หัวข้อ: ยลทุ่งดอกไม้ป่า "ผาแต้ม" ล่องโขงย่ำ "แกรนด์แคนยอน"เมืองไทย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 27, 2011, 09:51:50 pm ยลทุ่งดอกไม้ป่า "ผาแต้ม" ล่องโขงย่ำ "แกรนด์แคนยอน"เมืองไทย อุบลราชธานีเป็นอีกจังหวัดที่มีโอกาสได้ไปปีละหลายครั้ง ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่และอยู่ชายแดนติดกับประเทศลาว บรรดาหน่วยราชการและเอกชนต่างๆจึงพานักข่าวส่วนกลางไปดูกิจกรรมที่นั่น และถือโอกาสข้ามจากช่องเม็กไปยังปากเซ อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงข่าวโครงการ "เทศกาลท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาว รับตะวันก่อนใครในสยาม” ไม่ได้ไปช่องเม็กแต่อย่างใด เพราะ "นางสาวยุพา ปานรอด" ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี (ททท.สอบ.) ต้องการเน้นให้สื่อมวลชนหลายสิบชีวิตจากกรุงเทพและภูเก็ต ตื่นตาตื่นใจกับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองอุบลฯมากกว่า (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322368458l.jpg) การแถลงข่าวครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่ของจังหวัดทีเดียว เนื่องจากได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ “สุรพล สายพันธ์” มาเป็นประธาน ในส่วนผู้บริหารระดับสูงของททท.คือ คุณพัฒน์มาศ วงศ์พัฒนศิริ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมด้วยผู้บริหารของสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเพิ่งเปิดเที่ยวบินตรงจากภูเก็ตมายังอุบลฯ และเชียงใหม่-อุบลฯ เมื่อไม่นานมานี้ งานดังกล่าวจัดแถลงใน ป่าดงนาทามของอุทยานผาแต้ม ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ป่ากำลังออกดอกอวดสีสรรตระการตาไม่ว่า จะเป็นสีเหลือง สีม่วง สีขาว สีชมพูฯลฯ ขณะที่แดดยามบ่ายร้อนเปรี้ยง แต่บรรดานักข่าวช่างภาพต่างไม่หวั่นเพราะความสวยงามของทุ่งดอกไม้ป่าสารพัดสีเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้พวกเขาต้องรีบเร่งายให้ได้รูปเด็ดๆ ก่อนจะต้องไปยังจุดท่องเที่ยวอื่นๆที่ทางททท.อุบลฯจัดเตรียมไว้อีกหลายแห่ง (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367394l.jpg) สีสันทุ่งดอกไม้ป่า ผู้ว่าฯอุบลฯ บอกว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่มีกิจกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และมีชื่อเสียง คือ งานรับตะวันใหม่ก่อนครในสยาม บริเวณอุทยานผาแต้ม ซึ่งจะพบบรรยากาศของพิธีกรรมบนผาแต้ม พิธีต่อแสงตะวันในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 และมีการใส่บาตรพิธีพุทธ ในตอนเช้าของวันที่ 1 มกราคม 2554 เพื่อเป็นสิริมงคล ผู้ที่เดินทางเข้ามาในการส่งแสงตะวันจะได้รับใบประกาศนียบัตร เนื่องจากเป็นผู้ที่เห็นตะวันออกก่อนใครในประเทศไทย (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367263l.jpg) มีที่นั่งให้นักท่องเที่ยวชักรูปในฉากกับทุ่งดอกไม้ป่า นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกคือ งานไหลโคมล่องโขง ที่จะสร้างบรรยากาศโรแมนติกริมแม่น้ำโขง บริเวณอ.โขงเขียม มีกิจกรรมประดับโคมนักษัตร์ส่งท้ายปีเถาะ(กระต่าย) การลอยโคมสะเดาะเคราะห์ ลอยสิ่งไม่ดีที่จะผ่านไปในชีวิตไปกับสายน้ำ การประดับตกแต่งดวงไฟกลางแม่น้ำโขงเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเฉลิมฉลอง 100 ปี อ.โขงเจียม เรียกว่าใครมาเที่ยวงานปีใหม่ที่ว่านี้ไม่เสียเที่ยวเลยทีเดียว ได้แบบครบครันจริงๆ ใช่แต่เท่านั้นในถ้ามีเวลาอยู่หลายวัน ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากไว้ให้ผู้มาเยือนได้เลือกสัมผัสในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367305l.jpg) ดอกแก้มอ้น อย่างถ้าคนที่นิยมดอกไม้ ผอ.ยุพาแจงว่า ต้องไปดูไปชมทุ่งดอกไม้รับเสด็จ เหนือน้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเคยเสด็จมาทอดพระเนตรติดต่อกันหลายปี และถือว่าเป็นทุ่งดอกไม้ป่าผืนใหญ่สุดในประเทศไทย และถ้ามาอุทยานแห่งชาติผาแต้มนอกจากจะต้องไปดูภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์แล้วเก็ต้องไปพิชิตผาชะนะได อันเป็นจุดตะวันออกสุดสยาม ที่เส้นลองติจูด 105 องศา 37 ลิปดา 17 ฟิลิปดา ส่วนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆตามเส้นทางในฤดูกาลนี้ อาทิ เช่น วัดดอนธาตุ ,อ.โขงเจียม ,ล่องเรือสามพันโบก-บ้านผาชัน ,อุทยานแห่งชาติผาแต้ม, อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย, น้ำตกต่างๆ , รวมทั้งแหล่งโบราณคดี เช่นปราสาทบ้านเบ็ญ ,ปราสาททองหลาง หรือแหล่งผลิตสินค้าโอท็อป กลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม ก็ล้วนแล้วแต่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ และน่าสนใจเดินทางไปท่องเที่ยว ด้านคุณพัฒน์มาศย้ำว่า แหล่งท่องเที่ยวในภาคอีสานนั้นมีหลากหลายทั้งทางในเรื่องธรรมชาติ ประเพณีและวัฒนธรรมในรูปลักษณ์ของเอกลักษณ์ความเป็น”แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม” ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมายังดินแดนนี้จะได้รับทั้งความสุข ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ความสวยงาม และความมหัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367235l.jpg) น้ำตกรู ช่วง2 วันที่อยู่ในเมืองอุบลฯ ทางททท.อุบลฯพาไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกรูที่แม้วันนี้น้ำจะไหลไม่เยอะ แต่ก็เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าทึ่งจริงๆ ขณะที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ก็มีความสวยงามไปอีกแบบ สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่เหล่านักข่าวชื่นชอบก็คือ การล่องเรือในแม่น้ำโขงเพื่อไปชมความงามของสามพันโบก ซึ่งหลายคนเพิ่งมาเป็นครั้งแรกจึงตื่นเต้นกันใหญ่ เริ่มตั้งแต่จุดที่ต้องไปนั่งเรือหางยาวล้ำใหญ่ที่บ้านผาชัน ที่ชื่อก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว ทำให้เกิดอาการเสียววูบไปตามๆกัน ท่ามกลางแดดบ่ายที่ร้อนระอุ แถมยังต้องคอยจับหมวกให้ดีไม่งั้นปลิวไปตามแรงลมแน่ (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367202l.jpg) มุมหนึ่งของสามพันโบก ก่อนที่จะไปยังสามพันโบก อันเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขงหรือที่ได้ฉายาว่า “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย”นั้น คนขับเรือพาไปน้ำตกห้วยบอนของฝั่งลาว จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือมีสามสาย ตอนอยู่ที่ท่าเรือบ้านผาชันก็เห็นอยู่ลิบๆ พอมาดูใกล้ๆเป็นน้ำตกที่มีน้ำเยอะทีเดียวและไหลแรงมาก (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367451l.jpg) น้ำตกห้วยบอนของฝั่งลาว นั่งเรือมานานโขกว่าจะถึงสามพันโบก แต่พวกเราก็เพลินเพลินใจ เพราะริมฝั่งโขงสองข้างทางทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทยมีอะไรให้ดูเยอะแยะ อาทิ วิถีชีวิตของคนแถบนั้น ซึ่งบ้างก็จับปลาเป็นอาชีพเสริมนอกเหนือจากการทำเกษตร บ้างก็ทำเป็นอาชีพหลักเลยทีเดียว ที่เรียกว่า "สามพันโบก" เพราะที่นี่เต็มไปด้วยหลุมและแอ่ง คำว่า"โบก" เป็นภาษาลาว แปลว่า "แอ่ง" ว่ากันว่าถ้าจะให้เห็นชัดเจนต้องไปในช่วงหน้าแล้งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367280l.jpg) สระรูปอะไรเอ่ย …มิกกี้เมาส์ไงล่ะ สามพันโบกนั้นมีจุดน่าสนใจหลายอย่าง อาทิ สระมรกต สระมิกกี้เมาส์ และสระรูปหัวใจ ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างทึ่งในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ แถมผู้คนในบริเวณก็ยังผูกเรื่องราวเป็นนิยายปรัมปราเล่าให้ผู้มาเยือนได้รับรู้ไปด้วย ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่มีการใช้ทิวทัศน์ที่นี่เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ โฆษณา หรือถ่ายแบบนับไม่ถ้วน ถึงตอนนี้สามพันโบกเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอีกแห่งของเมืองอุบลฯไปแล้ว ใครไม่รู้จักถือว่าเชยสุดๆ (ขอบอกถ้าใครไม่ชอบปืนป่ายหรือไม่นิยมความสูงอาจจะไม่สนุกก็ได้นะ) (http://www.matichon.co.th/online/2011/11/13223664571322367482l.jpg) นี่แหละสระมรกต นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังมี "ถ้ำ" และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเช่นถ้ำนางเข็นฝ้าย, ถ้ำนางต่ำหูก, หาดหงษ์, หาดหินสี, หลักศิลาเลข, แก่งสองคอน, ภูเขาหิน และหาดแห่ แต่เสียดายเวลามีจำกัดจึงไม่ได้ไปที่ไหน แต่ดีที่ยังได้เห็นหาดสองสลึง นี่ถ้าช่วงปีใหม่พรรคพวกไม่มีใครชวนไปไหน บอกได้เลยว่าอยากไป”งานรับตะวันก่อนใครในสยาม”แน่ และอยากข้ามไปปากเซด้วย ไหนๆไปแล้วก็ต้องให้ได้เที่ยวสองประเทศจริงมั้ย….. ไม่อย่างนั้นถือว่าไม่คุ้มค่า ที่มา เรื่อง-ภาพ : ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322366457&grpid=&catid=09&subcatid=0901 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322366457&grpid=&catid=09&subcatid=0901) |