หัวข้อ: เที่ยวคลายทุกข์ 'กลุ่มจังหวัดสนุก'นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 05, 2011, 05:40:46 pm (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g1.jpg) เที่ยวคลายทุกข์ 'กลุ่มจังหวัดสนุก'นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เดือดร้อนกันไปถ้วนทั่วกับภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จนแทบจะประมาณการไม่ได้ ว่าจะสงบจบสิ้นลงวันใด เสียงระงมร่ำไห้กับความสูญเสียอย่างน่าเวทนา ดูจะสะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของผู้คน ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนแผ่นดินไทยผืนนี้ ธรรมชาติมิได้เป็นผู้บงการให้สายน้ำบ้าคลั่ง แต่คนที่เข้าไปคุกคามทรัพยากรธรรมชาติ หรือแปลงป่าผืนใหญ่นั่นแหละ คือผู้ที่ควรได้รับการสาปแช่งว่าเป็นฆาตกรใจบาปผู้ทำลายชาติบ้านเมืองอย่างป่นปี้ไม่มีชิ้นดี! วันนี้...ข่าวสารที่แพร่สะพัดผ่านสื่อ ซึ่งดูถี่ยิบแทบจะทุกนาทีต่อนาที มันช่างเหมือนหอกแหลมทิ่มแทงหัวใจใครต่อใครให้ตกอยู่ในอาการหดหู่ ห่อเหี่ยว และแทบจะสิ้นหวังกับการแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าของปัจเจกบุคคลที่มาจากคราบนักการเมือง หรือผู้กำชัยชนะบนเวทีการเมืองแล้วก้าวผงาดขึ้นมารับผิดชอบประเทศ อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนยังมีลมหายใจเพื่อจะยืนหยัดอยู่กับวิกฤติที่อุบัติขึ้น หนทางเดียวที่จะนำพาชีวิตไปสู่หนทางของความอยู่รอดได้ ก็คือการก้มหน้ารับและเผชิญกับมันอย่างทระนงองอาจ โดยมั่นคงในสมาธิแล้วก็ปล่อยจิตให้ว่างสร่างสิ้นซึ่งความทุกข์โศก พร้อมกับเบิกตามองโลกด้วยความสดใส และหนึ่งในนั้น ไม่มีสิ่งใดจะประเสริฐเลิศไปกว่าการได้เดินทางจากที่หนึ่งออกไปยังอีกที่หนึ่ง เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เสมือนให้ลมหายใจเฮือกใหม่กับตนเอง (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g3.jpg) วันนี้อีกเช่นกัน ที่เมืองไทยกำลังจะมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ พาดผ่านลำน้ำเชื่อมสู่กันระหว่างแผ่นดินอีสานด้านจังหวัดนครพนม กับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3” กำหนดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการกันในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 หรือสอดรับกันกับวัน เดือน ปี ตรงที่ 11 เดือน 11 ค.ศ. 2011 ซึ่งพิธีเปิดดังกล่าว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ สะพานที่ว่านี้มีความยาว 1.4 กิโลเมตร กับมีพื้นผิวจราจรขนาด 4 ช่องทาง และจะเป็นสะพานอีกแห่งหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยต่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยกับกลุ่มประเทศอินโดจีน ไปถึงแผ่นดินจีนตอนใต้ ในแง่ของการท่องเที่ยว สะพานแห่งนี้นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยหนุนนำด้านท่องเที่ยว ใน กลุ่มจังหวัดสนุก ซึ่งประกอบด้วยนครพนม สกลนคร และมุกดาหาร ด้วยพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด ต่างมีความสนุกสุขหรรษาทางการท่องเที่ยวที่สอดรับกันหลายแห่ง ขณะที่บางแห่งก็แตกต่างกันในหลาย ๆ รูปแบบ เริ่มกันจาก จ.นครพนม ที่น่าสนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวแบบอิ่มเอม “ธรรมะ” ด้วยที่นี่น่าจะเป็นจังหวัดเดียวในประเทศ ที่อำเภอทั้ง 8 แห่ง ต่างมีพระธาตุประจำอำเภอประดิษฐานอยู่ อาทิ พระธาตุนคร แห่งวัดมหาธาตุ ประจำอำเภอเมือง, พระธาตุพนม ประจำอำเภอธาตุพนม, พระธาตุเรณู ประจำอำเภอเรณูนคร, พระธาตุท่าอุเทน ประจำอำเภอท่าอุเทน เป็นต้น (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g7.jpg) ส่วนในแง่ของวัฒนธรรมที่ชวนให้น่าสนุกกว่าถิ่นใด ๆ ก็ตรงได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวผู้ไทยแห่ง อ.เรณูนคร โดยเฉพาะสาวชาวผู้ไทยซึ่งถือว่าเป็นชนเผ่าที่มีความสวยงามตามแบบอย่างของสาวชาวลุ่มน้ำโขง ตรงที่ผิวพรรณเนียนนุ่ม ใบหน้า ดูเรียวละไม ที่สำคัญคือยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่การฟ้อนผู้ไทยในงานประเพณี การสืบทอดวัฒนธรรม “ขี่ช้างคู่” หรือการดูดอุเพื่อให้การต้อนรับอาคันตุกะผู้ไปเยือน ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=173972 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=173972) หัวข้อ: Re: เที่ยวคลายทุกข์ 'กลุ่มจังหวัดสนุก'นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 05, 2011, 05:57:03 pm (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g2.jpg) ผ่านต่อไปยัง จ.สกลนคร เมืองที่จรุงด้วยกลิ่นอายของธรรมะไม่ต่างไปจาก จ.นครพนม ด้วยมีพระธาตุเชิงชุม เป็นเสาหลักด้านศาสนสถานคู่บ้านคู่เมืองมายาวนาน และนับเป็นพุทธลักษณะโบราณที่งดงามสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะตรงยอดฉัตรเหนือองค์พระธาตุขึ้นไปนั้น ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนักมากถึง 247 บาท นอกเหนือจากนี้ ดินแดนแห่งนี้ ยังได้ชื่ออีกว่า เป็นแหล่งมากมีวัดป่าสำหรับการแสวงหาความวิเวกเพื่อจรรโลงและชำระล้างจิตใจให้เป็นสุขที่สงบ สถานที่ที่ประชาชนนิยมเดินทางเข้าไปกันมากสุดตรงใจกลางเมือง ได้แก่ วัดป่าสุทธาวาส อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์บริขารอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระผู้ยึดมั่นอยู่ในปฏิมาธุดงด์กรรมฐาน เป็นวัตร อีกแห่งที่ควรกล่าวถึง ก็คือ วัดป่าอุดมสมพร ที่ อ.พรรณานิคม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร พระนักปฏิบัติด้านสมาธิกรรมฐานอีกรูปหนึ่ง ที่ถือเป็นทายาทธรรมโดยแท้ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ (http://www.isan.clubs.chula.ac.th/para_norkhai/pic_files/20100701054411.jpg) มาดูธรรมชาติอันชวนสนุกของเมืองนี้ ซึ่งน่าจะอยู่ที่หนองหาร หรือ ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่กลางใจเมือง ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย กระจายกันอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 123 ตารางกิโลเมตร เหมาะสำหรับการล่องเรือออกไปชื่นชมกับท้องน้ำที่สงบนิ่ง และรายรอบด้วยภาพของแนวเทือกเขาภูพานตระหง่านรับอยู่ด้านทิศตะวันตก เทือกเขาที่ว่านี้ นอกจากจะเป็นที่ตั้งของพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์แล้ว แปลงป่าผืนใหญ่บนนั้นยังได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูพาน เพื่อปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่าบนนั้นเอาไว้ (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g4.jpg) ความน่าสนุกของการเลือกท่องเที่ยวยังถิ่นนี้อีกรูปแบบหนึ่ง และกำลังเป็นสิ่งแปลกใหม่ให้ทดลองเที่ยวกัน นั่นก็คือ การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ตรงบ้านนาดอกไม้ ต.ฮางโฮง อ.เมืองสกลนคร อยู่ห่างตัวเมืองออกไปทางด้านหลังสนามบินประมาณ 8 กิโลเมตร ที่นี่เป็นสวนเพาะพันธุ์อินทผลัมบนพื้นที่ประมาณ 8 ไร่ ของคุณจเร ชีวะธรรม อดีตนายช่างระดับ 10 แห่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่เมื่อเกษียณอายุจากราชการออกมาแล้ว ก็ไปนำเอาพันธุ์ต้นกล้าอินทผลัมจากสวนโกหลัก แห่ง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ มาทดลองปลูกจำนวน 52 ต้น เมื่อปี 2551 และปัจจุบันสามารถได้ผลแล้ว 26 ต้น (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g9.jpg) อินทผลัมดังกล่าวเป็นพันธุ์ไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศอิสราเอล ผลของมันมีความกรอบและหวานโดยธรรมชาติ แต่ไม่ส่งผลกับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะคุณสมบัติอินทผลัมพันธุ์นี้เป็นพืชน้ำตาลเชิงเดี่ยว ที่ไม่มีผลกับน้ำตาลในเส้นเลือดของผู้ป่วยเบาหวานแต่อย่างใด มาถึงยัง จ.มุกดาหาร จังหวัดที่อาจจะไม่น่าสนุกด้านธรรมะ เหมือน 2 จังหวัดที่ผ่านมา แต่เมืองนี้ก็มีเสน่ห์ในด้านวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อย่างเช่น หมู่บ้านพัฒนาบ้านภู อ.หนองสูง ซึ่งเพิ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านระดับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก ททท. เมื่อปีที่ผ่านมา ตรงที่เป็นชุมชนเข้มแข็ง และมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีการรักษาวัฒนธรรมประเพณีของชนเผ่าเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g8.jpg) และใน อ.หนองสูง อีกเช่นกัน ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าพื้นเมืองอันลือชื่อมานาน นั่นก็คือ ผ้าฝ้ายหมักโคลน ที่ยังคงรูปแบบการย้อมสีโดยใช้เปลือกไม้ธรรมชาติ และใช้กรรมวิธีในการหมักโคลนเพื่อให้เนื้อฝ้ายที่ถูกหมักลงไปนั้นมีความคงทนใช้งานได้นาน (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g5.jpg) เหนือสิ่งอื่นใดในมุกดาหาร ต้องยกความสนุกให้กับการได้เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ซึ่งเชื่อมต่อไปยังสะหวันนะเขต เมืองทางภาคกลางที่เชื่อมต่อไปยังภาคใต้ของ สปป.ลาว ที่ผู้คนโดยส่วนใหญ่ยังคงดำเนินชีวิตอย่างปกติ เหมือนเช่นชนชาติลาวในอดีตที่ผ่าน ๆ มา อย่างไรก็ตามแม้มุกดาหารจะมีสะพานสายสำคัญ เชื่อมต่อไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านด้านอินโดจีนอยู่ก่อนแล้ว แต่การสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ขึ้นมาในรัศมีที่ห่างกันประมาณ 104 กิโลเมตรนั้น ก็มิได้หมายความว่าจะเป็นการแข่งขันกันในเชิงการค้า หรือการท่องเที่ยว ในทางกลับกันสะพานทั้งสองน่าจะสร้างความสนุก ทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงการเอื้อซึ่งกันและกันในการเดินทางแบบวงรอบ โดยหากเริ่มต้นจากมุกดาหาร ข้ามฝั่งต่อไปยังสะหวันนะเขต จากนั้น มุ่งขึ้นเหนือไปตามทางหลวงหมายเลข 13 ฝั่งลาว สู่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ก็สามารถที่จะเดินทางกลับไทยได้ด้วยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ด้าน จ.นครพนม (http://www.dailynews.co.th/content/images/1111/05/newspaper/g6.jpg) ทำนองเดียวกันหากจะข้ามฝั่งจากนครพนม สู่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ก็สามารถเดินทางต่อไปยังแขวงสะหวันนะเขต แล้วเดินทางกลับ จ.มุกดาหาร เพื่อสนุกเป็นด่านสุดท้ายกับการชอปปิงสินค้าหลากหลายที่ตลาดอินโดจีน ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งโขง ตรงกันข้ามกับตัวเมืองสะหวันนะเขต หมดทุกข์หมดโศก หมดโรคหมดภัย ถ้าไม่รู้จะไปไหน ก็ให้เลือกจังหวัดสนุกนี่แหละ เป็นเมืองท่องเที่ยวหลังวิกฤติอุทกภัยในบ้านเมือง. รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว จ.มุกดาหาร อยู่ห่างกรุงเทพฯ 642 กิโลเมตร จ.สกลนคร อยู่ห่างกรุงเทพฯ 647 กิโลเมตร จ.นครพนม อยู่ห่างกรุงเทพฯ 740 กิโลเมตร (ไกลที่สุดในภูมิภาคอีสาน) การเดินทางเชื่อมสู่กันในกลุ่มจังหวัดสนุก นครพนม-สกลนคร เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 22 ประมาณ 93 กิโลเมตร นครพนม-มุกดาหาร เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 212 ประมาณ 104 กิโลเมตร สกลนคร-มุกดาหาร เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 223 ประมาณ 72 กิโลเมตร ถึง อ.ธาตุพนม จากนั้นให้เดินทางโดยทางหลวงหมายเลข 212 อีกประมาณ 44 กิโลเมตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม โทร. 0-4251-3491 “มาถึงยัง จ.มุกดาหาร จังหวัดที่อาจจะไม่น่าสนุกด้านธรรมะ เหมือน 2 จังหวัดที่ผ่านมา แต่เมืองนี้ก็มีเสน่ห์ในด้านวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อย่างเช่น หมู่บ้านพัฒนาบ้านภู อ.หนองสูง ซึ่งเพิ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านระดับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจาก ททท. เมื่อปีที่ผ่านมา” ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=173972 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=173972) http://www.isan.clubs.chula.ac.th/ (http://www.isan.clubs.chula.ac.th/) |