สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: มะเดื่อ ที่ เมษายน 22, 2011, 08:01:03 am



หัวข้อ: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: มะเดื่อ ที่ เมษายน 22, 2011, 08:01:03 am
ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ

 แล้วจะสิ้นทุกข์ได้อย่างไร

  ขอบเขตของความทุกข์ กับ การสิ้นทุกข์ในพระพุทธศาสนานั้น มีอย่างไรครับ ผมเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลยครับ

 :91:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: suchin_tum ที่ เมษายน 22, 2011, 10:44:59 am
มีทุกข์กันทุกคน ไม่มีใครไม่มี-จะให้หมดทุกข์จริง ต้อง พระกรรมฐานเท่านั้น หมดจรดแน่ และหมดจริง...จนถึงไม่เห็น-ขอบเขตุความทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นของมันอย่างนั้น.....พระกรรมฐานเท่านั้นที่แก้ ดิน นํ้า ลม ไฟ ไม่ให้กําเริบ...ที่นี่ไม่สับสน ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่เรียงร้อยไว้ให้พึงศึกษา ไปตามลําดับ ....


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pornpimol ที่ เมษายน 22, 2011, 03:18:18 pm
ในโลกนี้ ไม่มีใครไม่ทุกข์หรอก ต้องถามว่า ทุกข์กันตั้งแต่เกิด ๆ มาก็ร้องแว้ก ๆ นั่นก็ทุกข์แล้ว เพราะเสียดทานกับอากาศ แสบเนื้อ แสบตัว เจริญวัยอยู่ ก็เจ็บแล้ว เจ็บอีก แก่ก็เจ็บ แก่ก็ปวด แก่ก็เมื่อย ในที่สุดก็ตาย จะเห็นได้ว่าทุกข์ กันตั้งแต่เกิด จนตายแต่ทุกข์เพราะกาย สมเหตุ สมผล พระพุทธศาสนา ก็ยุติเรื่องการเกิดอีก

 แตุ่ทุกข์ ที่เกิดเพราะ กิเลส ตัณหา นี่สิ สำมะคัญ มาก ๆๆ เพราะเป็นเหตุ เกิดเวร เกิดกรรม เกิดความผูกพัน เกิดอุปาทานความยึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัว เป็นตนของเรา อันนี้ ทุกข์ ๆๆ  และก็ทุกข์ จริง

 การเกิดของพระพุทธเจ้า ดับทุกข์ แบบไหน ต้องกลับไปย้อนอ่าน อริยสัจจะ 4 ให้เข้าใจ ถึงจะเข้าใจตัวทุกข์

 สรุป ไม่มีใครไม่มีทุกข์หรอก ที่เกิดมา ....

 :67:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GodSider ที่ เมษายน 22, 2011, 03:19:28 pm
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไร เกิด

 นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ


 :smiley_confused1:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PISSAMAI ที่ เมษายน 22, 2011, 03:22:51 pm
ทุกข์ คือ ความทนอยู่ไม่ได้ อันนี้เ็ป็นทุกข์ในไตรลักษณ์ หรือ สามัญลักษณะ

ทุกข์ คือ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ เป็นต้น

ว่าโดยย่อ อุปานทานขันธ์ ทั้ง 5 เป็นตัวทุกข์

    สวดมนต์ทำวัตรเช้า แปลไทยคะ

    สังขิตเตนะปาทานักขันธาทุกขา ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง 5 เป็นตัวทุกข์

    :13:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: นิด_หน่อย ที่ เมษายน 22, 2011, 03:39:37 pm
ทุกข์เพราะไม่มีสตางค์ จัดเป็นทุกข์ด้วยหรือไม่คะ

อิ อิ  :hee20hee20hee:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ลำใย ที่ เมษายน 22, 2011, 03:57:21 pm
ทุกข์เพราะไม่มีสตางค์ จัดเป็นทุกข์ด้วยหรือไม่คะ

อิ อิ  :hee20hee20hee:

เป็นทุกข์ในการดำรงชีพ คะ แต่อาจจะเป็นทุกข์เพราะความโลภมาก ไม่รู้จักพอ ก็เป็นทุกข์ได้คะ

 :72:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เมตตา ที่ เมษายน 22, 2011, 03:59:48 pm
มีอธิบายเรื่อง ทุกข์ในอริยสัจจะ 4 ที่นี่คะ

เมื่อไฟไหม้หัวตัวเอง คุณจะทำอะไรก่อน
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3659.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3659.0)

เครดิตลุงปุ้มคะ

อ่านแล้วมาวิเคราะห์กันต่อ นะคะ

 :014:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rainmain ที่ เมษายน 22, 2011, 04:39:26 pm
ทุกข์ เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้
ทุกข์ เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา
ทุกข์ เป็นหนทางออกจากวังวน
ทุกข์ เป็นที่สิ้นสุดแห่งวัฏฏะสงสาร

 :49:


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ เมษายน 22, 2011, 06:53:10 pm
ทุกข์ ๑๐ ประการ
(http://www.pattanakit.net/images/column_1247752518/Th1.jpg)

1.    สภาวะทุกข์ คือ ทุกข์ประจำสังขาร ได้แก่ เกิด, แก่, เจ็บ, และ ตาย


2.    ปกิณณกะทุกข์ คือ ทุกข์จร ได้แก่ โสกะ/ความโศก, ปริเทวะ/ความร่ำไรรำพัน,

       ทุกขะ/ความไม่สบายกาย, โทมนัส/ความไม่สบายใจ, และ อุปายาส/ความคับแค้นใจ


3.    นิพัทธะทุกข์ คือ ทุกข์เนืองนิตย์ ได้แก่ หนาว, ร้อน, หิว, กระหาย, ปวดอุจจาระ และ ปวดปัสสาวะ


4.    พยาธิทุกข์ คือ ทุกข์เพราะโรคภัยต่างๆ เบียดเบียน


5.    สัตตาปะทุกข์ คือ ทุกข์เกิดจากกิเลส ได้แก่ ความโลภ, ความโกรธ และ ความหลง


6.    วิปากะทุกข์ คือ ทุกข์อันเกิดจากกรรมเก่าตามมาให้ผล


7.    สหคตะทุกข์ ( วิปริณามทุกข์ ) คือ ทุกข์อันเกิดจากโลกธรรม 8

       อิฏฐารมณ์ (มีลาภ/มียศ/สุข/สรรเสริญ)

       อนิฏฐารมณ์ (เสื่อมลาภ/เสื่อมยศ/ทุกข์/นินทา)


8.    อาหารปริเยฎฐิทุกข์  คือ ทุกข์เกิดจากการหาเลี้ยงชีพในการดำรงอยู่


9.    วิวาทมูลกะทุกข์  คือ ทุกข์เกิดจากการทะเลาะวิวาท


10.   ทุกขะขันธ์ คือ ทุกข์รวบยอด อันหมายมั่นในขันธ์ 5 (รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, และ วิญญาณ)




http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538768320&Ntype=128


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ เมษายน 22, 2011, 07:09:37 pm
ความทุกข์ของคนแก่

(http://www.pattanakit.net/images/column_1247652054/old_man_walking_slow_ha.gif)

นานมาแล้ว มีตาแก่ผู้น่าสงสารอยู่คนนึง เมียและลูก

แกเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่แกก็ยังต้องมีภาระเลี้ยงหลานๆ

อีก สี่คนที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง วันๆ ไม่ทำ ไม่ช่วย อะไร

เลย ดีแต่ทะเลาะกันทุกวัน ว่าคนนั้นผิด คนนี้ผิด ที่ไม่ทำอย่างนั้น ไม่ทำอย่างงี้


จนมาวันนึงตาแก่ ป่วยหนักกำลังจะตาย ก็ยังอดห่วง

หลานไม่ได้ เพราะแกกลัวว่าหลานที่เอาแต่ใจตัวเอง

จะอยู่ในสังคม ในโลก ที่มีแต่คำว่า กูเก่ง ไม่ได้

ก่อนตายแกจึงเรียกหลานทั้งสี่ มานั่งล้อมวงที่โต๊ะสี่เหลี่ยม

แล้วให้หลานเอาผ้าผูกปิดตาไว้ทั้งสี่คน หลังจากนั้นแกก็

ไปหยิบ

"ตะเกียง ทรงสี่เหลี่ยมมาหนึ่งอัน ซึ่งแต่ละด้าน มีสีต่างกัน"

มาตั้งไว้กลางโต๊ะที่เด็กทั้งสี่นั่งล้อมอยู่

แล้วให้หลานทั้งสี่ เปิดผ้าผูกตาออกพร้อมกัน จากนั้นตาแก่

ก็ถามหลานทั้งสี่คนว่า "เห็นตะเกียงสีอะไร"

หลานคนแรกบอกเห็น "สีแดง"

คนที่สองบอกเห็น "สีเหลือง"

คนที่สามบอกเห็น "สีเขียว"

คนที่สี่บอกเห็น "สีน้ำเงิน"

แล้วทั้งสี่ก็เริ่มทะเลาะกันอีก ว่าสีที่ตัวเองเห็นนั้นถูกต้อง


จนตาแก่บอกว่าไม่มี ใครผิด ใครถูกหรอก หลานเอ๋ย

"เพราะตะเกียงมันมีสี่ด้าน" ถ้าใครอยากรู้ว่า ทำไมคนอื่นถึง

เห็นสีไม่เหมือนเรา "เราก็ต้องเดินไปดูในมุมของเค้า

เราก็จะเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงบอกว่าเค้าเห็นสีนั้น"

"อย่ามองมุมของเรามุมเดียวแล้วตัดสิน"

เพราะคนเรามันต่างความคิดต่างมุมมอง


พอตาแก่พูดจบ แสงในตะเกียงก็ดับลงพร้อมกับชีวิตของแก




http://www.bannangio.com/index.php?mo=5&qid=619776


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Hero ที่ เมษายน 22, 2011, 07:35:50 pm
มีสาระดีครับ กับเรื่อง มุมมองตะเกียง สี่ด้าน

ส่วนเรื่องทุกข์ พอเห็น ทุกข์ 10 ประการแล้ว ก็มาพิจารณากันดีหน่อยหรือไม่ครับ ว่า กรรมฐาน  นั้นจะแก้ทุกข์อะไรได้บ้าง

  สำหรับ ทุกข์ ใน 10 ข้อนั้น

  ข้อ 1 3 4 6 ไม่น่าจะแก้ได้เพราะเป็นมากับมนุษย์ อยู่แล้ว

  ส่วน 2 5 7 8 9 10 นั้นน่าจะเกี่ยวกับกรรมฐาน ใช่หรือไม่ครับ ลองวิเคราะห์หน่อยดีหรือไม่ครับ

 


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: because ที่ เมษายน 22, 2011, 09:21:42 pm
ทุกข์ ข้อ10 น่าจะเป็นใหญ่ คือ ทุกข์จากขันธ์

 ส่วนทุกข์ที่เป็นรอง คือ สันตาปทุกข์ น่าจะเป็นรองลงมา

  และ ปกิณกะ วิวาทมูลกะ สหคต น่าจะเป็นผลต่อเนื่องมาจาก สันตาปทุกข์

  และ วิปากะทุกข์นั้น เป็นทุกข์ที่มาจากอดีตชาติ

วิเคราะห์ ได้แค่นี้ เพราะทุกข์ กำลังเล่นงานอยู่คือ นิพัทธะทุกข์ 
:014:


หัวข้อ: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ ถ้าเข้าใจเรื่อง นรก สวรรค์ ดีก็จะรู้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปอง ที่ เมษายน 23, 2011, 05:39:49 pm
ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ยืนยันว่า นรกสวรรค์ นั้นมีแน่ แต่จะอยู่ที่ใดนั้น ข้อนี้เป็นเรื่องที่นักปราชญ์ทั้งหลายอธิบายกันในหลายแง่หลายมุม

แต่ ใน ที่นี้จะชี้ให้เห็นตามที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเรา เชื่อถือกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน คือนรกสวรรค์มีอยู่ ๓ ประเภท คือ               
            ๑. สวรรค์ในอกนรกในใจ
            ๒. สวรรค์และนรกในโลกมนุษย์
            ๓. สวรรค์และนรกในโลก อื่น


พระพุทธเจ้าเรียกที่ๆทำให้เกิดสวรรค์และนรกทั้ง 31 ภูมิว่า ภวังค์จิต  คือ จิตที่เป็นองค์แห่งภพ

โลก ของจิตใต้สำนึกของเรา ก็คือโลกแห่งภวังค์จิต  ในภวังค์จิตมันมีภพภูมิต่างๆอยู่ เรียกว่า "ปรโลก" แม้แต่จักรวาลและดวงดาวต่างๆก็ล้วนแล้วแต่อยู่ใน ภวังค์จิตหรือในจิตใต้สำนึกทั้งนั้น

พูดง่ายๆ.... จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก แม้แต่พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  สามารถแสดงออกให้ปรากฎได้ 2 ทาง คือ

1. จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  แสดงออกได้ทางจิต หรือ ภายในจิตใต้จิตใต้สำนึกหรือในภวังค์จิตของทุกคน ผู้ที่จะรู้และเข้าถึงจักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งเข้าถึงนรกสวรรค์ พรหมโลก ต้องทำสมาธิหรือสมถะกรรมฐานให้ถึงฌาน 4-8 เท่านั้น

องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ  แล้วพระองค์ท่านไปเห็นจักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก แม้แต่พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  จากไหนล่ะ  ก็จากในจิตใต้สำนึก หรือในภวังค์จิต ของท่านน่ะซิ

2. จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์ พรหมโลก พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  แสดงออกได้ทางกายภาพ หรือทางอายตนะต่างๆ โดยเฉพาะทางตาและทางวัตถุ มนุษย์เรายังไม่สามารถพัฒนาวัตถุหรือยานอวกาศเข้าไปสำรวจจักรวาลทางกายภาพ ได้ พัฒนาได้แค่วัตถุที่เข้าไปสำรวจจักรวาลได้ทางตาเท่านั้น

แต่พระ พุทธเจ้าและพระอรหันต์ เช่น พระโมคคัลลานะ  พวกท่านเอากายเนื้อของพวกท่าน ลุยเข้าไปในจักรวาลเลย

แล้ว ทำไมในภวังค์จิต ซึ่งเป็นองค์แห่งภพ มันมีแดนนิพพานอยู่ล่ะ?

ก็ พระพุทธเจ้าตรัสในเอกนิบาตอังคุตตรนิกาย อรรถกถา ภาค ๑ หน้า ๔๕ ข้อ ๕๐ ว่า: "ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺติ" ความว่า "ภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ประภัสสร ก็จิตนั้นแล หลุดพ้นแล้วจากอุปกิเลสทั้งหลายที่จรมา "

จิตที่หลุดพ้น จากกิเลส พระพุทธเจ้าเรียกว่าอะไรครับ?.....นิพพานใช่ไหมครับ

เมื่อ องค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า, องค์พระศาสนาแห่งศาสนาพุทธ, เป็นผู้ตรัสเองว่า "จิตประภัสสร คือ จิตหลุดพ้นจากกิเลส หรือ นิพพาน"   จิตประภัสสรนี้ พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ได้แก่ "ภวังคจิต"   ดังนั้น ภวังค์จิต  ซึ่งเป็น จิตที่เป็นองค์แห่งภพ  จึงไม่ได้หมายถึงแค่ภพ 3 เท่านั้น  แต่กินความรวมถึงแดนพระนิพพานด้วย

...

อ้างอิง:พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระ พรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

จากคุณ    : โชติช่วงชัชวาล


หัวข้อ: Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: สาวิตรี ที่ เมษายน 25, 2011, 09:30:33 am
อ้างถึง
ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ

ตอบว่า พระอริยบุคคลขั้นสูงสุด พ้นจากทุกข์แล้ว คือพระอรหันต์ คะ
 :13: