หัวข้อ: อยากทราบคำอธิบาย อวิชชา นี้หมายถึงอะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับ กรรมฐาน คะ เริ่มหัวข้อโดย: pinmanee ที่ ธันวาคม 05, 2011, 01:07:00 pm อยากทราบคำอธิบาย อวิชชา นี้หมายถึงอะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับ กรรมฐาน คะ
คือบางครั้งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะบางทีไปฟัง ครูอาจารย์ พูดให้ฟังว่า เธอถูก อวิชชา บังใจ อันนี้หมายถึงอย่างไร อวิชชา กับ กิเลส หรือ อกุศลมูล คือ อันเดียวกันหรือไม่คะ :c017: :25: หัวข้อ: Re: อยากทราบคำอธิบาย อวิชชา นี้หมายถึงอะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับ กรรมฐาน คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 05, 2011, 02:13:58 pm (http://www.watthongthua.com/file_media/file_image/pic/2010_08_25_000059_l0ics0up.jpg) อวิชชา ความไม่รู้จริง, ความหลงอันเป็นเหตุไม่รู้จริง มี ๔ คือความไม่รู้อริยสัจ ๔ แต่ละอย่าง (ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ทางให้ถึงความดับทุกข์), อวิชชา ๘ คือ อวิชชา ๔ นั้น และเพิ่ม ๕. ไม่รู้อดีต ๖. ไม่รู้อนาคต ๗. ไม่รู้ทั้งอดีตทั้งอนาคต ๘. ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท; (ข้อ ๑๐ ในสังโยชน์ ๑๐ ตามนัยพระอภิธรรม, ข้อ ๗ ในอนุสัย ๗) อวิชชา ๔ (ความไม่รู้แจ้ง, ไม่รู้จริง) ๑. ทุกฺเข อญฺาณํ (ไม่รู้ทุกข์) ๒. ทุกฺขสมุทเย อญฺาณํ (ไม่รู้ในทุกขสมุทัย) ๓. ทุกฺขนิโรเธ อญฺาณํ (ไม่รู้ในทุกขนิโรธ) ๔. ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อญฺาณํ (ไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา) กล่าวสั้นๆ คือ ไม่รู้ในอริยสัจ ๔ อวิชชา ๘ (ความไม่รู้แจ้ง, ไม่รู้จริง) ๔ ข้อแรกตรงกับอวิชชา ๔; ข้อ ๕ - ๘ ดังนี้ ๕. ปุพฺพนฺเต อญฺาณํ (ไม่รู้ในส่วนอดีต) ๖. อปรนฺเต อญฺาณํ (ไม่รู้ส่วนอนาคต) ๗. ปุพฺพนฺตาปรนฺเต อญฺาณํ (ไม่รู้ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต) ๘. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อญฺาณํ (ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันจึงเกิดมีขึ้นตามหลักอิทัปปัจจยตา) สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง คือ ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แก่ ๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต ๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ ๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง ๕ ได้แก่ ๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต ๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม ๘. มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่ ๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง; พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ข้อต้นได้, พระสกิทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางลงด้วย, พระอนาคามี ละสังโยชน์ ๕ ข้อต้นได้หมด, พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อ; ในพระอภิธรรมท่านแสดงสังโยชน์อีกหมวดหนึ่ง คือ ๑. กามราคะ ๒. ปฏิฆะ ๓. มานะ ๔. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ๕. วิจิกิจฉา ๖. สีลัพพตปรามาส ๗. ภวราคะ (ความติดใจในภพ) ๘. อิสสา (ความริษยา) ๙. มัจฉริยะ (ความตระหนี่) ๑๐. อวิชชา อนุสัย กิเลสที่แฝงตัวนอนเนื่องอยู่ในสันดาน มี ๗ คือ ๑. กามราคะ ความกำหนัดในกาม ๒. ปฏิฆะ ความหงุดหงิด ๓. ทิฏฐิ ความเห็นผิด ๔. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๕. มานะ ความถือตัว ๖. ภวราคะ ความกำหนดในภพ ๗. อวิชชา ความไม่รู้จริง (http://i170.photobucket.com/albums/u243/GUNDAM_MRK2_VCT/india/india048.jpg) อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ทำให้ไม่รู้ตามความเป็นจริง (ข้อ ๓ ในอาสวะ ๓, ข้อ ๔ ในอาสวะ ๔) อาสวะ กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ไหลซึมซ่านไปย้อมจิตเมื่อประสบอารมณ์ต่างๆ มี ๓ อย่าง คือ ๑. กามาสวะ อาสวะคือกาม ๒. ภวาสวะ อาสวะคือภพ ๓. อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา; อีกหมวดหนึ่งมี ๔ คือ ๑. กามาสวะ ๒. ภวาสวะ ๓. ทิฏฐาสวะ อาสวะคือทิฏฐิ ๔. อวิชชาสวะ; ในทางพระวินัยและความหมายสามัญ หมายถึง เมรัย เช่น ปุปฺผาสโว น้ำดองดอกไม้, ผลาสโว น้ำดองผลไม้ กิเลส สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง, ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์ อกุศลมูล รากเหง้าของอกุศล, ต้นเหตุของอกุศล, ต้นเหตุของความชั่ว มี ๓ อย่าง คือ โลภะ โทสะ โมหะ ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ขอบคุณภาพจาก http://www.watthongthua.com/,http://i170.photobucket.com/ (http://www.watthongthua.com/,http://i170.photobucket.com/) |