สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: หมิว ที่ กันยายน 23, 2011, 11:41:52 am



หัวข้อ: พระอรหันต์ โวยวาย ใส่อารมณ์ ทำลายข้าวของ มีหรือไม่ ในครั้งพุทธกาล
เริ่มหัวข้อโดย: หมิว ที่ กันยายน 23, 2011, 11:41:52 am
พระอรหันต์ โวยวาย ใส่อารมณ์ ทำลายข้าวของ มีหรือไม่ ในครั้งพุทธกาล

ช่วงนี้ ดูรายการทีวี เรื่องข่าว พระโวยวาย จึงไม่ค่อยจะรู้เพราะเพื่อน ๆ บอกว่าเป็นพระอรหันต์

จริง ๆ หรือไม่คะ

 ในครั้งพุทธกาล มีกรณีอย่างนี้หรือไม่คะ

  :25: :smiley_confused1:


หัวข้อ: Re: พระอรหันต์ โวยวาย ใส่อารมณ์ ทำลายข้าวของ มีหรือไม่ ในครั้งพุทธกาล
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 23, 2011, 12:26:03 pm
วาสนา อาการกายวาจา ที่เป็นลักษณะพิเศษของบุคคล ซึ่งเกิดจากกิเลสบางอย่าง และได้สั่งสมอบรมมาเป็นเวลานานจนเคยชินติดเป็นพื้นประจำตัว แม้จะละกิเลสนั้นได้แล้ว แต่ก็อาจจะละอาการกายวาจาที่เคยชินไม่ได้ เช่น คำพูดติดปาก อาการเดินที่เร็ว หรือเดินต้วมเตี้ยม เป็นต้น

       ท่านขยายความว่า วาสนา ที่เป็นกุศล ก็มี เป็นอกุศล ก็มี เป็นอัพยากฤต คือ เป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว ก็มี
       ที่เป็นกุศลกับอัพยากฤตนั้น ไม่ต้องละ


       แต่ที่เป็นอกุศลซึ่งควรจะละนั้น แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ
       ส่วนที่จะเป็นเหตุให้เข้าถึงอบาย
       กับส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดอาการแสดงออกทางกายวาจาแปลกๆ ต่างๆ
       ส่วนแรก พระอรหันต์ทุกองค์ละได้
       แต่ส่วนหลัง พระพุทธเจ้าเท่านั้นละได้ พระอรหันต์อื่นละไม่ได้


       จึงมีคำกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเท่านั้นละกิเลสทั้งหมดได้ พร้อมทั้งวาสนา;
       ในภาษาไทย คำว่า วาสนา มีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นอำนาจบุญเก่า หรือกุศลที่ทำให้ได้รับลาภยศ

ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


(http://www.trueplookpanya.com/userfiles/4521.jpg)

พระปิลินทวัจฉเถระ
เอตทัคคะในทางผู้เป็นที่รักใคร่ของเทพยดา


พระปิลินทวัจฉะ เป็นบุตรของพราหมณ์ ตระกูลวัจฉโคตร เดิมชื่อว่า “ปิลินทะ” แต่
คนทั่วไปมักเรียกว่า “ปิลินทวัจฉะ” ตามชื่อตระกูลของท่านเมื่อเจริญวัยได้รับการศึกษาจบไตร
เพทตามลัทธินิยม

มีปกติเรียกคนอื่นว่า “คนถ่อย”
พระปิลินทวัจฉะ เป็นผู้มีปกติเรียกภิกษุด้วยกัน และคฤหัสถ์ทั้งหลายด้วยถ้อยคำว่า
“วสละ” ซึ่งเป็นคำหยาบ หมายถึง “คนถ่อย” โดยมีเรื่องเล่าดังต่อไปนี้:-

วันหนึ่ง ท่านเข้าไปบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์ เห็นชายคนหนึ่งถือถาดใส่ดีปรีเต็มถาด
กำลังเข้าไปในเมือง ท่านจึงถามว่า

“แนะเจ้าคนถ่อย ในถาดของท่านนั้นถืออะไร ?”
ชายคนนั้นได้ฟังแล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที จึงตอบไปว่า
“ขี้หนู ครับท่าน”
พระปิลินทวัจฉะ ก็พูดเป็นการรับทราบตามคำของชายคนนั้นว่า
“อ้อ เจ้าคนถ่อย ของนั้นเป็นขี้หนู

ด้วยอำนาจแห่งคุณความเป็นพระอรหันต์ของพระเถระ และคำพูดไม่ดีอันเกิดจากอกุศล
จิตของชายคนนั้น ทำให้ดีปรีในถาดของเขากลายเป็นขี้หนูไปเสียทั้งหมด เขาตกใจมาก เพราะคิด
ขึ้นได้ว่ายังมีดีปรีอยู่ในเกวียนนอกเมืองอีก เมื่อเขากลับไปดูก็พบว่าดีปรีกลายเป็นขี้หนูไปทั้งหมด
จริง ๆ เขาเสียใจเป็นอย่างยิ่งเพราะดีปรีเหล่านั้นเป็นของมีค่ามาก และเขาเตรียมเพื่อจะนำมาขาย
ขณะที่เขาแสดงอาการเสียใจและกำลังโกรธพระเถระอยู่นั้น มีอุบาสกคนหนึ่งเดินผ่านมา สอบ
ถามได้ทราบความแล้วก็เข้าใจเหตุการณ์โดยตลอด จึงแนะนำขึ้นว่า:-

“ดูก่อนสหาย ท่านจงถือถาดขี้หนูนี้ไปยืนรอที่หนทาง ซึ่งพระเถระผ่านมา เมื่อพระเถระ
ผ่านมาเห็นแล้วก็จะถามว่า “แน่เจ้าคนถ่อย ในถาดของท่านนั้นคืออะไร ?”
ท่านก็จงตอบว่า “ดีปรี ครับท่าน”
พระเถระก็จะกล่าวว่า “อ้อ เจ้าคนถ่อย ของนั้นเป็นดีปรี”
อย่างนี้แล้ว ท่านก็จะได้ดีปรีกลับคืนมา
ชายคนนั้นทำตามคำแนะนำของอุบาสก และในที่สุดขี้หนูก็กลับกลายเป็นดีปรีดังเดิม

พระเถระถูกเพื่อภิกษุฟ้องพระพุทธเจ้า
สมัยหนึ่ง เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ ภิกษุ
ทั้งหลายพากันเข้าเฝ้าแล้วกราบทูลกล่าวโทษพระปิลินทวัจฉเถระว่า:-

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระปิลินทวัจฉเถระ มักเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยคำว่า วสละ พระเจ้าข้า”

พระบรมศาสดา จึงรับสั่งให้พระภิกษุรูปหนึ่งไปเรียกท่านมาแล้วตรัสถามว่า
“ดูก่อนปิลินทวัจฉะ ได้ทราบว่าเธอมักเรียกภิกษุทั้งหลาย ด้วยคำว่า วสละ จริงหรือ ?”
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นจริงอย่างนั้น พระเจ้าข้า”

พระบรมศาสดา ครั้นได้สดับแล้ว จึงตรัสเล่าถึงบุพกรรมในอดีตชาติอันยาวนานของ
ท่านให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า

“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่าได้ถือโทษโกรธปิลินทวัจฉะเลย ท่านมิได้มีความโกรธแค้น
ในตัวเธอทั้งหลายเลย แต่ที่ท่านมักเรียกพวกเธอว่า วสละ นั้น เป็นเพราะในอดีตชาติย้อนหลังไป
๕๐๐ ชาติ ท่านก็มักกล่าวอย่างนั้นมาตลอดกาลช้านาน คำนั้นจึงเป็นอุปนิสัยที่ติดตัวท่านมาตั้งแต่
อดีตชาติ”


อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่
http://www.84000.org/one/1/41.html (http://www.84000.org/one/1/41.html)
ขอบคุณภาพจากwww.trueplookpanya.com,www.dmc.tv


(http://www.dmc.tv/images/Jataka/nanda-08.jpg)

    พระอรหันต์ระดับสาวก ละวาสนาไม่ได้ ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล นอกจาก"พระปิลินทวัจฉเถระ"
ยังมีพระสารีบุตร พระสารีบุตรในอดีตชาติเคยเกิดเป็นลิงมา ๕๐๐ ชาติ อากัปกิริยาของลิงเลยติดมา
พระสารีบุตรชอบที่จะกระโดด พอได้อยู่ในป่าก็แสดงอาการดีใจ(ลิงโลด)

    สาวกของพระพุทธเจ้าเคยนำเรื่องพระสารีบุตรไปฟ้องว่า "พระเถระทำไมแสดงกิริยาอย่างนี้" พระพุทธเจ้าเลยต้องแสดงบุพกรรมในอดีตชาติให้สาวกฟัง

    ขอสรุปว่า "อรหันตสาวก ละวาสนาไม่ได้" มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ละได้

    :welcome: :49: :25: ;)


หัวข้อ: Re: พระอรหันต์ โวยวาย ใส่อารมณ์ ทำลายข้าวของ มีหรือไม่ ในครั้งพุทธกาล
เริ่มหัวข้อโดย: ยุวธิดา ที่ กันยายน 23, 2011, 02:02:07 pm
ถ้าโวยวาย ถีบเก้าอี้ ท้าตี ท้าต่อย ละคะ

 ดิฉีนว่าน่าจะสืบเนื่อง กับเรื่องที่กำลังวิจารณ์กันอยู่เป็นข่าว ทีวี ไปเร็ว ๆนี้เอง

 


หัวข้อ: Re: พระอรหันต์ โวยวาย ใส่อารมณ์ ทำลายข้าวของ มีหรือไม่ ในครั้งพุทธกาล
เริ่มหัวข้อโดย: samathi ที่ กันยายน 24, 2011, 08:18:16 am
พระอรหันต์ โกหก ได้หรือ ไม่ ? ครับ

 ลองถามคำถามนี้ ดูสิครับ

 พระอรหันต์ ไม่สร้างความลำบากใจแก่ผู้อื่น นะครับ

    สมโณ โหติ ปะรัง วิเหทะยันโต

    ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย