สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: dknjoy ที่ เมษายน 08, 2011, 09:56:12 pm



หัวข้อ: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: dknjoy ที่ เมษายน 08, 2011, 09:56:12 pm
ตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากค่ะ
เพิ่งคุยโทรศัพท์กับพระ(ก่อนบวชท่านเป็นแฟนเรา) รายละเอียดดังนี้ค่ะ

พระท่านเพิ่งบวชเมื่อวันที่ 6 เมษายน 54 นี้ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่โทรคุยกันระหว่างที่ท่านบวช กะว่าจะไปทำบุญแทน
ท่านบวชที่เชียงใหม่ ตัวดิฉันอยู่กรุงเทพ

แต่วันนี้ นึกอย่างไรไม่ทราบลองโทรหาท่านดูเพราะแค่อยากรู้ว่าท่านเปิดโทรศัพท์หรือไม่ ไม่รู้อะไรทำให้ทำอย่างนั้นค่ะ (วันที่ท่านบวช เห็นโยมพ่อของท่านสั่งให้ท่านเอาโทรศัพท์ติดตัวไปเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน หรือให้โทรหาโยมพ่อเผื่อมีธุระอะไร)

โทรไปครั้งแรก (เย็น) พบว่าท่านปิดเครื่อง ครั้งที่สอง-สาม (สองทุ่ม) เปิดเครื่อง แต่ท่านไม่รับสาย ตอนนั้นก็ตกใจว่าเอ๊ะท่านมีธุระหรือเหตุฉุกเฉินอะไรถึงเปิดโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้คิดจะโทรอีก
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีท่านก็โทรกลับมา ตอนนั้นก็คิดว่าจะรับสายดีหรือไม่
แต่ก็รับสายค่ะ บทสนทนา เป็นประมาณนี้ค่ะ

พระ : โทรมามีอะไรหรือ
ดิฉัน : โทรมาดูว่าพระเปิดหรือปิดโทรศัพท์น่ะค่ะ
พระ : ก็เปิดบ้างเพื่อรับข่าว ไม่ได้โทรหาใคร
ดิฉัน: แล้วพระสาบยดีหรือคะ
พระ : สบายดี แต่ต้องปรับตัวเพราะไม่ได้ฉันข้าวเย็นเหมือนเมื่อก่อน
ดิฉัน : เดี๋ยวสึกก็ได้ทานค่ะ
(ที่พูดแบบนี้มีเจตนาเพื่อให้ท่านอดทนยามที่บวชเป็นพระค่ะ ไม่ได้มีเจตนาเร่งรัดให้ท่านสึก)
จากนั้นดิฉันก็พูดว่า : กลัวบาป คุยแบบนี้ต้องบาปแน่ๆ
พระ: งั้นก็แค่นี้ดีกว่า
ดิฉัน :จะไม่โทรไปแล้วค่ะ ถ้าพระมีอะไรอยากให้จัดการ ให้บอกไปกับโยมพ่อ โยมแม่ โยมพี่ ให้มาบอกดิฉันอีกทอดนึงก็ได้ค่ะ
แล้วก็วางสายไป

ไม่ได้พูดถึงเรื่องความรักใคร่ ความคิดถึง หรือเรื่องอะไรอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

อย่างนี้ดิฉันต้องทำอย่างไรคะ แล้วพระจะต้องปลงอาบัติหรือไม่อย่างไรคะ เผื่อว่าไปทำบุญช่วงสงกรานต์จะได้แจ้งให้ท่านทราบอีกทีค่ะ หรือปรึกษากับพระพี่เลี้ยงได้หรือไม่คะ

อาจจะเป็นคำถามที่ดูสับสน งงๆ หน่อยนะคะ เพราะกำลังสับสนและตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปจ รู้สึกเกรงกลัวและละอายต่อบาปจริงๆค่ะ

รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ เมษายน 09, 2011, 05:39:54 am
วิเคราะห์ ตามบทสนทนาแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นบาปเลยคะ การที่โทรไปถามข่าว สนทนาธรรมดานั้นเป็นเรื่องที่ปกติของญาตโยมกับพระอยู่แล้ว แต่ถ้าโทรไปเพราะเป็นห่วงว่าท่านจะไม่สึก นี้อีกเรื่องหนึ่งคะ

สรุปจากบทสนทนาแล้ว ยังไม่บาปคะ ทำใจให้สบายคะ....

 :bedtime2:


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: dknjoy ที่ เมษายน 09, 2011, 07:18:44 am
ขอบคุณมากเลยค่ะ
หลังจากนี้คงทำให้มีสติ คิดรอบคอบมากขึ้นก่อนจะทำอะไรลงไป
จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมากหรือไม่สบายใจแบบนี้ค่ะ  ???


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: GodSider ที่ เมษายน 09, 2011, 07:34:28 am
ทำใจให้สบาย เถิดครับเพราะว่า ไม่มีความผิดแต่ประการใด ถ้้าเพียงเท่านั้นนะครับ
 :34:


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ เมษายน 09, 2011, 07:38:27 am
ระมัดระวัง เพิ่มขึ้นก็ดีคะ เดี๋ยวจะหลุดคงบวชไม่นาน ให้ท่านภาวนาของท่านอย่างเต็มที่คะ
นี่ดีนะคะ ที่ท่านบวชนะคะ สำหรับ กบแย้มกะลา บอกว่าก่อนแต่งให้ไปบวชก่อน แฟนของ กบแย้มกะลา
ยังไม่ยอมไปบวชเลย ก็เลยประกาศไว้ว่า ยังไม่แต่งนะจ๊ะถ้ายังไม่บวชเรียนเดือนหนึ่ง

เพราะอยากให้ผู้นำครอบครัว เป็นคนที่มีธรรมะบ้างคะ

อนุโมทนาด้วยคะ

 :25:


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: KIDSADA ที่ เมษายน 09, 2011, 07:46:57 am
สาธุ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็อย่าโทรไปอีกนะครับ
ยังไม่เป็นบาปครับ :s_hi:

สบายใจเถิดครับ ในส่วนนี้



หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: dknjoy ที่ เมษายน 09, 2011, 07:53:40 am
พระท่านบวชเป็นเวลาหนึ่งเดือนค่ะ
คิดว่าช่วงหยุดสงกรานต์คงจะไปทำบุญพร้อมกับครอบครัวครัวของท่านที่อยู่ที่เชียงใหม่
แล้วก็จะไปช่วงต้นเดือน พ.ค.อีกสักครั้ง คงไม่บ่อยจนเกินไปใช่มั้ยคะ

ได้ฟังความเห็นจากทุกท่านก็สบายใจขึ้นมากค่ะ


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: whanjai ที่ เมษายน 09, 2011, 08:28:36 am
ยินดีด้วยคะ ตอนนี้ก็คิดแบบเดียวกับ ยายกบ คะถ้าจะแต่งงานต้องแต่งงานกับผู้ที่เข้าไปศึกษาธรรมในร่มกาสาวพัตร
คะเพราะว่า เป็นชายที่สมบูรณ์ เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีได้ มีธรรมเป็นเครื่องห้ามใจ ที่สำคัญเวลาจะนอกจเราจะได้มี
ธรรมะเตือนสติคะ ผู้ชายอย่างนี้ ฝันมานานหลายปีแล้วคะ ส่วนมากอยู่ในวงการภาพยนต์ มีแต่พวกเจ้าชู้ กะล่อน คะ

คุณโชคดีแล้วคะ ที่ ว่าที่ ได้บวชศึกษาหลักธรรม เป็นเดือน ๆ

ส่วนตัว ก็อิจฉา นะคะ

แต่ว่าศึกษาธรรมะ แล้ว อิจฉา ไม่ได้คะ ต้อง กล่าวว่า สาธุ เจ้าคะ

 อนุโมทนา กับ คุณ และ พระที่บวช ด้วยคะ

 :25: :49:


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 09, 2011, 12:50:28 pm
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖)


[๑๓๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติในมาตุคามอย่างไร ฯ

            การไม่เห็น อานนท์ ฯ

            ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อการเห็นมีอยู่ จะพึงปฏิบัติอย่างไร ฯ

             การไม่เจรจา อานนท์

             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อต้องเจรจา จะพึงปฏิบัติอย่างไร ฯ

             พึงตั้งสติไว้ อานนท์ ฯ

ที่มาhttp://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%C1%CB%D2%BB%C3%D4%B9%D4%BE%BE%D2%B9%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33



อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค
มหาปรินิพพานสูตร

               มาตุคาเม ปฏิปตฺติวณฺณนา
             
               ด้วยบทว่า อทสฺสนํ อานนฺท ทรงแสดงว่า

การไม่เห็นมาตุคามเสียได้เลย เป็นข้อปฏิบัติธรรมอันสมควรในข้อนี้.
 
               จริงอยู่ ภิกษุเปิดประตูนั่งบนเสนาสนะ ตราบใดที่ไม่เห็นมาตุคามที่มายืนอยู่ที่ประตู ตราบนั้น ภิกษุนั้นย่อมไม่เกิดโลภ จิตไม่หวั่นไหวโดยส่วนเดียวเท่านั้น. แต่เมื่อยังเห็นอยู่แม้ทั้ง ๒ อย่างนั้นก็พึงมี.
 
               ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อทสฺสนํ อานนฺท
               ด้วยบทว่า ทสฺสเน ปน ภควา สติ กถํ พระอานนท์ทูลถามว่า เมื่อการเห็นในที่ๆ ภิกษุเข้าไปรับภิกษาเป็นต้น ภิกษุจะพึงปฏิบัติอย่างไร.

   ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บุรุษผู้ยืนถือมีดด้วยกล่าวว่า ถ้าท่านพูดกับเราๆ จะตัดศีรษะท่านเสียในที่นี้แหละ หรือนางยักษิณียืนพูดว่า

   ถ้าท่านพูดกับเราๆ จะแล่เนื้อท่านเคี้ยวกินเสียในที่นี้ นี่แหละยังจะดีกว่า เพราะความพินาศเหตุมีข้อนั้นเป็นปัจจัย ย่อมมีได้อัตตภาพเดียวเท่านั้น ไม่ต้องเสวยทุกข์ที่กำหนดไม่ได้ในอบายทั้งหลาย

   ส่วนเมื่อมีการเจรจาปราศรัยกับมาตุคามอยู่ ความคุ้นก็มี เมื่อมีความคุ้น ช่องทางก็มี ภิกษุผู้มีจิตถูกราคะครอบงำก็ถึงความพินาศแห่งศีล ต้องไปเต็มอยู่ในอบาย เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อนาลาโป ดังนี้.
               
สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า
 
                  บุคคลพึงพูดกับบุคคลผู้มีดาบในมือ กับปีศาจ นั่งชิดกับอสรพิษ
                  ผู้ที่ถูกคนมีดาบ ปีศาจ อสรพิษกัดแล้ว ย่อมไม่มีชีวิต
                  ภิกษุพูดกับมาตุคามสองต่อสอง ก็ไม่มีชีวิตเหมือนกัน.

____________________________
(๑-) องฺ. ปญฺจก. เล่ม ๒๒/ข้อ ๕๕
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๕. มาตุปุตติกสูตร)


               บทว่า อาลปนฺเน ปน ความว่า ถ้ามาตุคามถามวันขอศีล ใคร่ฟังธรรม ถามปัญหา

ก็หรือมีกิจกรรมที่บรรพชิตจะพึงทำแก่มาตุคามนั้น

มาตุคามนั้นก็จะพูดกะภิกษุผู้ไม่พูดในเวลาเห็นปานนี้ว่า ภิกษุองค์นี้เป็นใบ้หูหนวก

ฉันแล้วก็นั่งปากแข็ง เพราะฉะนั้น ภิกษุพึงพูด โดยแท้.
 
               ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า พระเจ้าข้า ภิกษุเมื่อพูดอย่างนี้ จะพึงปฏิบัติอย่างไร.

              ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาพระโอวาทที่ว่า มาเถิดภิกษุทั้งหลายพวกเธอจง

ตั้งจิตคิดว่ามารดาในสตรีปูนมารดา

ตั้งจิตคิดว่าพี่สาวในสตรีปูนพี่สาว

ตั้งจิตคิดว่าลูกสาวในสตรีปูนลูกสาว (๒-)

จึงตรัสว่า อานนท์ พึงตั้งสติไว้.


(๒-) สํ. ส. เล่ม ๑๘/ข้อ ๑๙๕
(พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๘  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ภารทวาชสูตร)
ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10.0&i=67&p=4 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10.0&i=67&p=4)



พระสูตรนี้ เมื่อก่อนผมไม่รู้จัก ต้องให้เครดิตหมวยนีย์ เธอเคยเอ่ยข้อธรรมทำนองนี้

ผมเลยลองไปค้นดู ช่วยอ่านกันหน่อยนะครับ

 สำหรับความกังวลของเจ้าของกระทู้นั้น ขอตอบว่า ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าได้คิดให้มากนัก

จิตที่บริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาที่เป็นอกุศล ไม่บาปครับ

ทางที่ดี ไม่ควรโทร ไม่ควรรับสาย หากจำเป็นควรคุยผ่านญาติหรือเพื่อนผู้ชาย

จะดูงามกว่าพูดคุยด้วยตัวเอง

 :58: ;) :49:


หัวข้อ: Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: dknjoy ที่ เมษายน 10, 2011, 08:08:19 am
ขอบคุณทุกท่านมากๆค่ะ