สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ มกราคม 12, 2012, 04:54:47 pm



หัวข้อ: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มกราคม 12, 2012, 04:54:47 pm

"เท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ
อุปาทานล้วน ๆ
สิ่งที่เห็นไม่ใช่ สิ่งที่ใช่
สิ่งที่รู้ ไม่ใช่ิสิ่งที่เป็น
แ่ก่นธรรม อยู่ที่ใจ
ศรัทธา เป็นกำลัง
เป้าหมายเป็นความเพียร
นิโรธ มีได้เป็นได้ เพราะรู้เห็นตามความเป็นจริง
"

คำอธิบาย ใครอธิบาย ก็เชิญก่อนนะจ๊ะ

เจริญธรรม


 ;)
(http://www.madchima.net/images/240_nungprok_9.jpg)


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มกราคม 12, 2012, 06:34:16 pm
เพิ่มงานตีความ ปริศนา เคล็ดกรรมฐาน

 :s_hi:


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: modtanoy ที่ มกราคม 13, 2012, 10:39:26 am
อ่านแล้ว ไม่เหมือน เคล็ดกรรมฐาน เลย เหมือนเสียงบ่น มากกว่า นะ คะ

อ่านแล้ว ก็ยังงง เลยนะคะ

  :58:


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มกราคม 13, 2012, 11:19:12 am
"เท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ
อุปาทานล้วน ๆ
สิ่งที่เห็นไม่ใช่ สิ่งที่ใช่
สิ่งที่รู้ ไม่ใช่ิสิ่งที่เป็น
แ่ก่นธรรม อยู่ที่ใจ"

อย่าพินิจอ่านเขียนเพียรแต่ปรุง
พร่ำซ่านฟุ้งวิปัสสนาพาลเขลา
พล่ามตำรายื้อครูบาขรัวเรา
เป็นเยื่องเต่ากระดองหงายอายตน.

                                                                                                                        ธรรมธวัช.!


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มกราคม 13, 2012, 11:43:20 am
"ศรัทธา เป็นกำลัง
เป้าหมายเป็นความเพียร
นิโรธ มีได้เป็นได้ เพราะรู้เห็นตามความเป็นจริง"


แก่นธรรมแท้ แน่ที่ ใจหยั่งฐาน
เชื่อประสาน เป็นหนึ่ง เอกเจตน์ตรง
เพียรคืบตาม ลำดับ มิเขลาหลง
รู้แจ้งปลง นิ่งจริง นี้สายกลาง.

                                                                                                                     ธรรมธวัช.!


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: keyspirit ที่ มกราคม 18, 2012, 03:15:19 pm
พระพุทธเจ้าสอนในเบื้องต้นให้ระงับนิวรณ์
เมื่อนิวรณ์ดับ ปัญญาก็เกิดได้ ปัญญาที่เกิดก็ทำให้เราละกิเลสได้
ใครที่หมั่นทำให้ปัญญาเกิดได้ต่อเนื่อง ก็ละกิเลสได้ยิ่งๆขึ้นไป ที่สุดก็จะละสักกายทิฏฐิได้ถึงระดับที่เห็นแจ้งว่า ขันธ์ห้าไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในมัน มันไม่มีในเรา ซึ่งเป็นอารมณ์พระอรหันต์

แต่ภาคปฏิบัติคือ ทำอย่างไรให้ระงับนิวรณ์ได้ก่อน
ถ้ายังระงับนิวรณ์ได้ไม่ไดี ก็ป่วยการไปพูดปัญญาที่จะมองเห็นได้ชัดว่า ขันธ์ห้าไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในมัน มันไม่มีในเรา ซึ่งเป็นอารมณ์พระอรหันต์ นักปฏิบัติต้องฉลาดที่จะรู้กาละเทศะ ว่าตนเองมีกำลังยังเท่ามด อย่าริไปแบกช้าง จึงควรเอาดีเรื่องการระงับนิวรณ์ให้ได้อย่างคล่องตัวก่อน

แต่ละคนก็มีอุบายธรรมที่เหมาะกับตนเองในการระงับนิวรณ์
การสวดมนต์เป็นวิธีหนึ่งที่ดีในการระงับนิวรณ์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบการสวดมนต์
เป็นการปฏิบัติชอบแล้วตามหลักอิทธิบาทสี่ของพระพุทธเจ้าคือ
เริ่มจากการใช้อุบายธรรมในการระงับนิวรณ์ที่ตนชอบ คือเริ่มจากฉันทะ
วิริยะ จิตตะ วิมังสา จึงจะตามมาได้ นิวรณ์จึงดับได้ง่าย ปัญญาจึงเกิดได้ง่าย

ด้วยเหตุนี้ ถ้าคนที่ชอบสวดมนต์ไม่ดำเนินความเพียรในการสวดมนต์
โอกาสเกิดปัญญาจึงมีน้อย จึงไม่สามารถแก้ปัญหาใจของเค้าได้
"ทำอย่างไร จิตใจของเราจึงจะไม่มีทุกข์?" จึงไม่สามารถปฏิบัติได้ผล ด้วยเหตุดังนี้แล

จากคุณ    : แมวเปอร์เซีย


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: VongoleX ที่ มกราคม 19, 2012, 04:26:52 pm
"เท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ
อุปาทานล้วน ๆ
สิ่งที่เห็นไม่ใช่ สิ่งที่ใช่
สิ่งที่รู้ ไม่ใช่ิสิ่งที่เป็น
แก่นธรรม อยู่ที่ใจ
ศรัทธา เป็นกำลัง
เป้าหมายเป็นความเพียร
นิโรธ มีได้เป็นได้ เพราะรู้เห็นตามความเป็นจริง
"
เท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ

    น่าจะหมายถึง ความรู้ที่ผิด ไม่เป็นทางสายกลาง ไม่เป็นตามมรรค ความเห็นส่วนนี้เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ เมื่อใดผู้ใด มีความเห็นผิด เท็จก็จะเป็นจริง   จริง ก็จะกลายเป็นเท็จ เพราะปลูกฝัง อุปาทาน ( ความยึดมั่น ถือมั่น 4 ประการ  ) ไว้อย่างเหนียวแน่น

    เพราะอาศัย อุทาทาน เรียนผิดจึง มีอุปาทานในกรรมฐาน ผิดทาง มีภาพลักษณะ ตามจินตนาการทำให้สภาวะธรรม แท้ ๆไม่ปรากฏ 

     สิ่งทีเห็นไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ เพราะเห็นเป็นอาการประการต่าง ๆ จึงขาดปัญญา จึงเห็นว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นสิ่งที่ใช่
 
     อ่านแล้ว รู้สึกมีความนัย ซับซ้อน อยู่หลายส่วนครับ เอาเป็นว่า ลองพิจารณาดูเป็นบางส่วนแล้วครับ

   :08:


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มกราคม 22, 2012, 07:36:53 am
เท็จ เป็นจริง  จริง เป็น เท็จ

การยึดมั่นถือมั่น ในสังสารวัฏนั้น มีโลกธรรม เป็นเหตุ แท้ที่จริงก็เป็นเพียงสิ่งลวงการติตสิ่งลวง ด้วยการมองเห็นสิ่งลวงนั้นเป็น สิ่งจริง  และทำการหลอกตัวเอง อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันลวงกันตั้งแต่ เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ัยังมองไม่เห็นว่าลวง ถึงแม้เห็นจริง ว่า มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันทุกวัน ก็ยังมองเรื่องจริงเป็นเรื่องเท็จ

   พระพุทธเจ้า พระองค์ ทรงตรัสสอนให้เรารู้จักความจริงกันเสียก่อน เพราะเมื่อเราเห็นตามความเป็นจริงเราถึงจะพ้นจาก สังสารวัฏได้

   ครั้งที่พระองค์ทรงประกาศธรรมครั้งแรกก็ทรงนำความจริงมาเปิดเผย 4 ประการ

   คือ ความจริงแห่งทุกข์ ความจริงของเหตุแห่งทุกข์ ความจริงเมื่อทุกข์ิสิ้นไป ความจริงที่เป็นทางไปสู่ความสิ้นไปแห่งทุกข์

   ดังนั้น ผู้คนที่ยังชอบ วัฏฏสงสารนี้ ก็ย่อมจะเห็น เท็จเป็นจริง และ จริงเป็นเท็จ

เจริญธรรม


 ;)


หัวข้อ: Re: เคล็ดกรรมฐานวันนี้ "เท้จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ อุปาทานล้วน ๆ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ สิงหาคม 15, 2012, 02:56:11 pm
แนะนำให้อ่านจ๊ะ