สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ตอบปัญหาจากเมล
ปุจฉา อยากให้พระอาจารย์แนะนำกรรมฐาน ที่เป็นกลาง ๆ ง่าย ต่อ ทุกจริต ด้วยครับ ?

วิสัชชนา กรรมฐานที่ง่ายต่อการภาวนาจริง ๆ ก็คือ พระพุทธานุสสติ และ ก็ อานาปานสติ เป็นกรรมฐานมีแบบแผนที่ดีแล้ว ส่วนกรรมฐาน ที่สนับสนุนการภาวนา ก็มี กายคตาสติ มรณัสสติ และ เมตตานุสสติ เป็นกรรมฐานสนับสนุนจิตให้มีความเพียร ผู้ฝึกภาวนาไม่มีใครไม่ฝึกกรรมฐาน ที่กล่าวมานี้ได้

ส่วนกรรรมฐานที่เป็นกึ่งวิปัสสนา นั้นยังไม่แนะนำเพราะผู้ฝึกควรจะฝึก อุปจาระสมาธิ ให้ได้ก่อนถึงจะดำเนินจิตไปตามวิปัสสนาไ้ด้ เพราะลำพังแค่ขณิกะสมาธิ นั้นหากใช้วิปัสสนา ไม่สามารถพิจารณากิเลสให้ขาดได้สำหรับบุคคลในยุคนี้ ซึ่งเป็นยุคของ พระอนาคามี และ พระสกิทาคามี

เจริญธรรม

 ;)

ืที่่พระอาจารย์แนะนำ ก็เป็น เบสิก ใน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ อยู่แล้วนะคะ
อันที่จริง พระพุทธานุสสติ นี้ก็ทำให้ใจสงบมากแล้วคะ อันนี้ส่งเสริม ความเคารพพระรัตนตรัย โดยรวมเลยคะ

อนุโมทนาสาธุ กับผู้ถาม

และ ขอบคุณพระอาจารย์ผู้ตอบด้วยคะ

 :25:

มีความสนใจในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ครับ
แต่ยังไม่รู้จะปฏิบัติไปเพื่ออะไรครับ เพราะชีวิตผมก็มีความสงบดีอยู่แล้วครับ

ไม่เดือดร้อน เรื่องงาน เรื่องเงิน เรืองเจ็บป่วย ใด ๆ จึงไม่รู้จะภาวนาไปเพื่ออะไรครับ
แต่ก็คิดว่า กรรมฐาน ก็น่าจะมีการภาวนาบ้างครับ

 :bedtime2:

ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ แนะนำกรรมฐาน พื้นฐาน เพราะเพิ่มศรัทธาในพระรัตนตรัยได้คะ

 คือ พระพุทธานุสสติ มี 3 ห้อง คือ เป็นห้อง อุคคหนิมิต ส่วน อุปจาระสมาธิ มีพระลักษณะ และ พระรัศมี

       1. พระธรรมปีติ 5

       2. พระยุคลธรรม 6

       3. พระสุขสมาธิ 2

  และห้องที่ 4 นั้นเป็นกรรมฐาน ที่เป็นส่วน ปฏิภาคนิมิต อัปปนาสมาธิ

      มีรายละเอียด ที่มาก กว่า พระพุทธานุสสติกรรมฐาน คะ

 ส่วน มรณัสสติ เมตตานุสสติ กายคตาสติ ล้วนมีสอดแทรก อยู่ในกรรมฐาน ทุกขั้นตอนคะ

  :25:

สรุป หมายความว่า ต้องปฏิบัติให้ได้สมาธิ ระดับอุปจาระสมาธิ ก่อน ใช่หรือไม่ครับ อย่างนี้ก็สอนผิดกับครูอาจารย์ที่สอนวิปัสสนาในขณะนี้ ผมได้หนังสือเล่มหนึ่ง ชือ่ว่า วิปัสสนานัย ของวัดท่ามะโอ ในนั้นระบุว่า วิปัสสนาสามารถใช้ ขณิกะสมาธิได้นะครับ

  ถ้าพระอาจารย์กล่าวอย่างนี้แล้ว ทำให้ผมเกิดความลังเล หมายความว่า ขณิกะสมาธิ ไม่เพียงพอในการวิปัสสนา ใช่หรือไม่ครับ อย่างนี้การภาวนาก็เป็นการยากสิครับ คนทั่วไป ก็ไม่สามารถฝึกวิปัสสนาได้

  โปรดขยายความให้เกิดความเข้าใจด้วยครับ
(http://www.wattamaoh.org/home/images/book3/book3-56.png)
   :smiley_confused1:

สรุป หมายความว่า ต้องปฏิบัติให้ได้สมาธิ ระดับอุปจาระสมาธิ ก่อน ใช่หรือไม่ครับ อย่างนี้ก็สอนผิดกับครูอาจารย์ที่สอนวิปัสสนาในขณะนี้ ผมได้หนังสือเล่มหนึ่ง ชือ่ว่า วิปัสสนานัย ของวัดท่ามะโอ ในนั้นระบุว่า วิปัสสนาสามารถใช้ ขณิกะสมาธิได้นะครับ

  ถ้าพระอาจารย์กล่าวอย่างนี้แล้ว ทำให้ผมเกิดความลังเล หมายความว่า ขณิกะสมาธิ ไม่เพียงพอในการวิปัสสนา ใช่หรือไม่ครับ อย่างนี้การภาวนาก็เป็นการยากสิครับ คนทั่วไป ก็ไม่สามารถฝึกวิปัสสนาได้

  โปรดขยายความให้เกิดความเข้าใจด้วยครับ

ต้องขอย้อนคำถาม กลับไปว่า คุณโยมได้ศึกษาและปฏิบัติในแนวทางนี้ น่าจะได้ใช้ ขณิกะสมาธิบ้างแล้ว ก็คงจะพอทราบเองแล้วว่า การเห็นตามความเป็นจริง ยังไม่เกิด มีแต่เห็นเลาๆ ลางๆ ว่า น่าจะเป็นอย่างนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่า สมาธิ ยังไม่มีกำลังพอในการเข้าไปรู้แจ้งเห็นตามความเป็นจริง

 ในการปฏิบัติกรรมฐาน ต้องปฏิบัิติกันตั้งแต่ สัมมาทิฏฐิ เป็นต้นมา จนถึง สัมมาสมาธิ นั่นก็คือการรวมมรรค เพื่อเป็นผล ดังนั้น สมาธิ เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ถ้าว่ากันตามพระสูตรนั้น พระพุทธเจ้า ตรัสแสดงตั้งแต่ ปฐมฌาน นะไม่ใช่ อุปจาระฌาน แต่ในการสอนกรรมฐานกันมาก็จะมุ่งให้ผู้ภาวนาได้เข้าถึง สุขสัญญา ด้วยอำนาจ พระพุทธานุสสติ เพราะใช้ ปีติ และ สุข เป็นองค์วิปัสสนาในการเจริญจิตให้ถึง แก่นของพระพุทธศาสนา ดังนั้น ปีติ สุข จึงจัดเป็นลำดับ สำคัญใน อานาปานสติ ต่อจากลมหายใจ และการระงับกายสังขาร

  ลำัพัง ขณิกะสมาธิ อาจจะเป็นไปได้สำหรับท่านที่มีบุญญาธิการสะสมมาดี เป็นอุคติตัญญู ดังนั้นท่านทั้งหลายเหล่านี้เพียงฟังธรรมและน้อมจิตตามธรรมก็สามารถบรรลุธรรมได้โดยง่าย แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราเป็นผู้มีบุญญาธิการ อย่างนั้นเพื่อความไม่ประมาท ก็พึงเจริญวิปัสสนาด้วย อุปจาระสมาธิ เถิด ซึ่งมีผลแน่นอนกว่า

  เจริญพร / เจริญธรรม

  ;)