สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 26, 2011, 07:56:47 am



หัวข้อ: การพบปะพูดคุย ของกลุ่มภาวนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ สระบุรี มีผลดีอย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 26, 2011, 07:56:47 am
การพบปะพูดคุย ของกลุ่มภาวนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ สระบุรี  มีผลดีอย่างไร

(http://buddha-thushaveiheard.com/All_page_04/Picture1-40/23_01.jpg)

อปริหานิยธรรม ๗ ของกษัตริย์วัชชี หรือ วัชชีอปริหานิยธรรม ๗ (ธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม เป็นไปเพื่อความเจริญฝ่ายเดียว สำหรับหมู่ชนหรือผู้บริหารบ้านเมือง)

๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์
๒. พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรียงกันทำกิจที่พึงทำ
ข้อนี้แปลอีกอย่างหนึ่งว่า : พร้อมเพรียงกันลุกขึ้นป้องกันบ้านเมือง พร้อมเพรียงกันทำกิจทั้งหลาย

๓. ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติไว้ (อันขัดต่อหลักการเงิน) ไม่ล้มล้างสิ่งที่บัญญัติไว้ (ตามหลักการเดิม) ถือปฏิบัติมั่นตามวัชชีธรรม (หลักการ) ตามที่วางไว้เดิม
๔. ท่านเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่ในชนชาววัชชี เคารพนับถือท่านเหล่านั้น เห็นถ้อยคำของท่านว่าเป็นสิ่งอันควรรับฟัง

๕. บรรดากุลสตรีกุลกุมารีทั้งหลาย ให้อยู่ดีโดยมิถูกข่มเหง หรือฉุดคร่าขืนใจ
๖. เคารพสักการะบูชาเจดีย์ (ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุ ตลอดถึงอนุสาวรีย์ต่างๆ) ของวัชชี (ประจำชาติ) ทั้งหลาย ทั้งภายในและภายนอก ไม่ปล่อยให้ธรรมิกพลีที่เคยให้เคยทำแก่เจดีย์เหล่านั้นเสื่อมทรามไป

๗. จัดให้ความอารักขา คุ้มครอง ป้องกัน อันชอบธรรม แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย (ในที่นี้กินความกว้าง หมายถึงบรรพชิตผู้ดำรงธรรมเป็นหลักใจของประชาชนทั่วไป) ตั้งใจว่า ขอพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมิได้มา พึงมาสู่แว่นแคว้น ที่มาแล้วพึงอยู่ในแว่นแคว้นโดยผาสุก

อปริหานิยธรรม ๗ ประการนี้ พระพุทธเจ้าตรัสแสดงแก่เจ้าวัชชีทั้งหลายผู้ปกครองรัฐโดยระบอบสามัคคีธรรม ซึ่งรัฐคู่อริยอมรับว่า เมื่อชาววัชชียังปฏิบัติตามหลักธรรมนี้ จะเอาชนะด้วยการรบไม่ได้ นอกจากจะใช้การเกลี้ยกล่อมหรือยุแยกให้แตกสามัคคี.

อปริหานิยธรรม ๗ ของภิกษุ หรือ ภิกขุปริหานิยธรรม ๗ (ธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม เป็นไปเพื่อความเจริญฝ่ายเดียวสำหรับภิกษุ)

๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์
๒. พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรียงกันทำกิจที่สงฆ์จะต้องทำ
ข้อนี้แปลอีกอย่างว่า : พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันลุกขึ้นจัดการแก้ไข สิ่งเสียหาย เหตุไม่งาม พร้อมเพรียงกันทำกิจที่สงฆ์จะต้องทำ

๓. ไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงบัญญัติ ไม่ล้มล้างสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้
๔. ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่ เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปริณายก เคารพนับถือภิกษุเหล่านั้น เห็นถ้อยคำของท่านว่าเป็นสิ่งอันควรรับฟัง

๕. ไม่ลุอำนาจตัณหาคือความอยากที่เกิดขึ้น
๖. ยินดีในเสนาสนะ
๗. ตั้งสติระลึกไว้ในใจว่า เพื่อนพรหมจารีทั้งหลายผู้มีศีลงาม ซึ่งยังไม่มา ขอให้มา ที่มาแล้ว ขอให้อยู่ผาสุก

(http://[url=http://buddha-thushaveiheard.com/All_page_04/Picture1-40/23_05.jpg]http://buddha-thushaveiheard.com/All_page_04/Picture1-40/23_05.jpg[/url])

อปริหานิยธรรม ๗ ของภิกษุ หรือ ภิกขุอปริหานิยธรรม ๗ อีกหมวดหนึ่ง
 
๑. น กัมมารามตา (ไม่มัวเพลินการงาน คือไม่หลงเพลิดเพลินหมกมุ่นวุ่นอยู่กับงาน เช่น การเย็บจีวร ทำบริขารต่างๆ เป็นต้น จนเสื่อมเสียการเล่าเรียน ศึกษาบำเพ็ญสมณธรรม)
๒. น ภัสสารามตา (ไม่มัวเพลินการคุย)
๓. น นิททารามตา (ไม่มัวเพลินการหลับนอน)

๔. น สังคณิการามตา (ไม่มัวเพลินการคลุกคลีหมู่คณะ)
๕. น ปาปิจฉตา (ไม่เป็นผู้มีความปรารถนาลามก, ไม่ตกอยู่ในอำนาจความปรารถนาลามก)
๖. น ปาปมิตตตา (ไม่เป็นผู้มีปาปมิตร)
๗. น อันตรา โวสานมาปัชชนา (ไม่ถึงความหยุดยั้งนอนใจเสียในระหว่าง ด้วยการบรรลุคุณวิเศษเพียงชั้นต้นๆ)

ที.ม.๑๐/๗๑/๙๒; องฺ.สตฺตก.๒๓/๒๒/๒๓.
ที่มา พจนานุกรม พุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม(ป.อ.ปยุตโต)

อ้างอิง
พระไตรปิฎก เล่ม ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๗๑
พระไตรปิฎก เล่ม ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๕  อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ข้อที่ ๒๒



ขอให้พิจารณา ข้อธรรม "อปริหานิยธรรม ๗ ของกษัตริย์วัชชี หรือ วัชชีอปริหานิยธรรม ๗"

โดยเฉพาะข้อ ๑.หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์  และข้อ ๖.เคารพสักการะบูชาเจดีย์

กลุ่มภาวนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ สระบุรี ได้ปฏิบัติกันอยู่เกือบทุกเดือน

การปฏิบัติของกลุ่มเรา เป็นการป้องกันไม่ให้กรรมฐานมัชฌิมาฯ เสื่อมลงไป และเพื่อความเจริญของกรรมฐาน

มัชฌิมาฯ ยิ่งๆขึ้นไป
 :s_good: ;)


หัวข้อ: การพบปะพูดคุย ของกลุ่มภาวนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ สระบุรี มีผลดีอย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: pornpimol ที่ เมษายน 26, 2011, 08:02:29 am
สาธุ  :s_hi: