หัวข้อ: เห็นการเกิดดับชั่วขณะ ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เริ่มหัวข้อโดย: Mahajaroon ที่ กันยายน 05, 2011, 07:56:43 pm สมาธิมี ๓ อย่าง
๑ อุปจารสมาธิ ๒ อัปปนาสมาธิ ๓ ขณิกสมาธิ ตอบว่า สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น" จัดเป็น ขณิกสมาธิ ครับ เพราะมีความหมายอย่างนี้ว่า ความที่จิตระลึกรู้อารมณ์ปรมัตถ์(คือรู้รูปนาม)ที่กำลัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทีละขณะๆ ตั้งมั่นต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ตราบเท่าทีจิตยังรับรู้อารมณ์อยู่ ท่านเรียกว่า ขณิกสมาธิ ยังมีต่อนะ เจริญพร :s_laugh: หัวข้อ: Re: เห็นการเกิดดับชั่วขณะ ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เริ่มหัวข้อโดย: ban ที่ กันยายน 05, 2011, 07:59:56 pm อนุโมทนา ครับ ตามอ่านอยู่ครับ
:25: :25: :25: หัวข้อ: Re: เห็นการเกิดดับชั่วขณะ ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เริ่มหัวข้อโดย: Mahajaroon ที่ กันยายน 06, 2011, 03:36:05 pm อนุโมทนา ครับ ตามอ่านอยู่ครับ อ้างที่มาครับ http://www.watbencha.com/webboard/index.php/topic,706.msg1696.html (http://www.watbencha.com/webboard/index.php/topic,706.msg1696.html) อรรถกถาพระสูตรกล่าวถึงบุคคลผู้ทำอาสวักขยญาณให้แจ้งหรือบรรลุนิพพาน แยกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คือ สมถยานิก และ วิปัสสนายานิก ๑) สมถยานิก คือ ผู้เจริญสมาธิมาก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนา ตามความหมายอย่างกว้างคือ ได้สมาธิระดับอุปจารสมาธิก่อน ความหมายอย่างแคบคือ ได้ฌานตั้งแต่ปฐมฌาน จนถึงนิโรธสมาบัติ (รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ และสัญญาเวทยิตนิโรธหรือนิโรธสมาบัติ ) สมถสมาธิ ได้แก่อุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิ เพ่งอยู่แต่อารมณ์บัญญัติอย่างเดี่ยวโดยไม่ให้ย้ายอารมณ์ ถ้าย้ายไปก็เสียสมาธิ ๒) วิปัสสนายานิก คือ ผู้เจริญวิปัสสนาก่อนได้สมาธิภายหลังพร้อมกับการบรรลุอาสวักขยญาณ) แต่อย่างน้อยจะต้องมีสมาธิระดับขณิกสมาธิ เพื่อใช้ในการพิจารณา เมื่อพิจารณาจนวิปัสนาญาณสูงขึ้น และเมื่อขณะบรรลุอาสวักขยญาณ สมาธิเต็มเปี่ยมได้ฌานที่ ๑ เป็นอย่างน้อย วิปัสสนาขณิกสมาธิ มีอารมณ์เป็นปรมัตถ์(รูป,นาม) ตั้งสติกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏชัดในขณะปัจจุบัน เช่น การเห็น การได้ยิน การเจ็บ การปวด การคิด การนึก เป็นต้น อารมณ์ใดปรากฏชัดเจน ก็ตั้งสติกำหนดอารมณ์นั้นจนได้สมาธิชั่วขณะหนึ่ง สมาธิชั่วขณะนี้แหละเรียกว่า ขณิกสมาธิ :08: |