หัวข้อ: ถามเรื่อง เปตร ที่ยังไม่เข้าใจ คะ เริ่มหัวข้อโดย: sunee ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 07:22:32 pm แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลี
แบ่งได้ 21ประเภท * อัฏฐีสังขสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่กระดูกติดกันเป็นท่อน ๆ * มังสเปสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่เนื้อเป็นชิ้นๆ * มังสปิณฑเปรต คือ เปรตที่มีเนื้อเป็นก้อน * นิจฉวิปริสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม * อสิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์ * สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก * อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู * สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็ม * ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ ๒ * กุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก * คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ * คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ * นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม * ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า * โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ * อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ * ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ * ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี * สิกขมานเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา * สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร * สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี พอดีไปอ่านเจอในเรื่องเปตร สืบเนื่อง จาก เรื่องวิบากของการยักยอกคะ เรียนถาม คุณ natthaponson ช่วยอธิบาย ตั้งแต่ ภิกขุเปตร ถึง สามเณรีเปตร หน่อยคะ ติดใจมาก ๆ คะ หัวข้อ: Re: ถามเรื่อง เปตร ที่ยังไม่เข้าใจ คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 08:25:21 pm (http://trang82.files.wordpress.com/2010/09/post-15-1091563389.jpg) ท่านพระลักขณะ (พระองค์หนึ่งในชฎิลพันองค์) และท่านพระมหาโมคคัลลานะอยู่บนภูเชาคิชฌกูฏใกล้พระนครราชคฤห์ เวลาเช้าท่านทั้งสองออกบิณฑบาต ขณะที่เดินลงจากภูเขา ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้แย้มพระโอษฐ์ (คืออาการบันเทิงของพระอรหันต์ไม่ถึงยิ้ม) พระลักขณะได้ถามถึงเหตุของอาการแย้ม ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า ไม่ใช่เวลาถามปัญหา ให้ถามในสานักพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด เมื่อท่านทั้งสองบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์และทาภัตตกิจเสร็จแล้ว ได้ไปเฝูาพระพุทธเจ้า ณ พระเวฬุวัน ท่านพระลักขณะจึงกล่าวถามขึ้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะจึงเล่าว่า ได้เห็นร่างสัตว์อย่างหนึ่งลอยไปในอากาศ มีลักษณะอาการตามที่ท่านได้เห็น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสรับรอง และได้ทรงกล่าวถึงบาปที่สัตว์นั้นได้ทำขณะเมื่อเป็นมนุษย์ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นบ่อยๆ ขณะที่เดินลงจากเขาคิชฌกูฏ และได้เล่าในที่เฉพาะพระพักตร์ทุกครั้ง การแย้มของพระโมคคัลลานะเพราะท่านดำริว่าท่านเองพ้นแล้วจากอัตภาพเช่นนั้น ต่างจากผู้ที่ยังไม่เห็นสัจจะ ยังมีภพไม่แน่นอน ซึ่งอาจไปเกิดเป็นเปรตเช่นนั้นอีกก็ได้ ท่านจึงบันเทิงใจ (ไม่ใช่ว่าแย้มเพราะเป็นการเย้ยหยัน) ........ฯลฯ..........ฯลฯ.......... เปรตตนหนึ่งเป็นภิกษุ ตนหนึ่งเป็นภิกษุณี ตนหนึ่งเป็นสิกขมานา (สามเณรีผู้จะอุปสมบทเป็นภิกษุณี ต้องรักษาศีลพิเศษอยู่สองปีก่อน ระหว่างนี้เรียกว่าสิกขมานา) ตนหนึ่งเป็นสามเณร ตนหนึ่งเป็นสามเณรี ทุกคนทรงสังฆาฏิ บาตร ประคต เป็นไฟลุกโชน ตลอดทั้งร่างกาย ลอยร้องครวญครางไปในอากาศ เพราะเศษกรรมที่เป็นผู้บวชแล้วทำชั่ว ด้วยได้เคยเป็นภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี ผู้ประพฤติไม่ดี บริโภคปัจจัยลาภที่เขาถวายด้วยศรัทธาแล้วไม่สำรวมกายวาจา หาเลี้ยงชีพผิดทางสมณะ คะนองระเริงใจจนถึงวิบัติต่างๆ ที่มา บทเรียนพระอภิธรรมทางไปรษณีย์ ชุดที่ ๖.๑ ภพภูมิ เรียบเรียงโดย วิศิษฐ์ ชัยสุวรรณ มูลนิธิเผยแผ่พระสัทธรรม จัดพิมพ์เป็นธรรมทาน หนังสืออ้างอิง ๑. ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ๒. ภูมิจตุกกะและปฏิสนธิจตุกกะ ปริจเฉทที่ ๕ เล่มที่ ๑ ; ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมมัตถสังคหฎีกา ; พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขอบคุณภาพจาก http://trang82.files.wordpress.com/ (http://trang82.files.wordpress.com/) หัวข้อ: Re: ถามเรื่อง เปตร ที่ยังไม่เข้าใจ คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 08, 2011, 08:51:38 pm (http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/images/newsworld_1/frlower/hell01.jpg) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ลักขณสังยุตต์ ปฐมวรรคที่ ๑ ๑. อัฏฐิสูตร [๖๓๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถานเขตพระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะอยู่บนภูเขาคิชฌกูฏ ฯ [๖๓๗] ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเช้า ท่านพระมหาโมคคัลลานะ นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปหาท่านพระลักขณะจนถึงที่อยู่ ครั้นเข้าไปหาแล้วได้กล่าวชวนท่านพระลักขณะว่า มาไปบิณฑบาตยังพระนครราชคฤห์ ด้วยกันเถิดท่านลักขณะท่านพระลักขณะรับคำท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า อย่างนั้น ลำดับนั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้ยิ้มแย้มขึ้นในที่แห่งหนึ่ง ทีนั้นท่านพระลักขณะได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านโมคคัลลานะ อะไรเล่าเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ทำให้ยิ้มแย้ม ท่านมหาโมคคัลลานะตอบว่า ท่านลักขณะมิใช่เวลาที่จะเฉลยปัญหาข้อนี้ ท่านจงถามผมในสำนักพระผู้มีพระภาคเถิด ฯ [๖๓๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ กลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัตตาหารแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระลักขณะนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านมหาโมคคัลลานะ เมื่อลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้ยิ้มแย้มขึ้นแล้วในที่แห่งหนึ่ง ดูกรท่านพระมหาโมคคัลลานะ อะไรเล่าเป็นเหตุเป็นปัจจัย ทำให้ยิ้มแย้มขึ้น ฯลฯ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6737&Z=6775&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6737&Z=6775&pagebreak=0) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ลักขณสังยุตต์ ทุติยวรรคที่ ๒ ๗. ภิกขุสูตร [๖๕๖] ฯลฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นภิกษุลอยอยู่ในเวหาส ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตรก็ดี ประคตเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของภิกษุนั้น อันไฟติดทั่วลุกโชติช่วงแล้ว ได้ยินว่า ภิกษุนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ได้เป็นภิกษุผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯลฯ จบสูตรที่ ๗ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6894&Z=6900&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6894&Z=6900&pagebreak=0) (http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/images/hell000.jpg) ๘. ภิกขุนีสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6901&Z=6907&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6901&Z=6907&pagebreak=0) ๙. สิกขมานาสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6908&Z=6914&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6908&Z=6914&pagebreak=0) ๑๐. สามเณรสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6915&Z=6921&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6915&Z=6921&pagebreak=0) ๑๑. สามเณรีสูตร [๖๖๐] ฯลฯ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นสามเณรีลอยอยู่ในเวหาส ผ้าสังฆาฏิก็ดี บาตรก็ดี ประคตเอวก็ดี ร่างกายก็ดี ของสามเณรีนั้น อันไฟติดทั่วลุกโชติช่วงแล้ว ได้ยินว่า สามเณรีนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง ผมคิดว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยมีมาหนอสัตว์แม้เห็นปานนี้ก็จักมี ยักษ์แม้เห็นปานนี้ก็จักมี การได้อัตภาพแม้เห็นปานนี้ก็จักมี ฯ [๖๖๑] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายเป็นผู้มีจักษุหนอ เป็นผู้มีญาณหนอ เพราะแม้สาวกก็จักรู้จักเห็นสัตว์เห็นปานนี้ หรือจักเป็นพยาน เมื่อก่อน สามเณรีนั้นเราก็ได้เห็นแล้วเหมือนกัน แต่ว่ามิได้พยากรณ์ หากว่าเราจะพึงพยากรณ์สามเณรีนี้ไซร้ คนอื่นก็จะไม่พึงเชื่อถือเรา ข้อนั้นพึงเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อความทุกข์สิ้นกาลนาน แก่ผู้ที่ไม่เชื่อถือเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย สามเณรีได้เป็นสามเณรีผู้ชั่วช้าในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยผลของกรรมนั้น สามเณรีนั้นหมกไหม้แล้วในนรกสิ้นร้อยปี พันปี หมื่นปี แสนปี เป็นอันมาก ด้วยผลของกรรมนั่นแหละยังเหลืออยู่ สามเณรีนั้นจึงต้องเสวยการได้อัตภาพเห็นปานดังนี้ ฯ จบสูตรที่ ๑๑ จบทุติยวรรคที่ ๒ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6922&Z=6949&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6922&Z=6949&pagebreak=0) ขอบคุณภาพจาก http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/ (http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/) หัวข้อ: Re: ถามเรื่อง เปตร ที่ยังไม่เข้าใจ คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤศจิกายน 09, 2011, 09:06:46 am อนุโมทนา กับเนื้อหา และอยากให้ทุกท่านที่กำลังทำการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่ได้หยุด
เพราะ เมื่อรู้วิบากผลกรรมแล้วกรรม ก็ไม่ควรที่จะทำสิ่งผิด สาธุ กับเนื้อหา และ ความเอื้อเฟื้อมีน้ำใจ ของทุกท่าน เจริญพร ;) หัวข้อ: Re: ถามเรื่อง เปตร ที่ยังไม่เข้าใจ คะ เริ่มหัวข้อโดย: sunee ที่ พฤศจิกายน 09, 2011, 06:43:48 pm ขอบคุณมากคะ มีประโยชน์ มาก ๆ คะ
:88: :25: :c017: หัวข้อ: Re: ถามเรื่อง เปตร ที่ยังไม่เข้าใจ คะ เริ่มหัวข้อโดย: ลูกเณร-รัตน์ ที่ พฤศจิกายน 10, 2011, 07:22:20 am ลูกเณร จักระวัง นะจ๊ะ
ไม่อยากเป็นสามเณรเปตร :03: |