สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

         ลูกชาย ปุจฉา :  ผมและมารดาชอบไปใส่บาตรกับพระที่ปากซอยเข้าบ้าน คราวนี้มีปัญหา ๓ ข้อที่อยากถาม คือ

         ๑.พระที่ปากซอยจะยืนอยู่กับที่ ไม่เดินไปไหนเลย รับอาหารเสร็จก็ถ่ายอาหาร (ข้าวเเกงถุง) ออกจากบาตรมาเเขวนที่ริมรั้ว เเล้วก็ยืนต่อ ซึ่งไม่ใช่เเค่รูปเดียวเเต่มีถึง ๑๐ กว่ารูปที่ทำแบบนี้ การทำอย่างนี้ (ไม่เดินไปเรื่อยๆ) เป็นอาบัติหรือไม่ครับ

         ๒.การใส่บาตรที่พระ และผมยืน มีขี้สุนัขอยู่เต็มเพราะคนบางคนที่ชอบให้อาหารสุนัข ( บางทีเป็นเศษกระดูก ของเสีย) ให้มันกินทิ้งเรี่ยราดสกปรก แต่คนที่ให้อาหาร ไม่ยอมกวาดขี้+สิ่งสกปรก คราวนี้ผมเห็นมารดาจะถอดรองเท้าเพื่อใส่บาตร แต่ผมเองกลัวว่าเชื้อโรค พยาธิ เศษกระดูกจะทำอันตราย ถ้าผมไม่ถอดรองเท้าใส่บาตรจะผิดอะไรบ้างครับ

         ๓.คนที่ให้อาหารสุนัขเร่ร่อน เเต่ทำให้เกิดสิ่งสกปรก เเละอาจจะเพิ่มภาระให้พระด้วยจะได้บุญหรือไม่ครับ

         วิสัชนา :  ๑. ที่จริง ไม่มีวินัยหรือสิกขาบทกำหนดว่าพระต้องเดินบิณฑบาตไปเรื่อยๆ แต่ถือเป็นธรรมเนียมที่ควรเดินบิณฑบาตไปเรื่อยๆ ไม่ควรยืนอยู่กับที่ ยกเว้นว่าเพื่อสงเคราะห์ญาติโยม เช่น ปัจจุบันมีหลายแห่งที่ชาวบ้านไม่มีเวลาทำอาหารจึงนิยมไปซื้อที่ตลาด
         เมื่อซื้อแล้วก็ถือโอกาสใส่บาตรตรงนั้นเลย เพราะถ้ากลับไปใส่บาตรที่บ้านก็อาจจะสายไปแล้ว พระจึงโปรดญาติโยมที่นั่นด้วยการยืนรอ (หากไปตามบ้านอย่างแต่ก่อน ก็ไม่ได้อาหาร เพราะญาติโยมพากันไปที่ตลาดเพื่อซื้ออาหารตรงนั้น)
         สำหรับพระที่ยืนรอ ทั้งๆ ที่น่าจะเดินไปเรื่อยๆ เพราะมีญาติโยมรอใส่บาตรอยู่ตามทาง ไม่ถือว่าผิดวินัย แต่ไม่สมควร จัดว่าเป็นโลกวัชชะได้

         อย่างไรก็ตามมีสิกขาบทห้ามมิให้พระรับบิณฑบาตเกิน ๓ บาตร แต่ถ้าได้มาแล้วแบ่งให้พระรูปอื่นก็ไม่เป็นอาบัติ

         ๒.การไม่ถอดรองเท้าขณะใส่บาตรไม่ใช่เรื่องผิดบาป เป็นแต่ผิดธรรมเนียม (คนไทยถือว่าควรถอดรองเท้าใส่บาตร เป็นการแสดงความเคารพพระซึ่งถอดรองเท้า จะได้ไม่อยู่สูงกว่าท่าน) หากเป็นไปได้ควรเลี่ยงไปใส่บาตรในที่ที่ไม่สกปรกนัก

         ๓.การให้อาหารสุนัขเร่ร่อนเป็นเรื่องดี เป็นบุญ แต่การไม่เก็บกวาดเศษอาหาร กลายเป็นภาระแก่ผู้อื่น เป็นสิ่งที่ไม่ดี จะเรียกว่าไม่ใส่ใจหรือไม่รับผิดชอบก็ได้ แต่เนื่องจากไม่มีเจตนาจะรบกวนกลั่นแกล้งใคร หรือไม่รู้ว่ามันก่อปัญหาแก่ผู้อื่น จึงไม่ถือว่าเป็นบาป


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20120108/119666/ (http://www.komchadluek.net/detail/20120108/119666/)ปุจฉาวิสัชนา:ใส่บาตร.html

เคยพบเจอ แต่ก็คิดว่า พระแต่ละท่าน ก็มีความจำเป็นต่างกันไปคะ บางท่านก็ทำเป็นธุรกิจกับแม่ค้า บางท่านก็เป็นพระธุดงค์ ก็ยืนรออยู่เฉย ๆ แต่สำหรับเราก็พิจารณาบุญที่ได้ทำก่อนคะ

   คิดว่า ทำบุญกับพระสงฆ์ ก็ได้บุญคะ ส่วนท่านจะมีศีล หรือ ไม่มีศีล นั้นเป็นเรื่องของท่าน ศรัทธาที่เราทำลงไปนั้นย่อมสำเร็จผลตามนั้น แล้ว คะ

  (http://gotoknow.org/file/poolchalearn/%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3.gif)

เรื่องนี้พึงใช้สติปัญญา พิจารณา หลาย ๆ แง่ นะ บางครั้งต้องดูเหตุปัจจัย ด้วย อาตมาเป็นพระ มีประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ บางครั้ง ไม่ได้ฉันหลายวัน ( ประมาณ 3 วัน ) ก็เคยยืนนิ่ง ๆ หน้าบ้านโยมที่ดูว่าพอจะทำทานได้ จนกว่าโยมจะนิมนต์ไปข้างหน้า หรือ ยืนรอประมาณ 15 นาที พอแน่แก่ใจ ว่าโยมไม่ใส่แน่ ๆ ก็จะเดินต่อไป

  ดังนั้น หากจะให้ท่านทั้งหลาย พิจารณา ตามความเป็นจริง เป็นเรื่องยาก หรือใช้ดุลย์พินิจ ก็เป็นเรื่องยากดังนั้นต้อง พิจารณาเหตุปัจจัย ด้วยถึงจะกล่าวได้ว่าเท็จ หรือ จริง

  สรุป พึงใช้ปัญญา ใคร่ครวญให้ดี อย่าไปต่อเรื่องการหมิ่นพระสงฆ์ จงทิ้งไว้หากไม่ศรัทธาจะทำบุญ ก็ให้นำไปคิดเรื่องอื่น ๆ เพราะอย่างไรเสียการบิณฑบาค นั้นเป็นเรื่องจำเป็นของพระสงฆ์ไทย

   :08:

            ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าออกไปบิณฑบาต และได้ไปยืนรอหน้าบ้านพราหมณ์สามีภรรยาคู่หนึ่ง ถูกคนเป็นภรรยาไล่  พระองค์ก็ตรัสว่า "เราจะไม่ไปไหน" ท่านไม่ยอมไปไหนยืนอยู่อย่างงั้น จนคนเป็นสามีต้องออกมานิมนต์
          สุดท้ายพระองค์ก็เทศน์จนทั้งสองบรรลุอานาคามี

    สนใจเรื่องนี้ เชิญคลิกลิงค์นี้ครับ
    ขนาดพระพุทธเจ้า ยังเสวยของเหลือเดน แล้วเราล่ะ??
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3299.new#new (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3299.new#new)

อ่านแล้ว เป็นบทความแก้ นะคะ ถึงแม้จะบอกว่า มามองตนเถอะแต่ มุมมองของ คนที่ไม่สันถัดในศาสนา ก็มักจะนำเป็นจุดโจมตี พระพุทธศาสนาได้คะซึ่งก็ใช้ได้ผลดีซะด้วยที่ทำงานนั้น ปกติกับเรื่องพระนั้นไม่ค่อยชอบกันอยู่แล้ว หาก มีเรื่องทางเสียหาย จะกระพือ โหมคุยกันอย่างสนุกปาก เป็นเพราะพวกเราอาจจะขาดการชี้แจงใหักับคนข้างเคียงกันด้วย

 :49: