สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: sangtham ที่ เมษายน 28, 2010, 12:41:09 am



หัวข้อ: เส้นทางการเกิดแห่งปัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: sangtham ที่ เมษายน 28, 2010, 12:41:09 am
วันนี้ นั่งกรรมฐานดึกครับ ตั้งสัจจะไว้ว่าจะไม่นอนในคืนนี้ ก็เลยแว่บมาพักสมองสักนิดกับเว็บหน่อย
เพื่อน ๆ สมาชิก หายไปกันเยอะนะครับ ( ผมเองก็ด้วย )ไปฝึกฝนตนเองเพิ่มขึ้น (  5555 )
========================================================
ปัญญา หมายถึงการรู้แจ้ง แทงตลอด

เส้นทางการเกิดปัญญา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงแสดงไว้ 3 ประการ

คือ 1 สุตามยปัญญา ปัญญาเกิดแต่การฟัง ดังนั้นปัญญาส่วนนี้เกิดจากการเรียน การถือเอาไว้ด้วยความรู้


    2 จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากไตร่ตรอง คิดตาม ปัญญาส่วนนี้เกิดจากการทบทวนสิ่งที่เรียนมาเหมือนตั้ง
คำถาม ตอบโจทย์

    3 ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดแต่การปฏิิบัีติ หรือ ภาวนา หมายถึงการทดสอบ ทดลอง เอาจริง เอาจังในส่วนที่สะสมไว้ 2 ประการในส่วนต้น

ดังนั้น ถ้าวิเคราะห์ให้ดี แล้ว ปัญญา ระดับที่ 1 เป็นไปเพื่อ ปัญญา ระดับที่ 2 ปัญญาระดับที่ 1 และ 2 เป็นปัญญาที่ส่งเสริม ระดับที่ 3  และปัญญา ระดับที่ 3 ก็ไปสนับสนุนปัญญาระดับที่ 1 และ 2



สำหรับนักภาวนาจริง ๆ แล้ว ในทางพระพุทธศาสนานั้น ไม่ได้เิริ่มต้นที่ ฟัง และ คิด

แต่การภาวนาในส่วน ภาวนา จริง ๆ นั้น เริ่มจากการที่จิต เห็นตามความเป็นจริง ว่า ทุกข์ ในสังสารวัฏฏ์ นั้นเป็นอย่างนี้ ไม่พึงยินดี หรือ ยินร้าย ไม่พึง เพลิดเพลิน ในสังสารวัฏฏ์ ต่อไป ในส่วนของการภาวนานั้น อาศัย

ปัญญา ที่มองเห็นตามความเป็นจริง ในโทษของสังสารวัฏฏ์

ศัพท์ ทางพระพุทธศาสนา นั้นเรียกว่า นิพพิทา คือ ความเบื่อหน่าย


ดังนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงตรัสบ่อย ๆ ในช่วงท้ายสูตรว่า

เมื่อบุคคลเห็นแจ้งตามความเป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย

เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด

เมื่อจิตคลายกำหนัด จึงรู้เห็นตามความเป็นจริง

เมื่อรู้แจ้งตามความเป็นจริง ย่อมไม่ยึดมั่น ถือมั่น

เมื่อไม่ยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งทั้งปวงแล้ว

จึงสิ้นสุดแล้ว เขาผู้นั้นย่อมถึงซึ่งการสิ้นสุดแห่งพรหมจรรย์

กิจที่ควร ได้ทำเสร็จแล้ว

กิจอื่นยิ่งกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว


ในช่วง ท้าย อนัตตลักขณสูตร ยกตัวอย่างมาอีกบทครับ

[๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ 

         ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป  ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา  ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา  ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย  ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ

         เมื่อเบื่อ หน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด  เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น, เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว

         อริยสาวกนั้นทราบ ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว  กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

         [๒๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลิน ภาษิตของผู้มีพระภาค.

         ก็แลเมื่อพระผู้มี พระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือ มั่น


หัวข้อ: Re: เส้นทางการเกิดแห่งปัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: lastman ที่ เมษายน 28, 2010, 03:55:32 pm
 :25: เป็นบทความในช่วงที่เงียบ ๆ ได้ดีครับ


หัวข้อ: Re: เส้นทางการเกิดแห่งปัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: TCnapa ที่ เมษายน 29, 2010, 07:26:02 am
กระทู้อาจจะเงียบ ไป เพราะคุณปุ้ม คงไม่ว่าง คะ

แต่พวกเราก็ตามอ่านกันอยู่

เหตุเพราะไม่รู้ จะโพสต์ อะไร คะ

 :13: :13: :13: :13: :13:


หัวข้อ: Re: เส้นทางการเกิดแห่งปัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 16, 2010, 11:36:42 am

เพื่อนๆครับ โพสต์เถิดครับ อะไรก็ได้ ไม่ต้องซีเรียส

ผมไม่ว่างในบางเวลา ต้องขอโทษด้วย

แต่ขอให้เพื่อนๆทำหน้าที่อุบาสก อุบาสิกา

ที่ต้องร่วมกันเผยแพร่ ข้อธรรมต่างๆ ตามจริต ตามวาสนา

ขอให้ธรรมคุ้มครอง
:49: :bedtime2: :25: