สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 23, 2011, 11:09:41 am



หัวข้อ: ในสมัยพุทธกาลมีการ “นุ่งขาวห่มขาว” หรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 23, 2011, 11:09:41 am

ในสมัยพุทธกาลมีการ “นุ่งขาวห่มขาว” หรือไม่

(http://statics.atcloud.com/files/comments/137/1371986/images/1_display.jpg)

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
ว่าด้วยองค์ที่ทำให้พรหมจรรย์บริบูรณ์
(คัดมาเพียงบางส่วน)


ดูกรจุนทะ เมื่อใดแล พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์เหล่านี้ คือ ศาสดาเป็นเถระ เป็นผู้รู้ราตรีนาน เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาล ผ่านวัยมา โดยลำดับ
 
ภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นสาวกของศาสดานั้นก็เป็นเถระเชี่ยวชาญ ได้รับ แนะนำแล้ว แกล้วกล้า บรรลุธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะแล้ว สามารถเพื่อจะ กล่าวพระสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถเพื่อแสดงธรรมให้มีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปปวาทที่เกิดขึ้นแล้วเสียได้ด้วยดี โดยชอบธรรม
{ปรัปปวาท (ลัทธิของเจ้าลัทธิอื่น)}

ภิกษุทั้งหลายที่เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นผู้ปานกลางก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่ เป็นผู้ใหม่ก็มีอยู่
ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่เป็นเถรีก็มีอยู่
ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่เป็นผู้ใหม่ก็มีอยู่

อุบาสกทั้งหลายที่เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่
อุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวบริโภคกามก็มีอยู่
อุบาสิกาทั้งหลายที่เป็นสาวิกาของ ศาสดานั้นที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่
อุบาสิกาทั้งหลาย ผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวบริโภคกามก็มีอยู่

และ พรหมจรรย์ของศาสดานั้นก็เป็นปาพจน์สำเร็จแพร่หลายกว้างขวาง ชนเป็นอันมาก รู้ได้ เป็นปึกแผ่นพอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี และถึงความ เลิศด้วยลาภ เลิศด้วยยศแล้วอย่างนี้ พรหมจรรย์นั้นย่อมบริบูรณ์ด้วยองค์นั้น เมื่อนั้น ฯ
    
(http://www.tomdyseed.com/images/column_1257778627/aa(1).jpg)

[๑๐๕] ดูกรจุนทะ ก็บัดนี้ เราแลเป็นศาสดาผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เกิดขึ้นแล้วในโลก ธรรมเล่าก็เป็นธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ประกาศดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรมอันเราผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะ ประกาศไว้แล้วสาวกทั้งหลายของเราเล่า

ก็เป็นผู้ รู้แจ้งอรรถในสัทธรรม และพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิงเล่าก็เป็นพรหมจรรย์ อันเราทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดีแก่เหล่าสาวกแล้ว

ดูกรจุนทะ ก็บัดนี้เราแลเป็นศาสดาผู้เถระ ผู้รู้ราตรีนาน ผู้บวชนาน ผู้ล่วงกาลผ่านวัยมา โดยลำดับ ฯ

   [๑๐๖] ดูกรจุนทะ ก็บัดนี้ ภิกษุสาวกของเราเป็นเถระ เป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้รับแนะนำแล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า บรรลุธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะแล้ว สามารถเพื่อจะกล่าวพระสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถเพื่อจะแสดงธรรมให้มี ปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปปวาทที่เกิดขึ้นแล้วเสียได้ด้วยดีโดยชอบธรรมมีอยู่

ดูกรจุนทะ บัดนี้ ภิกษุสาวกทั้งหลายของเราผู้เป็นเถระก็มีอยู่ ผู้ปานกลางก็มีอยู่ ผู้ใหม่ก็มีอยู่
ดูกรจุนทะ บัดนี้ ภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายของเราผู้เป็นเถรีก็มีอยู่ ผู้ปานกลางก็มีอยู่ ผู้ใหม่ก็มีอยู่
ดูกรจุนทะ อุบาสกสาวกทั้งหลายของเราผู้เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่ บริโภคกามก็มีอยู่
ดูกรจุนทะ บัดนี้ อุบาสิกา สาวิกาทั้งหลายของเราผู้เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่ บริ โภคกามก็มีอยู่

ดูกรจุนทะ อนึ่งในบัดนี้ พรหมจรรย์ของเราก็สำเร็จผลแพร่หลาย กว้างขวาง ชนเป็นอันมากรู้ได้ เป็นปึกแผ่น
พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ ด้วยดีแล้ว ฯ

ที่มา  http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=11&A=2537&Z=3181 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=11&A=2537&Z=3181)


(http://photos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc3/hs166.snc3/19379_220629488098_174757338098_3232311_5214363_n.jpg)

อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
ปาสาทิกสูตร
อรรถกถาปาสาทิกสูตร               
นิคณฺฐนาฏปุตฺตกาลกิริยาวณฺณนา     
(คัดมาเพียงบางส่วน)


               ด้วยประการดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอานิสงส์แห่งกุลบุตรผู้ปฏิบัติชอบในคำสอนอันจะทำ ผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้แล้ว เมื่อจะทรงขยายพระธรรมเทศนาอีก จึงตรัสคำเป็นอาทิว่า ดูก่อนจุนทะ ก็พระศาสดาอุบัติแล้วในโลกนี้ดังนี้.

               ในบทเหล่านั้น บทว่า สาวกทั้งหลายเป็นผู้ไม่รู้แจ้งอรรถ คือไม่มีปัญญาที่จะตรัสรู้ได้.
               บทว่า ทำให้มีบทอันรวบรวมไว้พร้อมแล้ว คือกระทำด้วยบทอันรวบรวมไว้ทั้งหมด. อธิบายว่าไม่ใช่รวบรวมไว้อย่างเดียว. ปาฐะว่า สพฺพสงฺคาหปทคตํ ดังนี้บ้าง คือไม่อยู่ในบทที่รวบรวมไว้ทั้งหมด. อธิบายว่าไม่สงเคราะห์เข้าเป็นอันเดียวกัน.

               บทว่า ทำให้มีปาฏิหาริย์ คือ เป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้.
               บทว่า ตลอดถึงเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย คือประกาศไว้ด้วยดีแล้วตั้งแต่มนุษยโลกจนถึงเทวโลก.
               บทว่า ย่อมเป็นเหตุให้เดือดร้อน คือเป็นผู้ทำความเดือดร้อนในภายหลัง.
               บทว่า ศาสดาของเราทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเพื่อแสดงถึงอาการอันทำให้เดือดร้อนของสาวกเหล่านั้น.

               บทว่า ย่อมไม่เป็นเหตุเดือดร้อนในภายหลัง อธิบายว่า ชื่อว่าย่อมไม่ทำความเดือดร้อนในภายหลัง เพราะข้อที่สาวกทั้งหลายอาศัยพระศาสดาพึงบรรลุได้บรรลุแล้ว.

               บทว่า เถโร ได้แก่ ผู้มั่นคงคือประกอบด้วยธรรมอันทำให้เป็นผู้มั่นคง. คำว่า รตฺตญฺญู เป็นต้น มีเนื้อความกล่าวไว้แล้ว. บทว่า เอเตหิ เจปิ คือด้วยคำเหล่านี้ ท่านกล่าวไว้ตอนต้น. บทว่า เป็นผู้บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ความว่า พระอรหัตชื่อว่าเป็นแดนเกษมจากโยคะในธรรมวินัยนี้ เพราะพระอรหัตเป็นแดนเกษมมาจากโยคะ ๔ สาวกทั้งหลายบรรลุพระอรหัตนั้น.
 
(http://www.rd1677.com/backoffice/Pictamdee/57677.jpg)

               บทว่า ควรที่จะกล่าวพระสัทธรรมได้โดยชอบ อธิบายว่า พึงเป็นผู้สามารถจะกล่าวพระสัทธรรมได้โดยชอบ เพราะเล่าเรียนมาเฉพาะหน้า. บทว่า เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ คือ พระอริยสาวกทั้งหลายเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่. บทว่า เป็นผู้บริโภคกาม คือ คฤหัสถ์ผู้เป็นพระโสดาบัน.

               บททั้งหลายเป็นต้นว่า พรหมจรรย์สำเร็จผลนั้น พิสดารแล้วในมหาปรินิพพานสูตรนั่นแล.
               บทว่า ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ แปลว่า ถึงความเลิศด้วยลาภและด้วยยศ.
               บททั้งหลายว่า ดูก่อนจุนทะ ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระเป็นสาวกของเราในบัดนี้มีอยู่แล ดังนี้ ผู้เป็นเถระในบทนี้ ได้แก่พระเถระมี พระสารีบุตรและพระโมคคัลลาน์ เป็นต้น.
               บทว่า ภิกษุณีทั้งหลาย ได้แก่ เขมาเถรีและอุบลวัณณาเถรีเป็นต้น.

               บททั้งหลายว่า อุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวก เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาว ประพฤติพรหมจรรย์ ดังนี้ อุบาสกในที่นี้ได้แก่ จิตตคหบดีและหัตถกอาฬวก เป็นต้น.

               บทว่า ผู้บริโภคกาม ได้แก่ จุลอนาถบิณฑิกะและมหาอนาถบิณฑิกะเป็นต้น.
               บทว่า หญิงผู้เป็นพรหมจารินี ได้แก่ หญิงทั้งหลายมีนันทมารดา เป็นต้น.
               บทว่า หญิงผู้บริโภคกาม ได้แก่ หญิงทั้งหลายมีนางขุชชุตรา เป็นต้น.  ฯลฯ

(http://statics.atcloud.com/files/comments/19/197585/images/1_display.jpg)

อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=11&A=2537&Z=3181 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=11&A=2537&Z=3181)
ที่มา  http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=94&p=1# (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=94&p=1#)ธมฺมรตนปูชาวณฺณนา