หัวข้อ: อ่านแล้วประทับใจครับ เรื่อง ทำดีแล้วยังไม่ได้ดีไม่เป็นไร แค่วันนี้... เริ่มหัวข้อโดย: เสกสรรค์ ที่ สิงหาคม 13, 2011, 10:21:54 am แค่วันนี้ตื่นมาเรายังมีลมหายใจ มีแรงใจก้าวต่อไป มีคนที่รักเรา เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเค้า แม่จ๋าถ้าตอนนั้น หนูทำร้ายตัวเองไป แม่คงเสียใจมาก แต่แม่รู้ไหม
วัน นั้นหนูน้อยใจเตี่ย คิดว่าเตี่ยไม่เคยรักหนูเลย ช่วงนั้นเตี่ยตีหนูบ่อยมาก และไม่เคยตีน้องชายเลย มีอยูครั้งนึงที่เตี่ยตบหน้าน้องชาย ด่าน้อง หลังจากนั้น น้องก็... หนูไม่เข้าใจเตี่ย ตอนเรียนมัธยม มีบางวันที่ไม่อยากไปโรงเรียน ทำไมต้องตีหนูขนาดนั้น กลายเป็นเด็กอมทุกข์ ที่โรงเรียนเวลามีกิจกรรมเข้ากลุ่ม หนูจะจิตตกทันที ก็จิงนะ คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนอมทุกข์หรอก สิ่ง ที่คิดได้ตอนคิดหาวิธีทำร้ายตัวเองคือ ถ้าเราเป็นอะไรไป เตี่ยกับแม่จะเป็นอย่างไร ถ้าน้องมันไม่เลี้ยงเตี่ยกับแม่ล่ะ เลยเลิกคิด แก้ปัญหาทุกอย่าง ติดร ติด 0 ไปแก้จนรอด ม.3 มาได้ ยังดีที่ไม่ตกเกณฑ์ทุนเรียนดี (แอบงก) หลังจากเกิดเรื่องเมื่อเดือนที่แล้ว(ขอไม่เล่านะ มานยาวมากกก) ทำให้เรามีเวลาอยู่กับแม่มากขึ้น เราได้ย้อนอดีตกัน เรารักแม่ขึ้นอีกโขเลย ได้กอด ได้หอมแม่ (อยากทำมานานแระ) ชื่นใจโคตร กับเตี่ย เราพยายามทำลายกำแพงตลอด รอวันพ่อมา สามสี่ปีก็ยังไม่กล้า เพราะที่ผ่านมา เตี่ยไม่เคยแสดงออกว่ารัก มีครั้งเดียวที่เราซื้อเสื้อให้ แล้วแม่บอกว่า แกแอบยิ้ม(ฮั่นแน่ อย่าเก๊กแมนเลยเตี่ย หล่อก็ไม่หล่อ ตาก็ไม่มีเหล่าเต๊ง อิอิ) สิ่งที่เราประทับใจเตี่ยที่สุดคือ เตี่ยรักย่ามาก ย่าไปนอนโรงบาล กี่โรงบาล เสียเท่าไหร่ ไม่เคยปริปาก ทำงานหาแต่เงิน ในละแวกบ้าน เราเองยังได้ไปนอนมาหมดทุ๊กกกโรงบาล แต่เตี่ยโทสะแรง ด่าแหลก กับแม่บางครั้งที่เค้าทะเลาะกันหนัก ๆ เรางี้แอบไปร้องไห้เลย ไม่รู้จะทำไงดี เมื่อก่อนไปขายของ คนที่ตลาดจะได้ยินเตี่ยกับแม่ทะเลาะกันทุ๊กกกวัน ยังว่าตอนมัธยมที่เกิดเรื่อง เราก็คิดนะ แต่พอผ่านมาได้ ก็ปลงได้ บอกคนที่ตลาด หนูชินแระ ออ ฝากคุณแม่ ๆ สักหนึ่งเรื่อง เวลาคุณลูกถามว่า "หนูเกิดมาได้ไงอ่ะแม่ " กรุณาอย่าตอบว่า ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ หรือเก็บมาเลี้ยงนะ เราถามแม่ แม่บอกเก็บมาจากถังขยะ เราก็อ้าว นี่ตรูไม่ได้เป็นลูกแม่หรอกหรือ ตอนท้องน้องคนเล็ก เราบอกลูกชายคนโตหมดหละ ก็อธิบายเท่าที่เค้าจะเข้าใจน่ะ (เรื่องอื่น ละไว้ เหอ ๆ ) ตอนนี้เราใกล้จะได้กินแกลบละ เงินเก็บที่เหลือ โอนทำบุญและให้แม่ไปใช้หนี้หมดแล้ว เตรียมหางาน เตรียมค้าขาย ก็สู้กันต่อไป ท้อได้แต่อย่าถอย น๊าท่านผู้ช๊มมม โอ เด๋วตัวยุ่งคงใกล้ตื่นละ ขอจรลีก่อน ***ฝาก อีกเรื่อง เราไม่เอากีบนะ ไม่รู้จะไปแลกไรอ่ะ เก็บเอาไว้ให้คนอื่นนะ กำลังใจเรามีเยาะละ (เด๋วนี้โดนตัดโควต้าไปเยาะแน๊อ) นี่เราก็เหลือครึ่งทางพอดี คนที่ยังไม่ได้กอดแม่ อ่านแล้วรีบไปกอดท่านนะ วันนี้หละ โอกาสอันดี จากคุณ : ใจขึ้น (http://profile.ak.fbcdn.net/hprofile-ak-snc4/50236_107798222618528_1991_n.jpg) หัวข้อ: Re: อ่านแล้วประทับใจครับ เรื่อง ทำดีแล้วยังไม่ได้ดีไม่เป็นไร แค่วันนี้... เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ สิงหาคม 13, 2011, 10:00:03 pm แค่วันนี้ตื่นมาเรายังมีลมหายใจ กับเตี่ย เราพยายามทำลายกำแพงตลอด เราก็คิดแต่ปลง "กูมีลูกเหี้ย ดีกว่ามีลูกโง่" ประโยคนี้เป็นตราบาปที่เตี่ยทำไว้กับผมมาตลอดทั้งชีวิต แม้ทุกวันนี้ ธรรมธวัช.! หัวข้อ: Re: อ่านแล้วประทับใจครับ เรื่อง ทำดีแล้วยังไม่ได้ดีไม่เป็นไร แค่วันนี้... เริ่มหัวข้อโดย: เจมส์บอนด์ ที่ สิงหาคม 15, 2011, 08:32:57 am แค่วันนี้ตื่นมาเรายังมีลมหายใจ กับเตี่ย เราพยายามทำลายกำแพงตลอด เราก็คิดแต่ปลง อ่านแล้ว รู้สึกว่า โลกนี้แคบ จริง ๆ รู้สึกว่า ไม่น่าจะมี พ่อ แม่ ที่ทำร้ายจิตใจลูกอยู่เลย ยังมีอยู่จริงหรือนี่ เป็นเพราะอะไรเป็นอย่างนั้น จึงชื่นชมอย่างนั้น หรือว่าเราคิดไปเองหรือป่าวครับ :'( หัวข้อ: Re: อ่านแล้วประทับใจครับ เรื่อง ทำดีแล้วยังไม่ได้ดีไม่เป็นไร แค่วันนี้... เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ สิงหาคม 16, 2011, 01:18:20 am อ่านแล้ว รู้สึกว่า โลกนี้แคบ จริง ๆ เพราะอะไรจึงชื่นชมอย่างนั้น หรือว่าเราคิดไปเองหรือป่าวครับ เรื่องความสัมพันธ์ของพ่อลูกเป็นปัญหาใกล้ตัวในทุกครอบครัว แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบสันดาน แต่ก็มีความแตกต่างในโลกทัศน์ของชีวิต เนื่องเพราะมิติแห่งเวลาและสถานที่แวดล้อมที่หล่อหลอมชีวิตคน ซึ่งมีทั้งปมเด่นปมด้อยในตัวตนบุคคล พ่อลูกจึงต่างกันและเป็นปัญหาที่ยากจะคลี่คลาย ชีวิตผมนับแต่ครั้งเยาว์วัยไม่เคยได้ของเล่น ทุกครั้งบิดาจะกล่าวคำว่า "เอาไว้ก่อน! เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องก่อน" และไม่เคยได้รับคำชมมีแต่คำตำหนิว่าโง่เง่าฉลาดไม่เท่าน้อง ไม่ว่าจะคิดจะพูดหรือกระทำสิ่งใดเป็นผิดและได้รับคำปฏิเสธแม้ทุกวันนี้ ด้วยลักษณะดังกล่าวนี้ ชีวิตจึงโดดเดี่ยวเก็บกดอมทุกข์จึงมุ่งสู่ทางธรรมมาตั้งแต่เยาว์วัย หวังเพียงมีสิ่งยึดเหนี่ยวว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่เราสามารถพึ่งพิงได้ การภาวนานั้นเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่วัยเพียง 9 ขวบ ด้วยศึกษาเรื่องราวของพระเกจิคณาจารย์มากรูป ศรัทธาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก ความปรารถนาหนึ่งที่ตั้งใจไว้แต่ครั้งเยาว์วัยคือจะขอเจริญรอยตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หากแต่ชีวิตผ่านพ้นประสบการณ์ตามลำดับวัยเรียนรู้โลกมากขึ้น ศรัทธาที่เคยท่วมท้น ความรักที่เคยเชื่อมั่น ถูกทำลายสิ้น ณ วันนี้เหลือเพียงความจริงที่ต้องอาศัยธรรมเป็นความสว่างส่องนำทางเดินไปเบื้องหน้า คิดเพียงว่า "ไม่ขอกลับมาเกิดอีกคงดี" ณ วันนี้ผมมุ่งมั่นหมายภาวนา ถือศีล มีสัตย์ กับตัวเองก็ไม่ได้หมายว่าดีในสายตาคนอื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัว บิดาไม่ปรารถนาให้ผมเลือกเดินทางนี้ ท่านพยายามที่ทำลายความตั้งใจผมด้วยการขวนขวายกลั่นแกล้งผมทุกครั้งที่เห็นผมสวดมนต์ภาวนา ด้วยการเปิดทีวีส่งเสียงรบกวนทุกครั้งไม่ว่าเวลาใด และบ่นกล่าวลบหลู่ปรามาสพระอาจารย์อย่างไม่เคารพ ท้าทายนรกสวรรค์ไม่มีจริง พระพุทธเจ้าเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อ คนสิ้นคิดเท่านั้นที่เลือกเดินหนทางอย่างนี้ ทุกวันนี้ผมเศร้าใจแต่ต้องทนเพียงเพราะกตัญญู สุดท้ายนี้ผมเข้าใจชีวิตว่า ความเป็นคนมันอยู่ยาก มันลำบากกระทั่งหัวใจที่ใฝ่ดี สังคมต้องการคนดี หากแต่คนดีถูกหยามถูกปรามแล้วจะมาพร่ามเพรียกหาใคร สวัสดี |