สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

http://www.youtube.com/watch?v=-2sIIvagvRE# (http://www.youtube.com/watch?v=-2sIIvagvRE#)


     อ.สุจินต์ เชี่ยวชาญด้านอภิธรรม เป็นศิษย์ของอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ผมเคยฟังคำบรรยายของท่านรู้สึกทึ่งในความสามารถ ท่านเชี่ยวชาญจริงๆ คำบรรยายของ อ.สุจินต์ อยู่ที่เว็บไซต์บ้านธัมมะ หรือ http://www.dhammahome.com/home.php (http://www.dhammahome.com/home.php)

     เพื่อนๆครับ คำว่า"ไม่มีตัวตนแล้วที่ยืนอยู่นี้เป็นอะไร" เป็นคำถามที่น่าสนใจ ขอให้ทุกท่านช่วยกันแสดงความคิดเห็นตามบารมีธรรมของแต่ละคน เชิญตามอัธยาศัยเลยครับ
      :25:

ต้องไปถาม ผู้ที่พูด แล้ว เจตนาถาม นั้นคืออะไร ?

  คือ ผู้พูด อจ.สุจินต์ (นักอภิธรรม ) ถามว่า ไม่มีตัวตนแล้วที่ยืนอยู่นี้เป็นอะไร

  ถามเสร็จแล้ว มีข้อกำหนดอะไร ให้ละกิเลส หรือ ละกิเลสได้

 หรือ ต้องการให้เป็น ผู้ละกิเลส เสร็จแล้วไปอ่าน ใหม่ดีหรือไม่

  คำตอบ ก็คือ ที่ยืน อยู่นี้ ก็คือ ตัวเรา ไม่ใช่ ตัวตน


  มีคำพูด ทีมักจะพูดขึ้นว่า ตัวตนที่แท้จริง ปรากฏแล้ว

  แสดงให้เห็นว่า เจ้า ตัวตน นี้ไม่ใช่ร่างกาย หรือ ตัวเรา แต่ เป็น อนุภาคเสมือน ที่มีอำนาจ อะไรหลายอย่าง

  :s_good:
 

อ่านแล้ว เวียนหัว ...... คือไม่รู้ว่า อะไร คือ ตัวตน อยากให้จำกัดความ
และ ที่ยืนอยู่นี้ เป็นตัวตน หรือ ตัวเรา หรือ ร่างกาย หรือ ตัวฉัน อยากให้ผู้ถามจำกัดความ

 อ่านแล้ว ก็ มึน มึน ตอบเอง ก็ยิ่ง มึนตึง ไป เหมือนกัน

 สรุป เอาเป็นว่า ไม่มีตัวตน ก็ไม่มีของใคร หรือ ของเรา
                  ที่ยืนอยู่นี้ ก็ตัวเรา หรือ ตัวใคร

  :41: :s_hi:

การมีอยู่ หรือ ไม่มีอยู่ อาจจะดูเหมือนเป็นเพียงวาทะ ในคำพูด สิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย
ก็คือ สภาวะ ทีุ่ ทุกข์ สุข ไม่สุข ไม่ทุกข์ ยังคงปรากฏเช่นเดิม สภาวะที่ยังเป็นไปตามกฏธรรมชาติ
ก็คงอยุ่เช่นเดิม คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน

 สรุป ถึงจะกล่าวว่า ที่ยืนอยู่ไม่ใช่ตัวเรา แต่สิ่งที่ต้องเห็นประจักษ์แจ้งไม่ใช่อยู่ที่การเหนี่ยวนำให้เ็ห็นว่าเป็น
อย่างนั้นแต่ต้อง ให้ใจ ประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริง จึงจะถึงคำว่า สักว่า นั้นได้

  :s_hi: :13:

(http://photos3.hi5.com/0055/035/110/19aKU5035110-02.jpg)

ธรรมชาติ (สัตว์,บุคคล,ตัวตน,เราเขา) คือ สภาวะบัญญัติ ถูกกำหนดให้มีเพียงหมายตามแต่สัมผัสเห็น แต่สภาวะเนื้อ

แท้แห่งมนายตนะ (สุข/ทุกข์สัมผัส ใจรู้) นั้น ถ้วนถึงเสมอกัน พึงกล่าวได้อีกนัยหนึ่งได้ว่า ธรรมสภาวะใดใดเปลี่ยน

ไม่ได้ เป็นอยู่คงอยู่ชื่อว่า ทุกข์ อย่างนั้น และเหตุเพราะทุกข์นี้จึงแยกนามและรูป ทำให้หมายเอาความเป็นตัวตนนั้น

ไม่มี



http://darkpun.multiply.com/journal/item/361

สรุป แล้ว ก็เพียงแต่ เป็นการผันผวน คำ บัญญัติ ประโยชน์ ที่รู้คือเรื่องอะไร ?

 ความหมายของ อนัตตา สุญญตา นั้นอาจจะเกินกว่าที่ปุถุชน จะเข้าใจ

 ซึ่งอาจจะทำให้ตีความผิดได้

  :08:

คติของพุทธศาสนา สอนให้ละความเป็นตัวตน คือ ให้ละอุปทานขันธ์ ๕
 พระพุทธเจ้าตรัสสรุปไว้ว่า อุปทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์

 อุปทานขันธ์ ๕ คือ ความยึดมั่นถือมั่นใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
 หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ การยึดมั่นในกายและใจของตนนั่นเอง

 คนที่ไ่ม่มีอุปทานขันธ์ ๕ ก็คือ พระอรหันต์
 พระอรหันต์จะมองโลกราบเรียบเสมอกัน ไม่มีสัตว์ บุคคล เรา เขา
 อาจจะมองเห็นทุกสิ่ง เป็นเพียงรูป เป็นเพียงสี เป็นเพียงธาตุ(ดิน น้ำ ไฟ ลม)
 สิิ่งที่ท่านเห็นล้วนมีความแปรปรวน ทนอยู่ไม่ได้ เป็นทุกข์ ควบคุบไม่ได้ เป็นของชั่วคราว
 ไ่ม่สามารถยึดเป็นแก่นสารได้ หากใครยึดถือเป็นแก่นสาร เห็นว่ามันมีตัวตน จะทำให้เกิดทุกข์
 การจะทำไม่ให้เกิดทุกข์ มีทางเดียวก็คือ ต้องเห็นว่า"มันไม่มีตัวตน"
 นั่นคือที่มา ของคำว่า"ไม่มีตัวตน"

  สรุปก็คือ ปุถุชน ไม่อาจเห็นความไม่มีตัวตนได้ การที่จะนำความไม่มีตัวตนไปอธิบายให้คนนอกศาสนา
หรือปุถชนทั่วไปฟัง เพื่อให้มีความเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้องเป็นเรื่องยาก เพราะสิงที่อรหันต์เห็นเป็นปัจจัตตัง เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน ไม่อาจทำให้คนอื่นรู้ได้ (แต่บอกทางให้รู้อย่างตนได้)
 :49: