สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: paisalee ที่ กันยายน 08, 2011, 07:52:57 am



หัวข้อ: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
เริ่มหัวข้อโดย: paisalee ที่ กันยายน 08, 2011, 07:52:57 am
พระสุตตันตปิฎก  อังคุตตรนิกาย  จตุกกนิบาต  [๔.จตุตถปัณณาสก์]
๔.โยธาชีววรรค  ๗.วัสสการสูตร เล่มที่ ๒๑ หน้า ๒๖๘

 
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/888/888/images/pranonwatpo1.jpg)

            พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปอีกว่า    “ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า    ‘นี้ทุกข์    นี้ทุกขสมุทัย    (เหตุเกิดทุกข์)    นี้ทุกขนิโรธ    (ความดับทุกข์)    นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา(ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)    และเห็นแจ้งแทงตลอดเนื้อความแห่งคำที่สดับนั้นด้วยปัญญา    บุคคลผู้สดับ    มีปัญญาชำแรกกิเลส    เป็นอย่างนี้แล”


หัวข้อ: Re: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
เริ่มหัวข้อโดย: มะเดื่อ ที่ กันยายน 08, 2011, 09:22:22 am
อนุโมทนา ครับ ติดตามอ่านอยู่ ครับ

 :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
เริ่มหัวข้อโดย: sakda ที่ กันยายน 08, 2011, 12:10:47 pm
เป็นเรื่อง มาตรฐาน เลยนะครับ อริยสัจจะ 4 ประการ เป็นสิ่งที่เราควรตามศึกษา
คุณธรรมเบื้องต้น ก็พระโสดาบัน

 :c017: :25: :25:


หัวข้อ: ให้รีบเพียรเพื่อตรัสรู้ เหมือนรีบดับไฟบนศีรษะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 08, 2011, 08:31:21 pm
เมื่อไฟไหม้หัวตัวเอง คุณจะทำอะไรก่อน

(http://www.rmutphysics.com/charud/scibook/buddhist1/buddhist1pic/1.jpg)

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
เจลสูตร


           ให้รีบเพียรเพื่อตรัสรู้ เหมือนรีบดับไฟบนศีรษะ

[๑๗๑๗] พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อผ้าหรือศีรษะถูกไฟไหม้แล้ว จะควรกระทำอย่างไร?

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อผ้าหรือศีรษะถูกไฟไหม้แล้ว
ควรจะกระทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความไม่ย่นย่อ ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า เพื่อดับผ้าหรือศีรษะนั้น.

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลพึงวางเฉย ไม่ใส่ใจถึงผ้า หรือศีรษะที่ถูกไฟไหม้แล้ว
พึงกระทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความไม่ย่นย่อ ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า เพื่อตรัสรู้อริยสัจ ๔ ที่ยังไม่ตรัสรู้ตามความเป็นจริง

อริยสัจ ๔ เป็นไฉน?  คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียร
เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
                 จบ สูตรที่ ๔

อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  บรรทัดที่ ๑๐๔๑๙ - ๑๐๔๓๑.  หน้าที่  ๔๓๕ - ๔๓๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=10419&Z=10431&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=10419&Z=10431&pagebreak=0)
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1717


หัวข้อ: Re: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
เริ่มหัวข้อโดย: paisalee ที่ กันยายน 09, 2011, 08:38:20 am
พระวินัยปิฎก  มหาวรรค  [๑.มหาขันธกะ]
 ๖.ปัญจวัคคิยกถา  เล่ม ๔ หน้า ๒๘

 
            ภิกษุทั้งหลาย    เมื่อใด    ความรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ    ๔    เหล่านี้ ๓    รอบ    ๑๒    อาการอย่างนี้    หมดจดดีแล้ว    เมื่อนั้น    เราจึงยืนยันได้ว่า    เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในโลก    กับทั้งเทวโลก    มารโลก    พรหมโลก    ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์    เทวดาและมนุษย์    ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแก่เราว่า    “ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ    ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย    บัดนี้    ภพใหม่ไม่มีอีก”
 
          เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเวยยากรณ์นี้๑อยู่    ธรรมจักษุ อันปราศจากธุลีปราศจากมลทินได้เกิดแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า    “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง    มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นทั้งปวง    มีความดับไปเป็นธรรมดา”


หมายเหตุ

ธรรมจักษุ  แปลว่า  ดวงตาเห็นธรรม  คือ  โสดาปัตติมรรคญาณ  (วิ.อ.  ๓/๕๖/๒๗)



(http://202.129.59.73/nana/pansa/pansa02.jpg)


หัวข้อ: Re: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
เริ่มหัวข้อโดย: paisalee ที่ กันยายน 09, 2011, 08:45:54 am
พระสุตตัตนตปิฎก  อังคุตตรนิกาย  ทุกนิบาต  [๒.  ทุติยปัณณาสก์]
 ๕.  โลณผลวรรค  ๔.  ปริสาสูตร เล่้มที่ ๒๐ หน้า ๒๓๘

 
๓. สรทสูตร
ว่าด้วยธรรมจักษุกับท้องฟ้าในสารทกาล



  [๙๕]    ภิกษุทั้งหลาย    เมื่อท้องฟ้าแจ่มใสปราศจากเมฆหมอกในสารทกาล๑    ดวงอาทิตย์ส่องแสงไปทั่วท้องฟ้า    ขจัดความมืดมัวที่อยู่ในอากาศทั้งหมด    ส่องแสง    แผดแสงและส่องสว่างอยู่    ฉันใด

  ฉันนั้นเหมือนกันแล    เมื่อธรรมจักษุ๒ที่ปราศจากธุลี    ปราศจากมลทินเกิดแก่อริยสาวก    พร้อมกับการเกิดขึ้นแห่งทัสสนะ    อริยสาวกย่อมละสังโยชน์    ๓    ประการคือ    สักกายทิฏฐิ(ความเห็นว่าเป็นตัวของตน)   วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย)    และสีลัพพตปรามาส(ความถือมั่นศีลพรต)

    ลำดับต่อมา    อริยสาวกออกจากธรรม    ๒    ประการ    คือ    อภิชฌา(ความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา)    และพยาบาท(ความคิดร้าย)    อริยสาวกนั้นสงัดจากกามและอกุศล-ธรรมทั้งหลาย    บรรลุปฐมฌานที่มีวิตก    วิจาร    ปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่

     ภิกษุทั้งหลาย    ถ้าอริยสาวกพึงตายลงในขณะนั้น    เธอไม่มีสังโยชน์ที่เป็นเหตุให้ต้องกลับมาสู่โลกนี้อีก


(http://www.madchima.net/images/238_ban1.jpg)