สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: วรรณา ที่ มกราคม 13, 2012, 09:57:00 am



หัวข้อ: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: วรรณา ที่ มกราคม 13, 2012, 09:57:00 am
ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
  เพราะเห็นแต่ละคนที่เกิดขึ้นมาก็ยินดี ต่อการเกิด ทำไมจึงกล่าวว่าการเกิดเป็นทุกข์คะ พอดีที่บ้านมีญาติ เกิดขึ้นมา ทุกคนก็ยินดี จัดงานฉลองต้อนรับ ก็ยังพิจารณาไม่เห็น ว่าการเกิดเป็นทุกข์อย่างไร

 และถ้าการเกิดเป็นทุกข์ แล้วทำไม คนถึงอยากเกิดกันอีกคะ 
  ( ส่วนตัวก็ยังอยากเกิดอีก คะ )

 :s_hi: :58: :c017:

 (http://www.siambig.com/shop/photo_product/PUTTARAKNURSINGHOME91282.jpg)


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: นิรมิต ที่ มกราคม 13, 2012, 11:32:49 am
ความทุกข์ของพ่อแม่ 3 ประการ
ทุกข์ประการที่ ๑  เมื่อคุณแม่แต่งงานแล้วไม่มีลูก  ท่านก็เป็นทุกข์  แต่ท่านก็เป็นทุกข์ได้ไม่นานก็หายทุกข์   เพราะสามารถที่จะไปขอลูกคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมแทนได้   ก็หายทุกข์ไป   

ทุกข์ประการที่ ๒  คุณแม่ทุกข์ เพราะลูกตายจาก   แต่ท่านก็เป็นทุกข์ได้ไม่นานก็หายทุกข์  เพราะท่านสามารถที่จะมีลูกคนใหม่ได้   มาแทนที่ได้ก็หายทุกข์ไป 

แต่ทุกข์ประการที่  ๓  นี่ซิลูกเอย  คุณแม่ทุกข์เพราะลูกเป็นคนชั่ว   เป็นคนไม่ดี  เป็นคนเกเร  เป็นคนติดยาเสพติด   เอาแต่ใจตนเอง  ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่  เป็นคนดื้อด้าน ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ  หนีโรงเรียน  เอาความรู้   ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียนมา   มาโกหกหลอกลวงพ่อกับแม่   เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น


อยากให้พิจารณา ความทุกข์ ส่วนนี้ให้ดี นะครับ


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: nithi ที่ มกราคม 13, 2012, 11:49:48 am
ลองไปเกิดเป็น เด็กชาวเขา ไม่มีสัญฃาติ หรือ เกิดที่ประเทศที่มีการสู้รบ อดอยาก ยากแค้น สิ จะเห็นทันทีว่า ความเกิดก็เป็นทุกข์

  ความเกิดเป็นทุกข์ มี อยู่ 2 นัยยะ คือ
    การเกิดขึ้นมาเป็นภพเป็นชาติ ก็เป็นทุกข์ เพราะเกิดมาก็มี สิ่งที่รอเรียกว่่า ความตะเกียกตะกาย ตามโลกธรรม

   การเกิดขึ้นของกิเลสในสภาวะนั้น ก็เป็นทุกข์ มีความโศรก ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจเป็นต้น

   :34: :bedtime2:


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 13, 2012, 02:43:44 pm

(http://www.matichon.co.th/online/2009/04/12398745861239874643l.jpg)

ทุกข์
       1. สภาพที่ทนอยู่ได้ยาก, สภาพที่คงทนอยู่ไม่ได้ เพราะถูกบีบคั้นด้วยความเกิดขึ้นและความดับสลาย เนื่องจากต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ไม่ขึ้นต่อตัวมันเอง
           (ข้อ ๒ ในไตรลักษณ์)
       2. อาการแห่งทุกข์ที่ปรากฎขึ้นหรืออาจปรากฎขึ้นได้แก่คน
           (ได้ในคำว่า ทุกขสัจจะ หรือ ทุกขอริยสัจจ์ ซึ่งเป็นข้อที่ ๑ ในอริยสัจจ์ ๔)
       3. สภาพที่ทนได้ยาก, ความรู้สึกไม่สบาย ได้แก่ ทุกขเวทนา,
           ถ้ามาคู่กับโทมนัส (ในเวทนา ๕) ทุกข์ หมายถึงความไม่สบายกาย คือทุกข์กาย (โทมนัสคือไม่สบายใจ)
           แต่ถ้ามาลำพัง (ในเวทนา ๓) ทุกข์ หมายถึงความไม่สบายกายไม่สบายใจ คือทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ

นิพัทธทุกข์ ทุกข์เนืองนิตย์, ทุกข์ประจำ, ทุกข์เป็นเจ้าเรือน
       ได้แก่ หนาวร้อน หิวกระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ

ปกิณณกทุกข์ ทุกข์เบ็ดเตล็ด, ทุกข์เรี่ยราย,
       ทุกข์จร ได้แก่ โศก ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส

พาหิรทุกข์ ทุกข์ภายนอก

วิปากทุกข์ ทุกข์ที่เป็นผลของกรรมชั่ว เช่น ถูกลงอาชญาได้รับความทุกข์หรือตกอบาย หรือเกิดวิปฏิสารคือเดือดร้อนใจ


(http://news.nipa.co.th/image/manager/img500/1790_552000003325301.JPEG)

วิวาทมูลกทุกข์ ทุกข์มีวิวาทเป็นมูล, ทุกข์เกิดเพราะการทะเลาะกันเป็นเหตุ

สงสารทุกข์ ทุกข์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด

สภาวทุกข์ ทุกข์ที่เป็นเองตามคติแห่งธรรมดา
       ได้แก่ ทุกข์ประจำสังขาร คือ ชาติ ชรา มรณะ

สหคตทุกข์ ทุกข์ไปด้วยกัน, ทุกข์กำกับ ได้แก่ทุกข์ที่พ่วงมาด้วยกับผลอันไพบูลย์ มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นต้น แต่ละอย่างย่อมพัวพันด้วยทุกข์

สังขารทุกข์ ทุกข์เพราะเป็นสังขาร คือเพราะเป็นสภาพอันถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น จึงต้องผันแปรไปตามเหตุปัจจัย เป็นสภาพอันปัจจัยบีบคั้นขัดแย้ง คงทนอยู่มิได้

สันตาปทุกข์ ทุกข์ คือความร้อนรุ่ม,
       ทุกข์ร้อน ได้แก่ความกระวนกระวายใจ เพราะถูกไฟกิเลส คือราคะ โทสะ และโมหะแผดเผา

อาหารปริเยฏฐิทุกข์ ทุกข์เกี่ยวกับการแสวงหาอาหาร, ทุกข์ในการหากิน
       ได้แก่ อาชีวทุกข์ คือ ทุกข์เนื่องด้วยการเลี้ยงชีพ



ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ขอบคุณภาพจาก http://www.matichon.co.th/,http://news.nipa.co.th/ (http://www.matichon.co.th/,http://news.nipa.co.th/)


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 13, 2012, 02:54:17 pm


(http://gotoknow.org/file/patimmananya/DSC00839.jpg)

พุทธสุภาษิต
ทุกขวรรค  คือ หมวดทุกข์

ทุกข์เสมอด้วยขันธ์  ไม่มี.

สังขาร  เป็นทุกข์อย่างยิ่ง.

เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี  นำทุกข์มาให้.

ความจนเป็นทุกข์ในโลก.

การกู้หนี้  เป็นทุกข์ในโลก.

คนไม่มีที่พึ่ง  อยู่เป็นทุกข์.

ผู้แพ้  ย่อมอยู่เป็นทุกข์.

ทุกข์  ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล.

(http://nep.go.th/upload/modWhatsnew/small_tn-111-325.jpg)

ที่มา http://dhammasound.multiply.com/journal/item/10 (http://dhammasound.multiply.com/journal/item/10)
ขอบคุณภาพจาก http://gotoknow.org/} (http://gotoknow.org/})http://picdb.thaimisc.com


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 13, 2012, 03:14:05 pm
(http://nkgen.com/buddha-patitja1.gif)

ปฏิจจสมุปบาท สภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น, การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา มีองค์คือหัวข้อ ๑๒ ดังนี้

     ๑. (และ ๒.)อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เพราะอวิชชา เป็นปัจจัย สังขารจึงมี
     ๓. สงฺขาราปจฺจยา วิญฺาณํ เพราะสังขาร เป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
     ๔. วิญฺาณปจฺจยา นามรูปํ เพราะวิญญาณ เป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
     ๕. นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ เพราะนามรูป เป็นปัจจัย สฬายตนจึงมี
     ๖. สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส เพราะสฬายตนะ เป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
     ๗. ผสฺสปจฺจยา เวทนา เพราะผัสสะ เป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
     ๘. เวทนาปจฺจยา ตณฺหา เพราะเวทนา เป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
     ๙. ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ เพราะตัณหา เป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
     ๑๐. อุปาทานปจฺจยา ภโว เพราะอุปาทาน เป็นปัจจัย ภพจึงมี
     ๑๑ ภวปจฺจยา ชาติ เพราะภพ เป็นปัจจัย ชาติจึงมี
     ๑๒. ชาติปจฺจยา ชรามรณํ เพราะชาติ เป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
     
     โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ
     โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส จึงมีพร้อม

     เอวเมตตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ
     ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีด้วยประการฉะนี้



ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ขอบคุณภาพจาก http://nkgen.com/ (http://nkgen.com/)


    สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในสังสารวัฏนี้ คือ อวิชชา (ความไม่รู้)
    คนที่ไม่รู้ว่า "การเกิดเป็นทุกข์" คนนั้นเป็นผู้ยังไม่เห็นภัยของการเวียนว่ายตามเกิดในสังสารวัฏนี้
    อย่างไรก็ตาม ผู้แทงทะลุอวิชชาได้ มีเพียงคนเดียวครับ คนนั้นคือ "อรหันตผล"

     :49:


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: เสริมสุข ที่ มกราคม 13, 2012, 04:56:28 pm
ถ้าอ่านจากความหมาย ผู้ถามต้องการถามว่า การเกิดทำไมเป็นทุกข์ แต่ประเด็นการแก่เป็นทุกข์ การเจ็บเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์ นั้นมิได้ถาม ก็น่าจะถามเฉพาะเรื่องการเกิดเป็นทุกข์ คงไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตเป็นทุกข์ ถ้าจะตอบให้เคลียร์ ก็น่าจะมีอยู่ 2 ประการคือ
1.การเกิดด้วยภพชาติ ก็เป็นทุกข์ เพราะเมื่อเกิดมาแล้ว วิบาก็คือ ความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย และความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำรงชีพ นี้ด้วย
2.การเกิดด้วยสภาวะกิเลส เกิดดับเอาวงเล็กก็น่าจะพอสำหรับบุคคลทั่วไปคือ เมื่อ กิเลสเกิด กรรมก็เกิด วิบากก็เกิด เหนี่ยวนำเป็นทุกข์ หมุนเวียนเปลี่ยนไป จนกว่าจะดับต้นตอของทุกข์ดับ คือ กิเลส


หัวข้อ: Re: ทำไม จึงบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: keyspirit ที่ มกราคม 14, 2012, 09:59:03 pm
อ่านแล้วทำให้เห็นภาพความทุกข์มากขึ้นมากทุกที
อะไรกันหนอที่ทำให้คน เป็นทุกข์กันได้ ก็เริ่มมาจากความเกิด แก่ เจ็บ และตาย
เพราะถ้าไม่มีเกิด ก็ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ และ ไม่มีตาย
  พิจารณาให้ดี จะมองเห็นธรรมกันมากขึ้นนะครับ

   :25: :13:


หัวข้อ: อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 15, 2012, 12:30:57 pm
(http://trang82.files.wordpress.com/2010/09/post-15-1091432119.jpg)

ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนา

     [๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ

            ความเกิดก็เป็นทุกข์
            ความแก่ก็เป็นทุกข์
            ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์
            ความตายก็เป็นทุกข์

            ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
            ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์
            ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
     
            โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์


อ้างอิง
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค  ภาค ๑
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ บรรทัดที่ ๓๕๙ - ๓๘๕. หน้าที่ ๑๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_page/?book=4&page=16&pages=1&pagebreak=1 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_page/?book=4&page=16&pages=1&pagebreak=1)
ขอบคุณภาพจาก http://trang82.files.wordpress.com/ (http://trang82.files.wordpress.com/)