หัวข้อ: แม่ชีเป็น "ฆราวาส หรือ นักบวช" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 20, 2011, 10:12:10 am แม่ชีเป็น "ฆราวาส หรือ นักบวช" (http://newweb.bpct.org/images/stories/image/bpct/nun/pm_show.jpg) เรียบเรียงโดย ดร.พระมหาโชว์ ทัสสนีโย รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แม่ชีหรืออุบาสิกา เป็นผู้หญิงที่เข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมทางด้านพระพุทธศาสนา ตั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน มีความใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา สละออกจากเรือนสังกัดอยู่ตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ช่วยงานพระพุทธศาสนานานัปการ แต่สังคมหรือแม้แต่ตัวของแม่ชีเองก็ยังมีความสับสนกับสถานะของแม่ชีหรืออุบาสิกาในประเทศไทยจนหาข้อสรุปไม่ได้ มีความเห็นที่หลากหลายว่าแม่ชีเป็นนักบวชหรือเป็นฆราวาส ซึ่งในความเห็นเหล่านี้มีทั้งในวงการพระพุทธศาสนาและนอกวงการพระพุทธศาสนาวิพากษ์ไปคนละทิศคนละทางในบรรดากลุ่มเหล่านั้นคือ (http://newweb.bpct.org/images/stories/image/bpct/nun/view_resizing_images.jpg) กลุ่มที่เห็นว่าแม่ชีเป็นอุบาสิกาหรือฆราวาส ในกลุ่มเหล่านี้ประกอบด้วย กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ (เดิม) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุขไม่ถือว่าแม่ชีเป็นนักบวช ถือเป็นเพียงอุบาสิกาคือฆราวาสเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ไม่ได้รับการสงเคราะห์ ส่งเสริม ดูแลในฐานะนักบวชเหมือนพระสงฆ์หรือสามเณร การเดินทางจะขึ้นโดยสารรถเมล์ไม่ต้องเสียเงินหรือถ้าเสียก็อาจจะได้สิทธิ์เสียครึ่งหนึ่ง ค่ารักษาพยาบาลก็ได้รับการลดหย่อนเป็นต้น และจุดสำคัญตามมติของมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๒๘/๒๕๒๕ ความว่า แม่ชีเป็นเพียงอุบาสิกาคือฆราวาสเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นนักบวช กลุ่มที่เห็นว่าแม่ชีเป็นนักบวช ๑.พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ เสนอคำนิยามของ “ชี” ไว้ว่า “ชี” น. นักบวช เช่นชีปะขาว เรียกหญิงที่นุ่งขาว ห่มขาว โกนคิ้ว โกนผม ถือศีลว่า แม่ชี” ๒.กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ถือว่าแม่ชีเป็นนักบวชประเภทหนึ่งตามกฎหมาย ดังนั้น นักบวชจึงไม่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ๓.คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า แม่ชีเป็นนักบวช ดังปรากฏในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุดที่ นร.๐๖๐๑/๔๕๐ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๒ ความว่า “ชี”หมายถึง หญิงที่นุ่งห่มขาว โกนคิ้วโกนผมและถือศีล มีความหมายรวมอยู่ในคำว่า “นักบวช” ตามมาตรา ๙๓ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๑” และปรากฏในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุดที่ นร.๐๖๐๑/๒๔๘ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ความว่า “ชี” ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน(พ.ศ.๒๕๔๐)มีความหมายอยู่ในคำว่า“นักบวช”ด้วย ๔.ในรัฐธรรมนูญฉบับราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐ ใน มาตรา ๑๐๖ ได้กล่าวถึงบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งมีลักษณะดังนี้คือ ๑) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ๒) เป็นภิกษุสามเณร และนักบวชหรือ นักพรต ๓)ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล ๔) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการตอกย้ำความสับสนในสถานะของแม่ชีที่ถูกกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศมัดเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ยากที่จะแก้ปมความสับสนนั้นได้ (http://newweb.bpct.org/images/stories/image/bpct/nun/nun01.jpg) ความสับสนในสถานภาพแม่ชี เรื่องเดียวกันแต่ตีความไปคนละทิศ ในองค์กรของรัฐที่ตีความสถานะแม่ชีเป็น “นักบวช” มีหลายองค์กรเช่น การบัญญัติศัพท์เรียกใช้ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๒๕ ก็บัญญัติสถานะของแม่ชีว่าเป็นนักบวชก็ถือว่าไม่ถูกต้อง คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความหลายครั้งก็ตีความตามพจนานุกรมให้แม่ชีมีสถานะเป็นนักบวชก็ไม่ถูกต้อง และซ้ำร้ายกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในมาตรา ๑๐๖ ในกลุ่มบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้เลือกตั้งก็ตีความสถานะแม่ชีให้อยู่ในกลุ่มนักบวชก็ไม่ถูกต้อง กลับผิดตามกันอย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่น่าให้อภัย ไม่มีการสอบถามคณะสงฆ์หรือมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์สูงสุดในประเทศว่าข้อเท็จจริงนั้นคืออะไรจะได้บัญญัติและใช้ได้อย่างถูกต้อง ในกลุ่มองค์กรรัฐที่ตีความสถานะแม่ชีว่าเป็น “ฆราวาส” คือ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข องค์กรเหล่านี้ตีความสถานะแม่ชีว่าเป็นฆราวาส ไม่ต้องมีการบริการความสะดวกเหมือนนักบวชทั่วไปที่เป็นพระสงฆ์สามเณรในทางพระพุทธศาสนา ศึกษาเล่าเรียนก็ต้องเสียค่าเล่าเรียนเหมือนประชาชนธรรมดาทั่วไป เดินทางโดยรถไฟ รถยนต์ก็เสียค่าเดินทางโดยไม่มีการให้สิทธิ์ลดครึ่งราคา หรือบริการความสะดวกเหมือนนักบวชทั่วไป รักษาพยาบาลก็เสียค่าพยาบาลเต็มราคา ไม่มีสิทธิในฐานะนักบวชแต่ประการใด ในปัจจุบันนี้มีความสับสนในสถานภาพของแม่ชีในทำนองนี้ ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะไม่มีทางบรรจบกัน ไม่มีการประสานเพื่อแก้ปัญหาอย่างแท้จริง กลุ่มที่พอจะมีหน้าที่บ้างก็กลับไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง หรือกลุ่มองค์กรพอจะมีโอกาสได้ดำเนินการบ้างก็ไม่ปรึกษาหารือหน่วยงานที่ดูแลแม่ชีโดยตรง ทำไปเฉพาะลำพังของตนเองโดยคิดว่าตนทำถูกต้องแล้ว ตัดสินใจเองตีความเอง พวกองค์เหล่านี้คือกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข ที่ตีความว่าแม่ชีเป็น “ฆราวาส” จัดการวิเคราะห์เองตัดสิทธิของแม่ชีเอง โดยไม่ประสานงานกับหน่วยงานอื่นเช่น ราชบัณฑิตยสถานที่จัดทำพจนานุกรม คณะกรรมการกฤษฎีกาที่ตีความสถานะแม่ชีไปเรียบร้อยแล้วไปอีกทาง และไม่ประสานสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ตรากฎหมายไปอีกทาง ปัจจุบันนี้มีผู้หญิงไทยจำนวนมิใช่น้อย จำนวนประมาณ ๔๕,๐๐๐ คน อาศัยอยู่ตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ แม่ชีเป็นภูมิปัญญาของคนไทยสมัยโบราณที่เปิดโอกาสให้แก่ผู้หญิงได้เข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมทางศาสนามากยิ่งขึ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนไทยยุคปัจจุบันไม่ได้พัฒนาการสานต่อเรื่องสิทธิและโอกาสให้แก่แม่ชีอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ได้บิณฑบาต,ไม่ได้บังสุกุลเหมือนพระสงฆ์ ไม่มีรายได้อื่นใด ไม่มีงบสนับสนุนจากรัฐบาล และองค์กรใด แต่แม่ชีหรืออุบาสิกาได้ทำประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาด้วยการ เป็นครูสอนธรรมบ้าง อบรมเด็กและเยาวชนบ้าง ช่วยเผยแผ่ธรรม ช่วยดูแลความสะอาดวัดวาอารามต่าง ๆ ตลอดจนงานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหลายประการ ถ้าแม่ชีมีสถานะเป็นฆราวาสเหมือนอย่างที่ กรมการศาสนา กระทรวงคมนาคม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขตีความ ก็ควรจะมีสิทธิในการเลือกตั้งได้ แต่เมื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งห้ามว่าเลือกตั้งไม่ได้เพราะแม่ชีเป็นนักบวช เมื่อเข้าใจว่าเป็นนักบวช ตามพจนานุกรม,ตามกฤษฎีกา,และสภาผู้แทนราษฎรตีความก็สามารถใช้สิทธิของนักบวชได้ กล่าวคือเวลาเดินทาง เวลาไปรักษาสุขภาพ หรือแม้แต่เดินทางต่างประเทศ แต่ก็กลับไม่ได้รับสิทธิของนักบวชอย่างที่ว่านั้น โดยกลุ่มนี้กลับตีความสถานะของแม่ชีไปอีกว่าแม่ชี “เป็นฆราวาส” จะใช้สิทธิ์ของการเป็นนักบวชไม่ได้ ซึม.. รัฐบาล คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน จึงควรลุกขึ้นมาช่วยกันดูแลแม่ชีหรืออุบาสิกากันอย่างแท้จริง ถ้าไม่ใช่นักบวชจะมีวิธีช่วยสนับสนุนส่งเสริมอย่างไร ถ้าตีความว่าเป็นนักบวชจะมีวิธีการช่วยสนับสนุนส่งเสริมอย่างไร ไม่ใช่ให้มีหน้าที่ล้างจาน ปัดกวาดวิหารลานเจดีย์ ทำกับข้าว ฯลฯ ในวัดอย่างไร้ยถากรรม ไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่อย่างที่เป็น ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://newweb.bpct.org/content/view/497/110/ (http://newweb.bpct.org/content/view/497/110/) หัวข้อ: Re: แม่ชีเป็น "ฆราวาส หรือ นักบวช" เริ่มหัวข้อโดย: รีบอร์น ที่ สิงหาคม 21, 2011, 12:55:22 pm เฮ้อ เป็นปัญหา ที่แก้ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่อง ง่าย ๆ
ก็ควรจะให้สิทธิ เหมือน อุบาสิกา ตามปกติ ก็เท่านั้นเอง อยากรู้ว่า แล้ว แม่ชี อุบาสิกา พวกสำนัก สันติอโศก เขาทำอย่างไร ? :s_hi: หัวข้อ: Re: แม่ชีเป็น "ฆราวาส หรือ นักบวช" เริ่มหัวข้อโดย: sayamol ที่ สิงหาคม 21, 2011, 01:25:39 pm มีปัญหา เหมือนกัน คะ เวลาจะใช้ สรรพนาม กับ แม่ชี นี่เราควรใช้อย่างไร ดีคะ
เรียกแม่ชี ว่า ท่าน อาจารย์ หรือ แม่ หรือ แม่ชี เรียกแทนตัวเองว่า เรา หนู หรือ อย่างไรดี เป็นไม่ค่อยจะเข้าใจ คะ :014: :'( :smiley_confused1: หัวข้อ: Re: แม่ชีเป็น "ฆราวาส หรือ นักบวช" เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ สิงหาคม 21, 2011, 02:27:15 pm (http://upic.me/i/xu/spm_a0063.jpg)
สิทธิความเป็นคนเสมอภาคกันทั้งชายหญิง มันเ็ป็นเพียงความเข้าใจในเหตุผล แต่ในทางปฏิบัติกลับซ่อนเร้นเนยยะ (การถือกระด้างเอาในส่วนสันดานมืด) สังคมผู้คนอยู่ข้องด้วยกฏ กติกา ตราหมายรู้กันเพียงเปลือก หากแต่วิถีความ เป็นจริงของการครองตัวเพื่ออยู่นั้น มันต่างออกไป ดังนั้นผู้ข้องต่างล้วนสร้างปมพื้นที่เพื่อแก้ซึ่งกันและกันเอง ผิดกับ ผู้ผละไร้ผืนที่ยืนเกินเลยกว่าจะใส่ใจสำคัญ ความเป็นจริงวันนี้โลกนั้นมันมีสองมิติกล่าวคือการยอมรับกฏกติกา กับ ผละเร้นหนีกติกาไร้พื้นที่การยอมรับ เพียงแต่จะยอมหลับตาเดินต่อไปหรือลืมตาตื่นรับความจริง http://thai-sle.com/smf/index.php?topic=1376.100 |