หัวข้อ: ทำอย่างไรจึงได้ชื่อว่า "มีธรรมะเป็นเครื่องอยู่" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 16, 2011, 12:09:35 pm (http://img198.imageshack.us/img198/1121/india0006.jpg) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๓. ธรรมวิหาริกสูตรที่ ๑ ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลถามว่า ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่ามีธรรมะเป็นเครื่องอยู่ ตรัสตอบว่า ๑. ผู้เรียนธรรม แต่เว้นว่างการหลีกเร้น ไม่ประกอบความสงบแห่งจิตภายในเนือง ๆ เรียกว่า ผู้มากด้วยปริยัติ ( การเรียน ) แต่ไม่เรียกว่าผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่. ๒. ผู้แสดงธรรมตามที่ฟังแล้วเรียนแล้วแก่ผู้อื่น แต่ไม่ปฏิบัติ ( เหมือนข้อ ๑ ) เรียกว่า ผู้มากด้วยบัญญัติ แต่ไม่เรียกว่ามีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ๓. รู้สาธยาย ( ท่องบ่น ) ธรรมตามที่ฟังแล้ว เรียน แล้ว แต่ไม่ปฏิบัติ เรียกว่า ผู้มากไปด้วยการสาธยาย แต่ไม่เรียกว่าผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ๔. ผู้ตรึก, ตรอง, เพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรม ตามที่ฟังแล้ว เรียนแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติ เรียกว่า ผู้มากไปด้วยการตรึก แต่ไม่เรียกว่าผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ๕. ผู้เรียนธรรม ไม่ทำวัน ทั้งวันให้ล่วงไปด้วยการเรียน ไม่เว้นว่างการหลีกเร้น ประกอบด้วยความสงบแห่งจิตภายในเนือง ๆ ( คือเรียนแล้วปฏิบัติ ) เรียกว่า ผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่. อีกนัยหนึ่งทรงแสดงว่า ผู้รู้อรรถ ( เนื้อความ ) แห่งธรรมนั้นยิ่งขึ้นไป ด้วยปัญญาชื่อว่าผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่. อ้างอิง พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน (อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ) http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/14.2.html (http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/14.2.html) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://img198.imageshack.us (http://img198.imageshack.us),http://gotoknow.org (http://gotoknow.org/file/krudang2499/smati7.jpg) อ่านรายละอียด ธรรมวิหาริกสูตรที่ ๑ ได้ที่ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๒๐๒๔ - ๒๐๕๗. หน้าที่ ๘๘ - ๙๐. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=2024&Z=2057&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=2024&Z=2057&pagebreak=0) ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=73 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=73) |