สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 12, 2011, 07:07:37 am



หัวข้อ: น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 12, 2011, 07:07:37 am

สุภาษิต และ สำนวนไทย

น้ำกลิ้งบนใบบอน  :  เป็นสำนวนเปรียบเปรยถึง  คนใจไม่แน่นอน  กลับกลอก  โดยเฉพาะมุ่งถึงหญิงที่ว่า  " น้ำใจหญิงเหมือนกลิ้งบนใบบอน " สำนวนนี้เอามาจากน้ำที่หยดอยู่บนใบบอน  กลิ้งไปกลิ้งมาโดยที่ใบบอนมีลักษณะเลี่ยนลื่นไม่ซับน้ำ  ทำให้น้ำที่ขังเป็นก้อนกลมอยู่ลนใบกลิ้งไปกลิ้งมาได้.

(http://www.siamtower.com/supasit/S11.jpg)

น้ำขึ้นให้รีบตัก  :  เป็นสำนวนสุภาษิตที่หมายถึงว่า  เมื่อมีโอกาสหรือได้จังหวะ  ในการทำมาหากินหรือช่องทางที่จะทำให้ได้ผลประโยชน์แก่ตนแล้ว  ก็ควรจะรีบคว้าหรือรีบฉวยโอกาสอันดีนี้เสีย  อย่าปล่อยโอกาสหรือจังหวะเวลาให้ผ่านพ้นไปอย่างน่าเสียดาย  สำนวนนี้เอาไปเปรียบกับอีกสำนวนที่ว่า  " ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม "  แล้ว  หากคุณไม่เข้าใจความหมายก็อาจจะทำให้พะวักพะวงใจอยู่บ้าง  เพราะไม่รู้ว่าจะเชื่อสำนวนไหนดี  อย่างไรก็ควรดูคำแปลความหมายของอีกสำนวนนั้นเสียก่อน.

น้ำเชี่ยวขวางเรือ  :  เป็นสำนวนที่หมายถึงการทำอะไรให้เป็นที่ขัดขวาง  หรือเป็นที่ขัดต่ออารมณ์ของอีกฝ่ายหนึ่ง  โดยไม่ดูเหตุการณ์เสียก่อน  อาจทำให้ได้รับเคราะห์หรืออันตรายได้  เปรียบเทียบน้ำในแม่น้ำกำลังไหลเชี่ยวจัด  ถ้าเราแจวเรือหรือพายเรือออกไปขวาง  เรือก็อาจจะล่มได้ทันที.


(http://www.siamtower.com/supasit/S12.jpg)

น้ำมาปลากินมด  น้ำลดมดกินปลา  :  หมายถึง  โอกาสของใครหรือจังหวะดีของใคร  ฝ่ายนั้นก็ย่อมชนะความหมายอย่างเดียวกับคำว่า  " ทีใคร  ทีมัน ".

น้ำตาลใกล้มด  : เป็นสำนวนที่หมายโดยเฉพาะถึง   ผู้หญิงกับผู้ชายที่อยู่ใกล้กัน  เปรียบเหมือนน้ำตาลกับมดเช่นเดียวกับผู้หญิงอยู่ใกล้กับผู้ชาย  ผู้ชายเราก็อดที่จะเข้ามาไต่ตอมหรือเลาะเล็มผู้หญิงไม่ได้  หรือบางทีก็อาจมีใจตรงกันขึ้นได้ทั้งคู่เมื่ออยู่ใกล้กัน.

น้ำท่วมทุ่ง  ผักบุ้งโหรงเหรง  : เป็นความหมายถึง  คนที่พูดมาก  แต่ถ้อยคำที่พูดนั้นได้เนื้อความน้อยหรือมีสาระเพียงนิดเดียว  สำนวนนี้เรามักใช้พูดสั้น ๆ ว่า  "  น้ำท่วมทุ่ง "  หรือ  " พูดเป็นน้ำท่วมทุ่ง "  เสียส่วนมาก  แต่ก็เป็นความหมายชัดเจนอย่างว่าดี.

น้ำนิ่งไหลลึก  : เป็นสำนวนที่หมายถึง  คนที่ดูภายนอกสงบเสงี่ยมหรือเป็นคนหงิม ๆ ไม่ค่อยพูดจา  แต่มักจะเป็นคนมีความคิดฉลาด  หรือทำอะไรได้แคล่วคล่องว่องไว  เปรียบเหมือนน้ำที่ดูตอนผิวหนังที่สงบนิ่ง  แต่ลึกลงไปข้างใต้นั้นกลับไหลแรง.

น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ  :  เปรียบได้กับอะไร ๆ ที่น้อยกว่าย่อมแพ้แก่ฝ่ายที่มากกว่า  เช่นน้ำน้อยก็ไม่พอจะดับไฟ  หรือพวกที่มีกำลังน้อยกว่า  ก็ย่อมแพ้พวกที่มีกำลังมากกว่า.

น้ำพึ่งเรือ  เสือพึ่งป่า  : หมายถึง  คนเราต้องต่างพึ่งพากันและกันตลอดมา.

น้ำร้อนปลาเป็น  น้ำเย็นปลาตาย : น้ำร้อนหมายถึงคนที่ปากร้ายแต่จิตใจไม่ร้ายย่อมไม่เป็นพิษภัย  ส่วนน้ำเย็นหมายถึงคนปากหวานหลอกให้คนหลงเชื่อง่าย ๆ ย่อมมีอันตรายได้.

น้ำลึกหยั่งได้  น้ำใจหยั่งยาก : หมายถึง  น้ำลึกแค่ไหนเรายังวัดหยั่งได้  แต่น้ำใจหรือจิตใจของคนเราวัดได้ยาก.


(http://www.siamtower.com/supasit/S13.jpg)

น้ำลดต่อผุด :  สำนวนนี้  หมายถึง  คนที่เวลาชะตาตกหรือเคราะห์ร้าย  ความลับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความประพฤติไม่ดี  เช่น  ทุจริต  คดโกง  ที่เคยทำไว้ก็มักปรากฏออกมาให้เห็น  เวลาชะตาดีก็เปรียบเหมือนน้ำขึ้นท่วมตอ  จึงมองไม่เห็นตอ  แต่เวลาชะตาตก  น้ำลดแห้ง  ตกก็ผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นแถว.


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.siamtower.com/supasit/p12.html (http://www.siamtower.com/supasit/p12.html)


หัวข้อ: หลักการสงเคราะห์ ประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคี
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 12, 2011, 07:51:57 am

(http://www.thaitv3.com/mng/upload/filemanager/images/help_flood(1).jpg)
ภาพจาก www.thaitv3.com (http://www.thaitv3.com)

สังคหวัตถุ ๔ (ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยว คือยึดเหนี่ยวใจบุคคล และประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคี, หลักการสงเคราะห์)

๑. ทาน (การให้ คือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วยสิ่งของตลอดถึงให้ความรู้และแนะนำสั่งสอน)

๒. ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ (วาจาเป็นที่รัก วาจาดูดดื่มน้ำใจ หรือวาจาซาบซึ้งใจ คือกล่าวคำสุภาพไพเราะอ่อนหวานสมานสามัคคี ให้เกิดไมตรีและความรักใคร่นับถือ ตลอดถึงคำแสดงประโยชน์ประกอบด้วยเหตุผลเป็นหลักฐานจูงใจให้นิยมยอมตาม )

๓. อัตถจริยา (การประพฤติประโยชน์ คือ ขวนขวายช่วยเหลือกิจการ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตลอดถึงช่วยแก้ไขปรับปรุงส่งเสริมในทางจริยธรรม)

๔. สมานัตตตา (ความมีตนเสมอ คือ ทำตนเสมอด้วยปลาย ปฏิบัติสม่ำเสมอกันในชนทั้งหลาย และเสมอในสุขทุกข์โดยร่วมรับรู้ร่วมแก้ไข ตลอดถึงวางตนเหมาะแก่ฐานะ ภาวะ บุคคล เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อม ถูกต้องตามธรรมในแต่ละกรณี )



อ้างอิง
ที.ปา.๑๑/๑๔๐/๑๖๗; ๒๖๗/๒๔๔; องฺ.จตุกฺก.๒๑/๓๒/๔๒; ๒๕๖/๓๓๕; องฺ.อฏฺฐก.๒๓/๑๑๔/๒๒๒; องฺ.นวก.๒๓/๒๐๙/๓๗๗
พจนานุกรม พุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม (ป.อ.ปยุตโต)

อ่านรายละเอียดได้ที่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  บรรทัดที่ ๓๑๘๒ - ๓๙๒๒.  หน้าที่  ๑๓๒ - ๑๖๑.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=3182&Z=3922&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=3182&Z=3922&pagebreak=0)
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=130 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=130)


    ในสถานการณ์ของการประสบอุทกภัยของคนไทยในขณะนี้ หลักธรรมที่ควรยึดเหนี่ยวเอาไว้ เพื่อก่อให้เกิดความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และรักษาความร่วมมือและความสามัคคีเอาไว้ น่าจะเป็น"สังคหวัตถุ ๔"

น้ำพึ่งเรือ  เสือพึ่งป่า  : หมายถึง  คนเราต้องต่างพึ่งพากันและกันตลอดมา
น้ำลึกหยั่งได้  น้ำใจหยั่งยาก : หมายถึง  น้ำลึกแค่ไหนเรายังวัดหยั่งได้  แต่น้ำใจหรือจิตใจของคนเราวัดได้ยาก.


                             อันความกรุณาปราณี            จะมีใครบังคับก็หาไม่
                      หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ  จากฝากฟ้าสุราลัย...สู่แดนดิน
                                                          (เวนิชวาณิช / รัชกาลที่ ๖)

                       :25:


หัวข้อ: Re: น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
เริ่มหัวข้อโดย: สมภพ ที่ ตุลาคม 12, 2011, 09:06:18 am
รู้จักการให้  วจีไพเราะ สงเคราะห์ ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย อันนี้เป็นเรื่องที่ควรสงส่งเสริมให้เกิดในการอยู่ร่วมกัน รู้สึกว่า พระอาจารย์สนธยา เคยเทศนา ในเรื่อง ศิลาแห่งความดี ในรายการ  RDN ด้วยครับเรื่องนี้

 การให้ ให้วัตถุ สิ่งของ เป็นอามิสทาน การให้ ธรรม เป็นสิ่งที่ให้คู่กัน ให้แล้ว ถวายเป็น พุทธบูชา ทุกครั้ง

 การพูดจาไพเราะ เป็นสิ่งที่จำเป็น ทำให้ทุกข์โศรก เศร้าจางคลาย การเจรจา ในสถานการณ์ ที่อับจนเป็นเหมือนการปลุกปลอบ ให้มีขวัญกำลังใจ ที่จะสู้กับชีวิตต่อไป

 การสงเคราะห์ชุมชน คือการช่วยเหลือ ทุกคนที่ สมควรช่วยเหลือ

 และที่สำคัญ ที่สุด การคงเส้น คงวา คงความดีเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด เพราะมันอาจจะหมดแรง หมดไฟ หมดกำลังใจ ทำกันได้ ดังนั้นคุณธรรม ข้อนี้ สำคัญมาก ๆ

 เจริญธรรม ยามเช้าครับ

  :25: :25: :25: