หัวข้อ: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: pornpimol ที่ กรกฎาคม 02, 2011, 08:58:38 pm (http://horoscope.sanook.com/story_picture/b/02505_002.jpg)
อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ ไปกราบหลายหนแล้ว ยังไม่ทราบประวัติจริง เลยคะ จริง ๆ แล้ว พระแก้วมรกต นี้เป็นสมบัติของประเทศลาว หรือ ของประเทศไทยคะ ใครรู้ช่วยเล่าให้อ่านหน่อย นะคะ :25: :c017: หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเ็พ็ญ ก่ำสุข ที่ กรกฎาคม 03, 2011, 09:41:43 am (http://images.palungjit.com/attachments/2237-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%95-kaew-jpg)
รออ่านด้วยคน คะ เพราะเท่าทีี่ทราบ มา ก็รู้แต่เพียงว่า พระแก้วมรกต นำมาจากเวียงจันทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 1 เ่ท่านี้คะ แหม พอรู้อย่างนี้แล้วรู้สึกอายพวกเวียงจันทร์ เลยคะ เหมือนเราไปยึดสมบัติของชาติเขามา ( จริงหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ) รบกวนท่านผู้รู้ มาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ :s_hi: :c017: หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: lamai54 ที่ กรกฎาคม 03, 2011, 06:17:01 pm พยายาม ค้นมาให้อ่านเหมือนกัน คะแต่ ก็อ่านแล้วยังไม่ถูกใจเนื้อเรื่อง เพราะอธิบายคลุมเครือ อยู่คะ
เอาเป็นว่าศรัทธา เคารพ เป็นพระพุทธรูป คู่บ้าน คู่เมือง นะคะ :s_hi: หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 03, 2011, 11:48:48 pm พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/thumb/b/be/Emeraldbuddha3seasons.jpg/800px-Emeraldbuddha3seasons.jpg) ข้อมูลทั่วไป ชื่อเต็ม พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ชื่อสามัญ พระแก้วมรกต ประเภท พระพุทธรูป ศิลปะ ศิลปะก่อนเชียงแสน ขนาด • ความกว้าง19 นิ้ว • ความสูง 28 นิ้ว วัสดุ หยกอ่อน (Nephrite) สถานที่ประดิษฐาน ประธานในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ความสำคัญ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของ กรุงรัตนโกสินทร์ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนสีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้ว เชียงราย [อ.เมือง เชียงราย] ในปี พ.ศ.1977 ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางพระราชทานคืนให้แก่ลาว (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/thumb/7/73/Glassbuda.JPG/542px-Glassbuda.JPG) ตำนานพระแก้วมรกต ดูบทความหลักที่ ตำนานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในปี พุทธศักราช 500 โดยพระนาคเสนเถระ วัดอโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ในแผ่นดินพระเจ้ามิลินท์ (เมนันเดอร์) สมเด็จพระอมรินทราธิราช พร้อมกับพระวิสสุกรรมเทพบุตร ได้นำแก้วโลกาทิพยรัตตนายก อันมีรัตนายกดิลกเฉลิม 1000 ดวง สีเขียวทึบ (หยกอ่อน) นำมาจำหลักเป็นพระพุทธรูปถวายให้พระนาคเสน ถวายพระนามว่า พระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต พระนาคเสนจึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ลงไปในพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต 7 พระองค์ คือพระโมลี พระนลาฏ พระนาภี พระหัตถ์ซ้าย-ขวา และพระเพลาซ้าย-ขวา แต่เมื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานแล้วนั้น เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น พระนาคเสนได้พยากรณ์ว่า พระแก้วองค์นี้ จะเสด็จไปโปรดสรรพสัตว์ในเบญจประเทศ คือ ลังกาทวีป กัมโพชะศรีอโยธยา โยนะวิสัย ปะมะหละวิสัย และ สุวรรณภูมิ พุทธศักราช 800 โดยประมาณในแผ่นดินพระเจ้าศิริกิตติกุมาร พระเชษฐราชโอรสในพระเจ้าตักละราช ขึ้นครองราชสมบัติเมืองปาฏลีบุตร เป็นช่วงที่เมืองปาฏลีบุตรเกิดมหากลียุค ทั้งมีการจลาจลภายในและข้าศึกภายนอก ผู้คนในปาฏลีบุตรที่เคารพนับถือพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต ลงสู่สำเภาแล้วเดินทางลี้ภัยไปยังลังกาทวีป เมื่อถึงลังกาทวีปพระเจ้าแผ่นดินลังกาทวีปในสมัยนั้น(ไม่ได้ระบุพระนาม) ทรงรับรักษาพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตเป็นอย่างดียิ่ง และทรงอุปถัมภ์ค้ำชูชาวปาฏลีบุตรเป็นอย่างดีสมควรตามความดีความชอบ พุทธศักราช 1000 โดยประมาณในแผ่นดินศรีเกษตรพุกามประเทศ พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครขณะนั้นคือพระเจ้าอนุรุทธราชาธิราช(ภาษาบาลี) หรือ มังมหาอโนรธาช่อ(ภาษามอญ) พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระอานุภาพมาก บริบูรณ์ด้วยพลช้างพลม้าและทหารมากมาย แต่พระองค์ก็เป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง ทรงมีพระราชโองการ ให้ส่งพระราชสาส์นและเครื่องมงคลบรรณาการ ไปยังลังกาทวีป เพื่อขอคัดลอกพระไตรปิฎกและขอพระแก้วมรกตกลับมาด้วย แต่เรือที่บรรทุกพระแก้วมรกตถูกพายุพัด พลัดเข้าไปทางอ่าวกัมพูชาแทน พระเจ้านารายณ์ราชสุริยวงศ์ เจ้ากรุงอินทปัตถ์มหานคร แคว้นกัมพูชา สั่งให้อำมาตย์คุมสำเภากลับไปถวายคืนแก่พระเจ้าอนุรุทธ แต่ส่งกลับไปเพียงพระไตรปิฎกเท่านั้น มิได้ส่งพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตไปด้วย หลังจากที่พระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่กรุงอินทปัตถ์นานพอสมควร(ไม่ได้ระบุปี) ในแผ่นดินพระเจ้าเสน่ห์ราช เกิดพายุฝนขนาดใหญ่ตกเป็นนิจกาลยาวนานหลายเดือน(ไม่ได้ระบุ) พระเจ้าเสน่ห์ราชก็สวรรคตด้วยอุทกภัยนั้น พระมหาเถระ(ไม่ปรากฏพระนาม) ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นสำเภาหนีไปยังที่ดอน พระเจ้าอติตะราช (อาทิตยราช) เจ้าครองนครอโยธยา(หมายถึงอโยธยาโบราณ) ทราบเรื่องจึงเสด็จกระบวนพยุหยาตรา ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ในที่ปลอดภัย โดยทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานในพระมหาเวชยันตปราสาท และได้ประดิษฐานในนครอโยธยาอีกหลายรัชสมัย ต่อมาเจ้าเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระบรมญาติกับกษัตริย์อโยธยาสมัยนั้น จึงทูลขอนำพระแก้วมรกตขึ้นไป ประดิษฐานที่เมืองกำแพงเพชรอีกหลายรัชสมัย ซึ่งปัจจุบันก็คือวัดพระแก้วกำแพงเพชร ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ต่อมา เจ้ามหาพรหมพระอนุชาของ [พระเจ้ากือนา]แจ้ผู้ครองหัวเมืองฝ่ายเหนือสามหัวเมือง คือเชียงราย เชียงแสน และเมืองฝางได้ลี้ภัยจากศึกสงครามกับเมืองเชียงใหม่ ไปอาศัยอยู่กับพระยาญานดิส เจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อมาเมื่อจะกลับไปเมืองเชียงราย ก็ได้ทูลขอพระแก้วมรกตต่อพระเจ้ากำแพงเพชร พระเจ้ากำแพงเพชรจึงได้ถวายให้เจ้ามหาพรหม เมื่อเจ้ามหาพรหมชราภาพลง ด้วยความเป็นห่วงในพระแก้วมรกต จึงได้ทำการพอกปูนจนทึบและลงรักปิดทองเสมือนพระพุทธรูปสามัญทั่วไป แล้วบรรจุเก็บไว้ในเจดีย์วัดป่าญะในเมืองเชียงราย โดยไม่มีใครรู้ (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6c/Emerald_Buddha_Photo_D_Ramey_Logan.jpg/398px-Emerald_Buddha_Photo_D_Ramey_Logan.jpg) ประเพณี เนื่องจากพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธูปประจำพระราชอาณาจักร ดังนั้นประเพณีที่เกี่ยวข้อง ส่วนมากจึงเป็นพระราชพิธี เช่น พระราชพิธีตรียัมปวาลและตรีปวาย พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พระราชพิธีศรีสัจปานกาลถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา พระราชพิธีตรุษสงกรานต์ พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีพืชมงคล พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชา พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลหล่อเทียนพรรษา พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุปสมบทนาคหลวง พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มีกำหนดการดังนี้ เครื่องทรงฤดูร้อน ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 เครื่องทรงฤดูฝน ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เครื่องทรงฤดูหนาว ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏดวงพระราชสมภพ พิธีตั้งสมณศักดิ์และสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ (http://th.wikipedia.org/wiki/)พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 03, 2011, 11:56:12 pm พระแก้วมรกต ตำนานพระแก้วมรกต (http://www.tourdoi.com/travel/happiness/pra/watprasi/000.jpg) พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนในภูมิภาคแหลมทองมาเป็นเวลานาน เริ่มตั้งแต่ดินแดนถิ่นนี้ยังเป็นอาณาจักรต่างๆ มิได้รวมกันเป็นประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พอรวบรวมได้ว่าองค์พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในประมาณ ปี พ.ศ. 500 โดยพระนาคเสนเถระ เมืองปาฏลีบุตร อินเดีย เข้ามาสู่ดินแดนของไทยครั้งแรกในอาณาจักรอโยธยา จากนั้นอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเมืองชากังราวหรือกำแพงเพชร จากกำแพงเพชรได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเชียงรายเป็นเวลา 45 ปี จากนั้นก็อัญเชิญลงมาประดิษฐานที่ลำปางอีก 32 ปี จากลำปางอัญเชิญขึ้นเหนือไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ เป็นเวลา 85 ปี จากเชียงใหม่ไปประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์ 225 ปี แต่เก่าก่อนตอนปลายสมัยอยุธยา เมืองเวียงจันทน์ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยามีศึกหนักกับพม่าจนตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ทางเวียงจันทน์ถือโอกาศแข็งเมืองแยกตัวเป็นอิสระ จนกระทั่งพระเจ้าตากกอบกู้เอกราชได้และตั้งราชธานีใหม่จึงได้ส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปตีเมืองเวียงจันทน์ให้กลับมาเป็นเมืองขึ้นเหมือนเดิม ศึกครั้งนั้นทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาดจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับคืนสู่แผ่นดินไทย ครั้งแรกเมื่ออัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมายังประเทศไทยในสมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ที่วิหารน้อยวัดอรุณราชวราราม ประดิษฐานอยู่ที่วัดอรุณฯ เป็นเวลา 5 ปี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อชนะศึกเมืองเวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาก็เกิดความยินดี ดั่งว่าพระแก้วมรกตเป็นพระคู่บารมีคู่บ้านคู่เมือง ครั้นเมื่อสิ้นกรุงธนบุรีเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกขึ้นเป็นมหากษัตริย์ได้สำเร็จ และได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่มีชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์ นัยว่าเป็นชื่อที่มีที่มาจากพระแก้วมรกต กรุง แปลว่า เมือง รัตน แปลว่าแก้ว โกสินทร์ แปลว่าพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์จะมีองค์สีเขียว รวมระยะเวลาที่องค์พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2321 จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 227 ปี พระแก้วมรกต ท่านได้ไปประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นก็จะมีแต่ความสุขเจริญรุ่งเรือง เมื่อมีสิ่งศักดิ์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราแล้วก็ขอเชิญท่านทั้งหลายไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเอง (http://www.tourdoi.com/travel/happiness/pra/watprasi/001.jpg) พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต (http://[url=http://www.tourdoi.com/travel/happiness/pra/watprasi/002.jpg]http://www.tourdoi.com/travel/happiness/pra/watprasi/002.jpg[/url]) รอยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต มีทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและหลักฐานทางโบราณคดี ในส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นได้ปรากฎอยู่ในเอกสารโบราณมากมาย อาทิเช่น เรื่องรัตน์พิมพ์วงค์ ตำนานพระแก้วมรกต เรื่องพระรัตนปฏิมา ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ พงศาวดารเหนือ ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ตำนานพระแก้วมรกตฉบับหลวงพระบาง และพงศาวดารโยนก เป็นต้น จากเอกสารดังกล่าว สามารถประมวลได้ว่า พระแก้วมรกต สร้างขึ้นจากความดำริของพระนาคเสนเถระ แห่งเมืองปาตลีบุตร ในชมพูทวีป ( ประเทศอินเดียวในปัจจุบัน ) เมื่อประมาณ พ.ศ.500 จากนั้นก็ได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามเมืองสำคัญต่างๆ ตามลำดับ ดังนี้ เกาะลัง เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๘๐๐ เมืองนครธม ในอาณาจักรขอมโบราณ เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๐๐๐ เมืองอโยชปุระ หรือเมืองอโยธยาโบราณ ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช เมืองกำแพงเพชร ในสมัยพระยะาวิเชียรปราการ เมืองเชียงราย ในสมัยเจ้ามหาพรหม นครเขลางค์ หรือเมืองลำปาง ระหว่างปี ๑๘๗๙ - พ.ศ. ๒๐๑๑ เมืองเชียงใหม่ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๐๑๑ - พ.ศ. ๒๐๙๖ ในสมัยพระเจ้าติโลกราช เมืองหลวงพระบาง ในปี พ.ศ. ๒๐๙๖ เมืองเวียงจันทร์ จนถึง พ.ศ. ๒๓๒๑ กรุงธนบุรี ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๒๑ - พ.ศ. ๒๓๒๗ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๒๗ จนถึงปัจจุบัน ด้านหลักฐานทางโบราณคดี ปัจจุบันในภาคเหนือของประเทศไทยยังคงปรากฏร่องรอยในโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกตอยู่อย่างชัดเจนในหลายพื้นที่ ได้แก่ โบราณสถานวัดพระแก้ว ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เจดีย์โบราณ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง เจดีย์หลวง ในวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ เจดีย์โบราณ ในวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย เรื่องตำนานพระแก้วมีหลายฉบับอาจจะผิดพลาดในเรื่องของเวลาและการกำหนดปีพุทธศักราชอยู่บ้าง แต่สิ่งเป็นจริงที่แน่แท้ไม่ผิดเพี้ยนคือปัจจุบันนี้พระแก้วมรกต ประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยของเรา ที่วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาติไทยมาช้านาน สถานที่ต่างๆ ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตล้วนมีความสำคัญในแง่ของความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีศิลปะที่งดงามในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น หากมีเวลาจึงขอเชิญชวนทุกท่านเดินท่องเที่ยวเยือนเมืองเหนือกราบรอยพระแก้วมรกตเพื่อความเป็นสิริมงคลและยังได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ที่มีความสวยงามทั้งศิลปะวัฒนธรรมและธรรมชาติ ที่มา http://www.tourdoi.com/travel/happiness/prakaew1.htm (http://www.tourdoi.com/travel/happiness/prakaew1.htm) หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 04, 2011, 12:00:49 am ตำนานพระแก้วมรกตต้องไปอยู่ถึง ๗ นคร ถาม : ...(ไม่ได้ยินคำถาม)... ตอบ : พระสุก พระใส พระเสริม พระบางใช่ไหม ? พระสุก จมอยู่ที่เวินพระสุก กลางแม่น้ำโขง พระใส อยู่ที่วัดโพธิ์ชัย หนองคาย พระเสริม อยู่ที่วัดปทุมวนาราม(วัดสระปทุม) ใกล้ ๆ กรมตำรวจ พระบาง นั้นมีอยู่ระยะหนึ่งที่ฝนฟ้าแล้งมาก ราษฎรทูลเกล้าถวายฎีการัชกาลที่ ๔ ว่า หลวงพ่อพระบางทำให้ฝนแล้ง ก็เลยเอาไปคืนให้ลาว ไม่อย่างนั้นลาวจะไม่มีพระพุทธรูปสำคัญเหลืออยู่เลย ตอนนี้พระบางอยู่ที่หลวงพระบาง เวลาหน้าสงกรานต์นี่ เจ้ามหาชีวิตของลาวจะเป็นผู้นำอัญเชิญพระบางออกมาแห่ เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาและสรงน้ำกัน มาตอนหลังระบบพระมหากษัตริย์ของลาวโดนคอมมิวนิสต์ล้มไป ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าประเพณีนี้ยังมีเป็นปกติอยู่หรือเปล่า ถ้าหากว่าเจ้ามหาชีวิตคือพระมหากษัตริย์ของลาวยังอยู่ ก็จะเป็นผู้อัญเชิญพระบางออกมาทุกปี ศิลปะล้านช้างนี่จะอยู่ราว ๆ ยุคปลายอยุธยาต่อต้นรัตนโกสินทร์ ก็คือว่าจะเป็นช่วงต่ออยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ถาม : ก็ไม่เก่ามาก ตอบ : ไม่เก่ามาก จริง ๆ แล้วล้านนากับล้านช้างเกี่ยวเนื่องแทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าแต่งงานข้ามกันไป ข้ามกันมา พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผู้ที่ถือว่าเป็นมหาราชของลาว จริง ๆ แล้วครองนครเชียงใหม่อยู่ก่อนนานมากเลย หลายปีทีเดียว พอพม่าไปตีเชียงใหม่ ท่านเห็นว่าไม่สามารถจะต้านกำลังพม่าได้ ก็เลยหอบพระแก้วมรกตไปตั้งเมืองเวียงจันทน์ขึ้นมาแทน ลาวก็บอกว่าไทยขโมยพระแก้วไป ไทยก็บอกว่าลาวขโมยไปก่อน...(หัวเราะ)....เถียงกันไป เถียงกันมาอยู่นั่นแหละ แต่ตามประวัติพระแก้วมรกต เขาว่าต้องอยู่ถึง ๗ นคร ใช่ไหม ? เท่าที่รู้ก็คือท่านเกิดขึ้นที่นครปาฏลีบุตร แล้วก็มาปรากฎที่นครลำปาง แล้วไปอยู่นครเชียงใหม่ จากนั้นไปอยู่นครเวียงจันทน์ แล้วก็มาอยู่เมืองหนองคาย แล้วก็มาอยู่กรุงเทพมหานคร คืออยู่เวียงจันทน์แล้วก็อัญเชิญมาพักที่หนองคายก่อน แล้วก็มาอยู่กรุงเทพฯ เท่ากับว่า ๖ เมืองเข้าไปแล้ว ถาม : แล้วก็ย้ายข้ามฝั่งไปธนบุรี ก็ ๗ เมืองแล้วครับ ตอบ : จริง ๆ แล้วเขานับว่า นับว่า ๖ เมือง เมืองที่ ๗ นี่เมืองใหญ่หน่อย เมืองรัสเซีย พระเจ้าซาร์นิโคลาส เสด็จมาเมืองไทย ท่านสนิทกับรัชกาลที่ ๕ มาก รัชกาลที่ ๕ เลยออกปากว่า ในเมื่อสนิทสนมกันขนาดนี้ แทบจะถือว่าเป็นแผ่นดินเดียวกัน เป็นทองแผ่นเดียวกันก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นท่านอยากได้อะไรที่เป็นของไทย ในฐานะพระเจ้าแผ่นดินไทย ท่านยินดีมอบถวายให้ ท่านเล่นขอพระแก้วมรกต ...(หัวเราะ)... รัชกาลที่ ๕ ไม่นึกว่าเพื่อนจะขอของสำคัญขนาดนั้น ก็คงสะอึกไปเหมือนกัน ในเมื่อตนเองเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ พระเจ้าซาร์นิโคลาสกล้าขอก็กล้าให้เหมือนกัน พระเจ้าซาร์นิโคลาสคงซึ้งในน้ำใจ ขอของสำคัญขนาดนี้ยังให้ ก็เลยบอก เอ้า..ถ้าอย่างนั้นอะไรที่อยากได้ในรัสเซีย ถ้าท่านต้องการก็จะให้บ้าง รัชกาลที่ ๕ ขอพระแก้วมรกตคืน ...(หัวเราะ)... ตกลงว่านครที่ ๗ นี่ไปอยู่แค่ครู่เดียว ถาม : ไม่ทันไปใช่ไหมคะ ? ไปหรือยังคะ ? ตอบ : ถือว่าไป ถือว่าให้เขาแล้ว ถึงได้บอกว่าต้องอยู่ถึง ๗ เมือง เห็นทีจะอยู่มาครบจริง ๆ จังหวัดหนองคายเคยประดิษฐานพระแก้วมรกตอยู่สักพักหนึ่ง เคยไปไหม วัดพระแก้วเก่า ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของหน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง อยู่ติดชายน้ำเลย วัดกับเจดีย์เขาสร้างอยู่เป็นที่ประดิษฐานชั่วคราวก่อนที่จะทำพิธีอัญเชิญเข้ามากรุงเทพฯ สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔ ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1883 (http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1883) หัวข้อ: อยากตามรอยประวัติ พระแก้วมรกตครับ เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 09:43:48 pm น่าจะมีจัดให้มีการไปเที่ยวดูย้อนรอยตามประวัติพระแก้วมรกต ที่เคยประดิษฐานในที่ต่างๆ ตามที่เราพอจะสามารถไปได้ ผมว่าน่าสนใจนะครับ กำลังนึกอยู่ว่า พอเราไปถึงตามสถานที่นั้นๆแล้ว ก็อาจจะมีคนที่รู้เรื่องมาเล่าให้เราฟัง และก็คงจะมีน้อยคนด้วย ที่จะมีโอกาศ ได้ไปธรรมสัญจรในทรีปแบบน :13:ี้
ถ้าจะจัดไป ผมคนหนึ่ง ไปครับ :08: หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 10:40:56 pm พระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
(http://www.bloggang.com/data/s/saowbannok/picture/1295325979.jpg) (http://www.bloggang.com/data/s/saowbannok/picture/1295326028.jpg) หลวงปู่เณรคำ กำลังดำเนินการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองขนาดใหญ่และสวยงามมากที่สุดในโลก ณ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ปูนปั้นหน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 18 เมตร โดยองค์พระ แก้วมรกตจำลองที่จะสร้างขึ้นจะมี 5 ชั้น มีลิฟต์ขึ้นลง ชั้นล่างสุดจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ชั้นบนสุดคือส่วนพระ เศียรมีบุษบก เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนหัวใจของพระแก้ว มรกตจำลอง จะเป็นพิพิธภัณฑ์เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ส่วนยอดชฎาบนเศียรพระแก้วมรกตทำด้วย ทองคำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม สูง 7 เมตร เครื่องทรงสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำด้วยทองเหลือง เมื่อแล้ว เสร็จจะทำการเปลี่ยนเครื่องทรง 3 ฤดู ตามหลังพระแก้วมรกตองค์จริง 1 วัน มูลค่าการก่อสร้างจนกว่าจะแล้ว เสร็จประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสทรง เจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2550 บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ได้ให้การ ยอมรับและเคารพนับถือ หลวงปู่เณรคำ เป็นอย่างยิ่งว่า เป็นพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนบรรลุถึงความ สิ้นไปแห่งกองทุกข์ ตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=saowbannok&group=2&month=01-2011&date=18 http://templeshenjan.blogspot.com/2008/09/blog-post_14.html (http://templeshenjan.blogspot.com/2008/09/blog-post_14.html) หัวข้อ: Re: อยากตามรอยประวัติ พระแก้วมรกตครับ เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กรกฎาคม 05, 2011, 10:58:56 pm น่าจะมีจัดให้มีการไปเที่ยวดูย้อนรอยตามประวัติพระแก้วมรกต ที่เคยประดิษฐานในที่ต่างๆ ตามที่เราพอจะสามารถไปได้ ผมว่าน่าสนใจนะครับ กำลังนึกอยู่ว่า พอเราไปถึงตามสถานที่นั้นๆแล้ว ก็อาจจะมีคนที่รู้เรื่องมาเล่าให้เราฟัง และก็คงจะมีน้อยคนด้วย ที่จะมีโอกาสได้ไปธรรมสัญจรในทรีปนี้ (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRN78J2C5W2vZ_FHihYHGHxXiQOSqUSj83NVEQojer2BtzeG3OY) เพื่อนๆสหายธรรมท่านใดศรัทธาในองค์พระแก้วมรกต อย่าลืมหาโอกาสไปกราบพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ณ วัด ป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ให้ได้นะครับ เพราะองค์พระพุทธมหารัตนปฏิมากรองค์นี้งดงามน่าไป เห็นไปกราบมาก ผมดั้นด้นไปกราบหลายครั้งและมีโอกาสได้อยู่ปฏิบัติภาวนาร่วมสร้างพระแก้วใหญ่องค์นี้ด้วย ประทับใจมากๆเลย...ครับ http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=100622.0 |