หัวข้อ: อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น เริ่มหัวข้อโดย: นัยนา ที่ สิงหาคม 12, 2011, 10:29:55 am ครูเบญจาเป็นครูที่ดุและเข้มงวดมาก ใช่แต่เท่านั้นยังมักอารมณ์เสียใส่นักเรียนบ่อย ๆ มีเรื่องตำหนินักเรียนไม่เว้นแต่ละวัน การลงโทษด้วยไม้เรียวเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ จนนักเรียนทั้งชั้นกลัวเกรงมาก เวลาอยู่นอกห้องเรียน หากเห็นครูเบญจาเดินมาแต่ไกล นักเรียนจะเลี่ยงไปอีกทางทันที
ปีแล้ว ปีเล่าที่ครูเบญจาสอนหนังสือโดยใช้พระเดชเป็นที่ตั้ง จนเกษียณอายุแล้วครูเบญจาก็ยังคิดว่าตนเป็นครูอยู่ จึงชอบเคี่ยวเข็ญสั่งการหรือต่อว่าคนรอบข้างเป็นอาจิณ จนกลายเป็นเผด็จการในสายตาของลูกหลาน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรืออยากพูดคุยด้วย แล้ววันหนึ่งครูเบญจาก็พบ ว่าตนเป็นมะเร็งเต้านม เมื่ออาการลุกลามเข้าสู่ระยะสุดท้าย ครูเบญจาถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาล แม้ป่วยหนักครูเบญจายังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ใครที่อยู่ใกล้เป็นต้องถูกตำหนิติเตียนหรือถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ไม่เว้นกระทั่งแพทย์และพยาบาล ซ้ำยังถูกต่อว่านินทาลับหลัง จนเป็นที่เอือมระอาของผู้คน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากไปข้องแวะกับครูเบญจา เป็นที่สังเกตว่า ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลมีคนมาเยี่ยมครูเบญจาน้อยมาก ลูกหลานนาน ๆ จะมาสักครั้ง ครูเบญจาจึงนอนซมอยู่บนเตียงผู้เดียวเป็นส่วนใหญ่ ดูเหงาหงอย ไม่มีความสุข ขณะเดียวกันจิตใจก็ว้าวุ่นเพราะไม่เคยรู้สึกพอใจกับอะไรเลยสักอย่าง เมื่อ อาการทรุดหนัก ครูเบญจาก็มีสติฟั่นเฟือน ถึงกับเพ้อ เวลาแพทย์และพยาบาลมาข้างเตียง ครูเบญจาจะจ้องตาชี้นิ้วพร้อมกับสั่งแกมตะคอกว่า "เริ่ม....เริ่ม" ซึ่งเป็นคำพูดติดปากเวลาสั่งให้นักเรียนเริ่มต้นท่องหรืออ่านหนังสือหน้า ชั้น คืนที่ครูเบญจาเสียชีวิตนั้น ไม่มีลูกหลานหรือญาติมิตรอยู่ดูใจสักคน แม้แต่คนที่แพทย์จะขอคำปรึกษาเพื่อตัดสินใจช่วยชีวิตหากหัวใจหยุดเต้น ก็ใช้เวลานานกว่าจะติดต่อได้ ในที่สุดครูเบญจาก็สิ้นใจคามือบุรุษพยาบาลที่พยายามปั๊มหัวใจอย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ครูเบญจาเคยแสดงเจตจำนงว่าขอปฏิเสธวิธีดังกล่าวก็ตาม จากคุณ : โชติช่วงชัชวาล หัวข้อ: Re: อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น เริ่มหัวข้อโดย: นัยนา ที่ สิงหาคม 12, 2011, 10:30:59 am เช้าวันรุ่งขึ้นลูกหลานครูเบญจามารับศพอย่างพร้อม หน้า แต่ทุกคนยืนอออยู่หน้าห้องดับจิต ไม่มีใครยอมเข้าไปดูหน้าครูเบญจายามสิ้นลม เมื่อศพเคลื่อนออกจากห้อง ลูกหลานก็ถอยห่าง และใช้ลิฟต์คนละตัวกับครูเบญจา ต่อเมื่อบรรจุศพในโลงเรียบร้อยแล้ว ลูกหลานจึงมาขอขมาข้างโลง
แม้ครู เบญจามีลูกหลานญาติมิตรมากมาย แต่วาระสุดท้ายของครูเบญจาไม่ต่างจากคนไร้ญาติขาดมิตร ครูเบญจาสิ้นลมโดยไม่มีใครสักคนมาดูใจ กระทั่งเป็นศพแล้วก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ชีวิตบั้นปลายของครูเบญจาจึงอยู่อย่างหงอยเหงาและตายอย่างโดดเดี่ยว ใช่ หรือไม่ว่า เราอยู่อย่างไร ก็ตายอย่างนั้น หากอยู่อย่างกราดเกรี้ยว ก็จะตายอย่างกราดเกรี้ยว หากอยู่อย่างว้าวุ่นใจ จ้องจับผิดคนอื่นตลอดเวลา ความรู้สึกลบก็จะตามไปรบกวนจิตใจจนสิ้นลม ในยามที่มีชีวิตอยู่ หากใช้อำนาจหรือทำตามอำเภอใจจนใคร ๆ ไม่อยากอยู่ใกล้ เมื่อถึงคราวจะตายก็ยากที่จะมีคนมาห้อมล้อมให้กำลังใจได้ ในทำนอง เดียวกันคนที่อยู่อย่างตระหนี่ เห็นแก่เงินทองมาก เมื่อจวนสิ้นลมก็จะทุรนทุรายเพราะเงินทอง จนตายไม่สงบ ป้าหยิบมีอาชีพปล่อยเงินกู้และเรียกดอกเบี้ยแพง ต่อมาล้มป่วยจนต้องเข้าห้องไอซียู สัญญาณชีพต่ำลงเรื่อย ๆ สุดจะช่วยให้ดีขึ้นได้ เมื่อเห็นว่าป้าหยิบใกล้จะเสียชีวิต แพทย์จึงพูดแนะนำให้แกเตรียมใจและพร้อมปล่อยวาง แต่พอพูดถึงการปล่อยวางทรัพย์สินเงินทอง ป้าหยิบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที ราวกับจะต่อต้าน ผ่านไปหนึ่งวันแกก็ยังไม่เสียชีวิต วันรุ่งขึ้นเพื่อนบ้านคนหนึ่งมาหาแกด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เขาเล่าว่าได้ยืมเงินป้าหยิบนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสคืนสักที เมื่อเช้าเห็นแกมาทวงเงินที่บ้าน เลยตกใจ รีบมาหาป้าหยิบ และรับปากว่าจะคืนเงินให้ ป้าหยิบสิ้นลมวันนั้นหลังจากกระสับกระส่ายอยู่พักใหญ่ ยึดติดอะไรในยามที่มีชีวิตอยู่ สิ่งนั้นก็จะตามมารบกวนจิตใจจนสิ้นลม ในทางตรงข้าม หากอยู่อย่างปล่อยวาง เมื่อจะตายก็พร้อมปล่อยวางและจากไปอย่างสงบ หากมีชีวิตอย่างเอื้อ เฟื้อเกื้อกูลผู้อื่น เมื่อล้มป่วยก็จะมีผู้คนมาช่วยเหลือดูแลอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จนวาระสุดท้าย สุภาพร เป็นคนหนึ่งที่มีน้ำใจต่อมิตรสหายมาก ไม่เคยปฏิเสธเมื่อเพื่อนขอความช่วยเหลือ และพร้อมยื่นมือเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อน เมื่อเธอล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายที่บ้าน โดยปฏิเสธการรักษาทุกชนิด ตลอด สองเดือนที่เธอนอนแบบบนเตียง เพื่อน ๆ ผลัดกันมาดูแลเธอ ๒๔ ชั่วโมง บ้างก็ช่วยเช็ดตัว บ้างก็นวดคลายปวด บ้างก็ตีขิมเป่าขลุ่ยให้เธอฟัง หาไม่ก็ชวนเธอสวดมนต์นั่งสมาธิ ตอนที่เธอสิ้นลมนั้นเพื่อน ๆ มาดูใจอยู่รอบเตียง และส่งเธอสู่สุคติอย่างสงบ เราอยากตายอย่างไรก็ ควรเตรียมตัวเสียแต่บัดนี้ ด้วยการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับสิ่งที่อยากประสบพบเห็นในวาระสุดท้าย ถ้าอยากตายดี ก็ต้องใช้ชีวิตให้ดีมีคุณภาพนับแต่วันนี้ไป จากคุณ : โชติช่วงชัชวาล หัวข้อ: Re: อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ สิงหาคม 13, 2011, 05:41:51 am อนุโมทนา สาธุ! อย่างนั้นแล้ว เราทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์ สลัดออกเสียซึ่งนิสสัยชั่วมัวเมาในเครื่องหน่วง
คือ ตัณหา ทั้งอย่างเบา อย่างกลาง อย่างที่สุด ให้ถึงพร้อมในภาวนา เพื่อหนทางนี้จักสว่างไป ณ เบื้องปลายเถิด หัวข้อ: Re: อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น เริ่มหัวข้อโดย: สาวิตรี ที่ สิงหาคม 13, 2011, 09:13:06 am อนุโมทนา สาธุ! อย่างนั้นแล้ว เราทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์ สลัดออกเสียซึ่งนิสสัยชั่วมัวเมาในเครื่องหน่วง ช่วงนี้เป็น โอกาสวันหยุด วันแม่แห่งชาติ เพื่อน ๆ ต่างก็ไปร่วมปฏิบัติธรรม กันหลายคนเลยคะ อนุโมทนา สาธุ ในห้องนี้ 2 - 3 วันนี้ ถึงได้หายไปหลายคน คะ เดี๋ยวก็จะไปเหมือนกันคะ ช่วงบ่าย ๆ คะถึงวันพรุ่งนี้ อนุโมทนา สาธุ กับทุกท่าน คะ :25: :25: :25: |