หัวข้อ: "พุทธคยาอินเดีย" จะเป็นศูนย์กลางชาวพุทธในอนาคต เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 26, 2012, 11:16:18 am "พุทธคยาอินเดีย" จะเป็นศูนย์กลางชาวพุทธในอนาคต คณะกรรมการจัดสาธยายพระไตรปิฎกประจำปี ที่พุทธคยา คณะกรรมการจัดสาธยายพระไตรปิฎกประจำปี ที่พุทธคยา ตั้งเป้าหมายให้พุทธคยาเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธต้องเดินทางมาทำการสักการะบูชาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพราะเท่าที่จัดผ่านมาแล้ว 7 ครั้ง ประสบความสำเร็จด้วยดี มีชาวพุทธ 10 ประเทศที่เข้าร่วมสาธยายพระไตรปิฎกติดต่อกันทุกปี ดร.พระมหาฉลอง จันทสิริ หรือพระครูสิทธิปริยัติวิเทศ วัดไทยพุทธคยา ในฐานะรองประธานองค์กรสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ International Tipitaka Chanting Council (ITCC) ซึ่งเป็นองค์กรที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลอินเดียเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา บอกว่า เมื่อเป็นองค์กรที่จดทะเบียนถูกต้องแล้ว ต้องหาวิธีขับเคลื่อนคำสอนของพระพุทธเจ้าให้กระจายไปทุกมุมโลกต่อไป (http://www.posttoday.com/media/content/2012/01/22/879DB964F98C4562B1BE16A45B2A3D0D.jpg) เมื่อพูดถึงการสาธยายพระไตรปิฎก ครั้งที่ 7 ที่พุทธคยา เมื่อวันที่ 2-12 ธ.ค. 2554 พูดได้ว่าประสบความสำเร็จ เพราะมีปัญหาน้อยมาก ทั้งนี้โดยไม่ได้คำนึงถึงจำนวนของผู้เข้าร่วมประชุมมาเป็นตัวกำหนด การสาธยายพระไตรปิฎกจัดขึ้นที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ มีประเทศต่างๆ ร่วมสาธยายพระไตรปิฎกถึง 10 ประเทศ บรรยากาศในการสาธยายในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายที่ผู้เขียนเข้าไปร่วมด้วย พบว่าเต็มไปด้วยกระแสธรรมและสีสันแห่งบุญ ได้ยินเสียงสาธยายพระไตรปิฎกจากสคาถวรรค นิทานวรรค แห่งสังยุตนิกาย ที่ตั้งอยู่บนตั่งเล็กๆ ในเต็นท์ดังเป็นจังหวะสอดคล้องกัน ทั้งพระสงฆ์ อุบาสกและอุบาสิกา ก่อให้เกิดศรัทธาปสาทะ จิตใจเฟื่องฟูด้วยปีติ กิจกรรมพิเศษนี้เกิดใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้สถาปนาพุทธศาสนาตรัสรู้เมื่อ 2,600 ปีมาแล้ว การตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ วันมหามงคลสมัยวิสาขบุรณมีดิถีเพ็ญพระจันทร์เสวยวิสาขฤกษ์ พระมหาบุรุษเสด็จนั่งเหนือบัลลังก์ที่ปูลาดด้วยหญ้าคาที่โสตถิยพราหมณ์ถวาย พร้อมตั้งปณิธานว่า พระองค์จักไม่ทำลายบัลลังก์ ตราบใดที่ยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ แม้เนื้อเลือดในสรีระจะเหือดแห้งเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตาม (http://www.posttoday.com/media/content/2012/01/22/DA079CD41AB0455FAF0D013B62F1774C.jpg) เมื่อเกิดปรากฏการณ์ดังนั้น บรรดาพญามารและเสนามารออกมาผจญ เพราะเกรงว่าพระโพธิสัตว์จักหลุดพ้นจากอำนาจ แต่พระองค์ก็เอาชนะได้ ประกอบกับแม่พระธรณีออกมาหลั่งน้ำจากมวยผมขับไล่พญามารและเสนามารให้เตลิดไป เมื่อพระองค์มีจิตเป็นสมาธิ ในปฐมยามจึงได้บรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุทิพยจักษุญาณและปัจฉิมยาม ทรงได้บรรลุอาสวักขยญาณ ทรงแจ้งในอริยสัจ 4 ทั้งสัจญาณ กิจญาณ และกตญาณ ญาณทั้ง 3 นี้เป็นธรรมวิเศษ บริสุทธิ์จากอาสวกิเลส จึงได้พระนามว่า อรหํ และการที่ตรัสรู้อริยสัจ โดยลำพังเช่นนี้ จึงได้พระนามว่า สัมมาสัมพุทโธ การได้วิชา 3 ประการนั้น จิตพ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ ชาติ (การเกิด) ไม่มีแล้ว พรหมจรรย์จบสมบูรณ์แล้ว กรณียะทำเสร็จ กิจอื่นอันจะต้องทำเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว หลังจากตรัสรู้แล้ว ประทับที่ใต้ต้นโพธิ์นี้ต่ออีก เพื่อทรงพิจารณาสภาวธรรม พิจารณาปัจยาการ หรือปฏิจจสมุปบาท ทบทวนเป็นอนุโลม ปฏิโลม และได้บทสรุปของการเกิด สาเหตุของการเกิด แนวทางดับทุกข์และการดับทุกข์ และจากนั้นทรงเสวยวิมุตติสุขรอบๆ โพธิมณฑลเป็นเวลา 49 วัน ที่ปรากฏร่องรอยที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุข 49 วัน ได้แก่ โพธิมณฑล อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ อชปาลนิโครธ สระมุจลินทร์ และต้นราชายตนะ ทั้งหมดนั้นอยู่บริเวณพระศรีมหาโพธิ์นั่นเอง ดร.พระมหาฉลอง ที่เป็นแกนหลักในการจัดสาธยายพระไตรปิฎก ได้กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าไว้ว่าอยากให้พี่น้องชาวพุทธทั่วโลกเข้าใจภาษาบาลีในเบื้องต้น หากไม่เข้าใจ แต่อ่านจากอักษรโรมัน เพื่อจะดึงเข้ามาศึกษาภาษาบาลีในภายหลัง เมื่อเข้าใจและได้ศึกษาภาษาบาลีจะช่วยการฟื้นฟูพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าให้กลับคืนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อไปจะมีฆราวาสศึกษาบาลี นอกเหนือจากพระภิกษุสามเณรที่ศึกษาเป็นหลักในปัจจุบัน (http://www.posttoday.com/media/content/2012/01/22/60C2F73FCEB74DDAA998C8FD1E03CBBE.jpg) ภาษาบาลีจะเป็นกุญแจให้ไปศึกษาพระไตรปิฎกเพื่อที่จะได้รักษาพุทธพจน์ของพระองค์ให้ได้มากที่สุดในอนาคต นอกจากฟื้นฟูภาษาบาลีแล้ว ยังเป็นการสร้างความสมานสามัคคีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ประเทศชาวพุทธทั่วโลก ว่าเรามีพ่อองค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า เมื่อมาพบกัน จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างสามัคคีระหว่างชาวพุทธในประเทศที่นับถือพุทธ ด้วยเหตุผลนี้จึงใช้สถานที่ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ คือใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา เป็นสถานที่สาธยายพระไตรปิฎก เพื่อจะได้เป็นศูนย์กลางเพื่อการพบปะกันปีละครั้งต่อไป ท่านมองไปในอนาคตว่า เมื่อชาวพุทธภาคเอกชนแต่ละประเทศมาร่วมประชุมกันแล้ว ก็หวังว่าต่อไปจะเป็นภาครัฐบาลจะเข้ามาในงานสาธยายนี้ ซึ่งจะทำให้องค์กรในประเทศที่นับถือพุทธทั้งหลายเข้มแข็งอย่างแน่นอน ความพยายามตอนนี้คือ ทำพุทธคยาให้เป็นศูนย์กลางแสวงบุญของชาวพุทธ ถึงเวลานั้น พุทธศาสนาจะไปในทิศทางเดียวกันเช่นที่ศาสนาอื่นมีศูนย์กลางของตนฉะนั้น เมื่อชาวพุทธเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว จากนั้นจะเป็นการขยายผลทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมต่อไปข้างหน้า อาจถึงขั้นว่าการเมืองจะต้องมีทิศทางเดียวกัน เศรษฐกิจก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ต่อรองกับประเทศอื่นได้ เช่น ประเทศชาวพุทธผลิตข้าวได้มาก อาจใช้ข้าวต่อรองกับน้ำมันดังนี้ เป็นต้น จากนั้นอาจใช้ Currency เหมือนกันทุกประเทศเป็น Currency ของชาวพุทธ เป็นอัตราแลกเปลี่ยนของชาวพุทธทั่วโลก ทั้งหมดนี้เพื่อดึงชาวพุทธทั่วโลกมาเป็นหนึ่งเดียวกัน (http://www.posttoday.com/media/content/2012/01/22/10205366A77B4B0C85B4785936B8789E.jpg) ประเทศที่เข้าร่วมสาธยายพระไตรปิฎก ที่สนับสนุนโดย Mrs.Wangmo Dixey of Light of Buddhadharma Foundation ประกอบด้วย ไทย พม่า สปป.ลาว อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ กัมพูชา เวียดนาม ศรีลังกา และทิเบต (รวบรวมใน International ) ในวันปิดประชุมวันที่ 12 ธ.ค.นั้น พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 4567 (ธ.) เป็นประธาน ในตอนค่ำ พระธรรมโมลี (ทองอยู่) วัดศาลาลอย เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ พูดเรื่องปฏิจจสมุปบาทในรายการ ธรรม ทอล์ก ซึ่งแต่ละท่านให้สติปัญญาและความรู้ทางพระพุทธศาสนาในหลากหลายมิติ รวมทั้งพระสังฆนายกจากประเทศบังกลาเทศด้วย ขอให้พระธรรมคำสอนแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าจงรุ่งเรือง สร้างสันติให้แก่มนุษยโลกอย่างยั่งยืนตลอดไป ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก พุทธคยาอินเดียจะเป็นศูนย์กลางชาวพุทธในอนาคต - โพสต์ทูเดย์ ข่าวธรรมะ-จิตใจ http://board.palungjit.com/f36/ (http://board.palungjit.com/f36/)พุทธคยาอินเดียจะเป็นศูนย์กลางชาวพุทธในอนาคต-323164.html http://www.posttoday.com/ (http://www.posttoday.com/) หัวข้อ: Re: "พุทธคยาอินเดีย" จะเป็นศูนย์กลางชาวพุทธในอนาคต เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ มกราคม 26, 2012, 11:24:50 am :25: :25: :25: อนุโมทนา สาธุ
|