หัวข้อ: คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ พฤษภาคม 26, 2011, 07:58:39 am "คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล ถ้าบาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมได้รับทุกข์เมื่อนั้น ผู้ฆ่าย่อมถูกฆ่าตอบ ผู้ชนะย่อมได้รับการชนะตอบ ผู้ด่าย่อมถูกด่าตอบ ผู้โกรธย่อมได้รับการโกรธตอบ เพราะความหมุนเวียนแห่งกรรม"
สังคามวัตถุสูตร ๑๕/๑๑๙ (http://www.dhammajak.net/board/files/268_1253231426.jpg_201.jpg) หัวข้อ: Re: คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ พฤษภาคม 26, 2011, 08:01:03 am ลักษณะ ของคนพาลที่สำคัญ คือคนพาลนั้นมักจะอ้างเหตุผลที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้ เพื่อให้ตนเป็นฝ่ายชนะ เหตุผลที่คนพาลหยิบยกนำมาอ้างนั้นจึงเป็นสิ่งที่มิได้ปฏิบัติจริง ฉะนั้นแล้วการถกเถียงกันเพื่อให้ตนเองชนะจึงไม่เกิดประโยชน์ เพราะตนเองชนะแต่นำสิ่งที่ตนเถียงแล้วไปปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมได้อย่าง แท้จริงชนะไปก็เท่านั้น สู้ยอมเป็นผู้แพ้แต่สิ่งที่ตนนำเสนอด้วยเหตุและผลนำไปปฏิบัติได้จริงก็ไม่ ได้
ลักษณะของคนพาลนั้นเป็นคนฉลาด มีความสามารถพลิกแพลงรวมทั้งการมีเชาน์ไหวพริบมาก แต่ตามธรรมชาติของคนพาลนั้นย่อมขาดความเฉลียวใจเสมอ เพราะความเฉลียวนั้นจะทำให้คนพาลกลายเป็นไม่พลาลได้ ด้วยเหตุนี้การที่เราจะเอาชนะคนพาลได้นั้นเราต้องมีความเฉลียวในเหตุผลที่คน พาลยกมา คิดตามสิ่งที่คนพาลพูดแล้วลองพิจารณาว่าปฏิบัติตามที่คนพาลยกมาได้หรือไม่ ตามปกติแล้วเหตุและผลที่คนพาลยกมานั้นย่อมนำมาปฏิบัติไม่ได้จริงทั้งโลก สมมุติในคติการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 แลชะโลกแห่งความเป็นจริงคือการใช้ประสาทสัมผัสที่ 6 คนพาลจึงหนีไม่พ้นคนถือตัวกอร์ปด้วยมานะทิฐิเป็นที่ตั้ง ซึ่งคนปกติก็สามารถเป็นคนพาลได้หากได้รับอิทธพลแห่งมานะทิฐิเข้าครอบงำ มานะทิฐิจะเกิดได้มากกับผู้ที่มีความรู้มาก ผู้ที่มีความรู้จากตำราจะใช้วิธีการคิดหาเหตุผลด้วยปัญญาที่เกิดขึ้นโดยการ ใชสมอง แต่ผู้ที่ปฏิบัติจนชำนาญจะใช้บทเรียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนมาใช้เป็นคำตอบแทน ที่การใช้สมอง ฉะนั้นผู้มีปัญญามากจึงใช้สมองน้อยแล้วผู้มีปัญญาน้อยจะใช้สมองมาก นั่นหมายความว่าผู้มีปัญญาจะใช้เรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ผู้ไร้ปัญญาจะใช้เรื่องสมมุติ ซึ่งอาจจะมาจากการคิด การคาดคะเน รวมทั้งการตั้งสมมุติฐานโดยไม่ลงมือพิสูจน์สิ่งนั้น ดังนั้นลักษณะ ของคนพาลจึงเป็นคนฉลาดแต่ไม่มีปัญญา เพราะคนพาลจะเต็มไปด้วยเรื่องที่สมมุติขึ้น การหาเหตุผลมาหักล้างจะมาจากสิ่งที่ตนเองคิดขึ้นจากการคาดคะเน แต่ผู้มีประสบการณ์จากการปฏิบัติเหตุผลทีนำมาหักล้างจะมาจากเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นจริงกับตนหรืออย่างน้อยเกิด ขึ้นกับคนอื่นแล้วตนเป็นผู้รับรู้ ด้วยเหตุนี้คนพาลจึงไม่สามารถเอาชนะคนปกติที่ไม่พาลได้ ด้วยเหตุนี้ หากเราเป็นนักเรียนปริยัติ จึงจำเป็นที่จะต้องนำปริยัตินั้นไปปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงปฏิเวธให้ได้ เพราะตัวปฏิเวธจะเป็นตัวสนับสนุนหรือหักล้างปริยัติที่เรารู้มาได้อย่างมี ประสิทธิภาพที่สุด นี่จึงเป็นเหตุอีกประการที่ทำให้ผู้เรียนปริยัติอย่างเดียว ต่างจากผู้นำปริยัติไปปฏิบัติจนเกิดปฏิเวธอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการเรียนพุทธศาสนาความเข้าใจในปริยัติสำคัญมาก เราคนไทยเข้าใจสิ่งที่รู้มาให้เป็นภาษาไทย คนอังกฤษก็เข้าใจเป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเข้าใจให้เป็นภาษาบาลีหรือสันสฤต เข้าใจเป็นภาษาไทยนี่แหล่ะ ปฏิบัติให้ได้จะเกิดปฏิเวธเอง ปฏิเวธจะเป็นตัวชีวัดว่าปริยัติที่รู้มาถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นการ ที่เรานำทฤษฎีมาปฏิบัติจนบังเกิดผลกับตนเอง จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากการเป็นคนพาลได้ เพราะคนพาลเป็นคนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นคนพาลจึงมีลักษณะของการยึดติดความรู้ที่ตนมีเป็นอุปทานเป็นที่ตั้ง หากผู้ใดนำความรู้ในเรื่องใดแล้วเรื่องนั้นขัดแย้งกับสิ่งที่ตนรู้มาจะเกิด ความขัดแย้งขึ้นมาทันที นี่เป็นลักษณะเฉพาะของคนพาลที่เกิดขึ้นและมีอยู่ในปัจจุบัน http://www.dhumma.net/index.php?option=com_content&view=article&id=295&Itemid=312 (http://www.dhumma.net/index.php?option=com_content&view=article&id=295&Itemid=312) หัวข้อ: Re: คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล เริ่มหัวข้อโดย: nithi ที่ พฤษภาคม 26, 2011, 08:34:15 am อนุโมทนากับ พุทธภาษิต ในวันนี้ด้วยคะ นับว่าเป็นธรรมมงคลยามเช้า ในยามเย็น สบายหลังฝนครับ
:25: หัวข้อ: Re: คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ พฤษภาคม 26, 2011, 09:04:11 am ขึ้นชื่อว่า คนพาล ก็เป็นคนโง่เขลา
คนพาล จะอ่านข้อความเหล่านี้รู้เรื่องหรือไม่ คะ :s_hi: หัวข้อ: Re: คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ พฤษภาคม 26, 2011, 06:24:21 pm ผู้มีปัญญามากจึงใช้สมองน้อยแล้วผู้มีปัญญาน้อยจะใช้สมองมาก นั่นหมายความว่าผู้มีปัญญาจะใช้เรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ผู้ไร้ปัญญาจะใช้เรื่องสมมุติ ซึ่งอาจจะมาจากการคิด การคาดคะเน รวมทั้งการตั้งสมมุติฐานโดยไม่ลงมือพิสูจน์สิ่งนั้น ยื้อตำราพาจน "คนพาล" คนพาลหลงตำรา แล้วพร่ำหาแต่เหตุผล พาลหลงทิฏฐิตน มิยอมคนมิยอมความ ซ่านแสร้งแต่หลักรู้ ข้างเข้าถูทำตัวทราม ใครเห็นแลมิงาม เขามิคร้ามมิยำเกรง อย่าหลงด่วนแต่คิด จักได้ผิดมิเป็นเพลง มานะหลงตัวเก่ง พาลนักเลงจักเข็ญใจ. ธรรมธวัช.! หัวข้อ: Re: คนพาลย่อมสำคัญว่าเป็นสุข เมื่อบาปยังไม่ให้ผล เริ่มหัวข้อโดย: samapol ที่ พฤษภาคม 26, 2011, 06:49:51 pm ขึ้นชื่อว่า คนพาล ก็เป็นคนโง่เขลา คนพาล ย่อมพูดคิด ทำอะไร ในสิ่งที่คนดีไม่เข้าใจหรอกครับ ถูกต้องแล้วครับ :49: หัวข้อ: Re: ผมท้อขอยกธงขาว เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กรกฎาคม 13, 2011, 08:37:56 pm คุณธรรมของความเป็นคนอยู่ที่ หิริ/โอตตัปปะ แต่คนพาลหามีสิ่งนี้ไม่ แถมมีชัยกระหยิ่มยิ้มย่องหยามหน้าให้ได้อาย
เสมือนหนึ่งวันนี้เราไร้ที่ยืนบนผืนแผ่นดินต้องก้มหน้าหลบรี้ไร้ความภาคภูมิ Might is Right ! ชื่อว่าดีดีไฉน คนจัญไรไฉนดี (http://4.bp.blogspot.com/_TGRLMSfxnbo/TSCb0jhWtOI/AAAAAAAAAgM/Wg4Z5P8lvHM/s1600/%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7.jpg) discourage ! http://funtales4u.blogspot.com/2011/01/blog-post.html |