หัวข้อ: พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง "มรณัสสติ" ไว้ว่าอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 17, 2011, 09:52:48 am (http://fwmail.teenee.com/etc/img4/247465.jpg) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๙. มรณัสสติสูตรที่ ๑ [๒๙๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทสร้างด้วยอิฐใกล้บ้านนาทิกคาม ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรณัสสติอันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายย่อมเจริญมรณัสสติหรือ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถามอย่างนี้ ภิกษุรูปหนึ่งได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ได้ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่ง เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ .................................... ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ได้ตลอดวันหนึ่ง เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ .................................... ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ชั่วขณะที่ฉันบิณฑบาตมื้อหนึ่ง เราพึงมนสิกาคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ .................................... ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ชั่วขณะที่เคี้ยวคำข้าวสี่คำกลืนกิน เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ .................................... ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ชั่วขณะที่เคี้ยวข้าวคำหนึ่งกลืนกิน เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ .................................... ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่หายใจเข้าแล้วหายใจออก หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ (http://fwmail.teenee.com/etc/img4/247466.jpg) เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่ง เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ก็ภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ตลอดวันหนึ่ง เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ก็ภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่าโอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่ฉันบิณฑบาตมื้อหนึ่ง เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเราพึงกระทำกิจให้มากหนอ และภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่เคี้ยวคำข้าวสี่คำกลืนกิน เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้ประมาท เจริญมรณัสสติเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายช้า (http://fwmail.teenee.com/etc/img4/247467.jpg) ส่วนภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่เคี้ยวข้าวคำหนึ่งกลืนกิน เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ และภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่หายใจเข้าแล้วหายใจออก หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้ เรากล่าวว่าเป็นผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลาย จักเป็นผู้ไม่ประมาท จักเจริญมรณัสสติเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายอย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=7188&Z=7254 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=7188&Z=7254) ขอบคุณภาพจาก http://fwmail.teenee.com/ (http://fwmail.teenee.com/) หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง "มรณัสสติ" ไว้ว่าอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: เสกสรรค์ ที่ พฤศจิกายน 17, 2011, 09:58:21 am อนุโมทนา สาธุ กับ พระสูตร ที่สนับสนุนการเจริญ มรณานุสสติ ครับ
เท่่าที่ทราบมาจาก พระอาจารย์ ว่า ผู้ที่กำลังเจริญ มรณานุสสติ หรือ พยายามพิจารณา ความตาย นั้น เป็นผู้ที่เริ่มเหยียบ โสดาปัตติมรรค เป็นที่มีความเพียร อยู่ในขั้นที่จะเริ่มว่าย ข้ามฝั่ง ข้ามโอฆะ จัดเป็น วิริยะสัมโพชฌงค์ คือ การตัดสินใจ เพื่อที่จะละจาก สังสารวัฏ เป็นผู้ที่กำลัง พอกพูน นิพพิทา อย่างเต็มกำลัง ยินดีด้วยครับ ถ้าทุกท่าน มี มรณานุสสติ กันอย่างเต็มกำลัง สาธุ สาธุ สาธุ :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง "มรณัสสติ" ไว้ว่าอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ พฤศจิกายน 17, 2011, 10:03:33 am เป็นเรื่อง ที่น่าอ่านมาก ในเช้านี้
อนุโมนา ด้วยคะ :25: หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง "มรณัสสติ" ไว้ว่าอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 17, 2011, 10:07:42 am มรณัสสติสูตร มีสองสูตร ที่ผมนำเสนอไปเป็นสูตรแรก บทสรุปของสูตรแรกก็คือ มีภิกษุ ๖ รูป ทูลพระพุทธเจ้าว่าตนได้เจริญมรณัสสติ ด้วยวิธีที่ต่างกัน วิธีเจริญมรณัสสติของสี่รูป พระพุทธเจ้าตรัสว่า ยังประมาทอยู่ วิธีเจริญมรณัสสติของสองรูปหลัง พระพุทธเจ้าทรงตรัสสรรเสริญว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ในพระไตรปิฎก ฉบับประชาชน ของอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ไ้ด้ให้บทสรุปของการเจริญมรณัสสติไว้ว่า พระพุทธเจ้า ตรัสสอน ให้เจริญมรณัสสติ ( การระลึกถึงความตาย ) ทุกลมหายใจเข้าออก จึงจะชื่อว่าไม่ประมาท. กับอีกนัยหนึ่ง คือ ตรัสสอนให้ระลึกถึงความตาย แล้วมีฉันทะ มีความเพียรพยายาม ความอุตสาหะ ความกระตือรือร้นที่จะละอกุศลธรรม. :25: |