ถึงจะไม่รู้ผลหรือไม่มีผลแห่งการกระทำบาปนั้นแต่พระโสดาบันก็ไม่เบียดเบียนทั้งทางกาย วาจาและใจก็เพราะเป็นเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นหมดแล้วครับ อ้อ!อีกนิดนึงครับพระโสดาบันบุคคลที่เป็นฆราวาสอย่างเราๆนี้ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในทางโลกได้ มีครอบครัวได้(ในกรณีถ้ามีก่อนแล้วแต่ไม่ได้หมายถึงว่าถ้าเป็นแล้วจะมีไม่ได้นะเพียงแต่ว่าพระโสดาบันก็เริ่มจะเห็นทุกข์ที่มาจากการมีครอบครัวแล้ว ก็เลยไม่มีความต้องการที่จะมีครอบครัวเพราะรู้ว่าทุกข์จะมีตามมา) แต่การใช้ชีวิตทางโลกของพระโสดาบันนั้นจะประกอบไปด้วยความมีสติอยู่ตลอดบางครั้งก็อาจจะมีขุ่นข้องใจบ้างแต่จะเป็นไม่นานเพราะจิตจะเห็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นั่นเองครับ :) หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: pongsatorn ที่ เมษายน 05, 2011, 07:58:48 pm พระอรหันต์ ตบยุงได้หรือไม่ครับ
พระอรหันต์เว้นขาดจากปาณาติบาต แต่ถ้าไม่เจตนา ก็ไม่น่าจะเป็นไรห มั้งครับ เช่นพระจักขุบาล เดินจงกรมเหยียบแมงเม่า เป็นต้น แต่สำหรับพระภิกษุปรับอาบัติปาจิตตีย์ สำหรับฆราวาส ในศีล 5 ทำไมดูน่ากลัวจัง :41: หัวข้อ: Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เริ่มหัวข้อโดย: สถาพร ที่ เมษายน 08, 2011, 09:22:30 pm ผมว่าความหมาย ทางศีล น่าจะเสมอกันนะครับ
เพราะเราอาจจะไปแตกหลากหลายข้อมากไป ผมว่าหัวใจของศีล อยู่ที่การสำรวมกาย วาจา ไม่ให้เบียดเบียนตนเอง หรือ ผู้อื่น นะครับ อันนี้ชื่อว่า ศีล จะมีกี่ข้อก็น่าจะมีความหมายตามนี้ครับ :s_hi: |