สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:20:41 pm



หัวข้อ: เสียงตัดพ้อจากก้นบึ้ง...จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:20:41 pm
     
(http://www.numtan.com/story_2/picupreply/28-5-1057499492.jpg)

เสียงตัดพ้อจากก้นบึ้ง...จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค

     ในครั้งพุทธกาล พระเถระรูปหนึ่งชื่อ ตาลปุฏะ หลังจากบวชแล้วออกไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่า ท่านใช้เวลาบำเพ็ญอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผลตามที่ประสงค์ จึงค้นสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ในที่สุดก็พบว่าเป็นเพราะจิตของท่านนั่นเอง

     ครั้นแล้วท่านจึงได้เปล่งอุทานเป็นเชิงตัดพ้อต่อว่าจิต คำตัดพ้อของท่านเปิดเผยให้เราได้รู้ถึงความเป็นจริง ของจิตปุถุชนอีกลักษณะหนึ่ง ดังนี้


     "ดูก่อนจิต เจ้าได้อ้อนวอนเราเป็นเวลาหลายปีแล้วว่า ท่านไม่สมควรอยู่ครองเรือนเลยบัดนี้ เราได้บวชตามประสงค์ (ของเจ้า) แล้ว เหตุไฉนเจ้าจึงได้ละทิ้งสมถวิปัสสนา มัวแแต่เกียจคร้านอยู่เล่า ?

     ดูก่อนจิต เจ้าได้ออดอ้อนเรามาแล้วมิใช่หรือว่า ฝูงนกยูงมีขนปีกอันแพรวพราว และเสียงกึกก้องแห่งธารน้ำตกตามซอกเขา จักทำท่านผู้เพ่งฌานอยู่ในป่าให้เพลิดเพลิน เราเองก็ยอมเสียสละญาติและมิตรที่รักใคร่ในตระกูล สลัดความยินดีในการเล่นและกามคุณในโลกจนหมดแล้ว จึงเข้ามาบวชอยู่ในป่านี้

     ดูก่อนจิต ส่วนเจ้าซิ ช่างไม่ยินดีต่อเราผู้ทำตาม (ความยินดีของเจ้า) เอาเสียเลย เมื่อเราพิจารณาเห็นว่า จิตนี้เป็นของเรา ไม่ใช่ของผู้อื่น จะมีประโยชน์อะไรด้วยการร้องไห้ร่ำพิไรในเวลาทำสงครามกับกิเลสมาร
     เพราะจิตทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติหวั่นไหว จึงยอมออกบวชแสวงหาทางอันไม่ตาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นจอมท้าวสักกเทวราช เป็นจอมสารถีฝึกนระ ตรัสสุภาษิตนี้ไว้ว่า

    จิตนี้กวัดแกว่งเช่นวานร ห้ามได้แสนยากเพราะยังไม่ปราศจากความกำหนัด ปุถุชนผู้ไม่รู้เท่าทัน พัวพันอยู่ ในกามอันล้วนแต่ของงดงามมีรสอร่อยน่ารื่นรมย์ใจ เขาเหล่านั้นเป็นผู้แสวงหาภพใหม่ กระทำแต่สิ่งไร้ประโยชน์ ชื่อว่าประสงค์ทุกข์ย่อมถูกจิตนำไปสู่นรกโดยแท้

    ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า ท่านจงไปอยู่ท่ามกลางเสียงร่ำร้องแห่งนกยูง และนกกระเรียน จงไปอยู่ท่ามกลางเสือเหลือง และเสือโคร่งในป่าเถิด ท่านจงสละความห่วงใยในร่างกายอย่ามีความอาลัยเลย

    ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า จงอุตส่าห์ เจริญฌาน อินทรีย์ พละ โพชฌงค์และสมาธิภาวนา จะได้บรรลุวิชชา ๓ ในพระพุทธศาสนา

    ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า จงเจริญอัฏฐังคิกมรรค เพื่อบรรลุนิพพาน อันเป็นทางนำสัตว์ออกไปจากโลก นำไปให้ถึงความสิ้นทุกข์ทั้งปวง เป็นเครื่องชำระล้างกิเลสทั้งปวง


(http://pongcp.files.wordpress.com/2010/08/bigbanginmindmy3.jpg)

   ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า จงพิจารณาเบญจขันธ์ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นของว่างเปล่า หาตัวตนไม่ได้ เป็นของวิบัติ และเป็นเพชฌฆาต

    ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า จงปลงผมและหนวด แล้วถือเอาเพศสมณะมีรูปลักษณะอันแปลกประหลาดเถิด ต้องถูกเขาสาปแช่ง ถือเอาบาตรเที่ยวขอทานตามตระกูล จงประคับประคองตนอยู่ในคำสอนของพระบรมศาสดา ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่เถิด

    ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า จงสำรวมระวังเมื่อเวลาเที่ยวไปบิณฑบาตตามระหว่างตรอก จงอย่าปล่อยใจให้เกี่ยวข้องในตระกูลและกามารมณ์ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญทอแสดงเด่นเฉิดฉายไร้เมฆเถิด

    ดูก่อนจิต แต่ก่อนเจ้าเคยแนะนำเราไว้ว่า จงยินดีในธุดงค์คุณทั้ง ๕ ถืออยู่ป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาต เป็นวัตร ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร ถือนุ่งห่มผ้าบังสกุลเป็นวัตร ตลอดกาลทุกเมื่อเถิด บุคคลผู้ต้องการผลไม้ ปลูกต้นไม้ไว้แล้วเก็บผล ไม่ได้ ก็ประสงคจะโค่นต้นไม้นั้นเสีย ฉันใด

    ดูกรจิต ผู้ใดหวั่นไหวในความไม่เที่ยง เจ้าจงทำเราผู้นั้นให้เป็นเหมือนกับบุคคลผู้ปลูกต้นไม้นั้นเถิด

    ดูก่อนจิต เจ้าผู้ไม่มีรูปท่องไปได้ไกล เที่ยวไปแต่ผู้เดียว บัดนี้เราจักไม่ทำตามคำของเจ้าแล้ว เพราะว่ากามล้วนเป็นทุกข์ มีผลเผ็ดร้อน เป็นภัยใหญ่หลวง เราจักส่งใจมุ่งนิพพานเท่านั้น เราไม่ได้ออกบวชเพราะหมดบุญ เพราะไม่มีความละอาย เพราะเหตุแห่งการทำผิดต่อชาติบ้านเมือง หรือเพราะเหตุแห่งอาชีพ

    ดูก่อนจิต เจ้าได้รับรองกับเราไว้มิใช่หรือว่า จักอยู่ในอำนาจเรา

   ดูก่อนจิต เจ้าได้แนะนำเราไว้ในครั้งนั้นว่า ความเป็นผู้มักน้อย การละความลบหลู่คุณท่าน และความสงบระงับทุกข์ สัตบุรุษสรรเสริญ แต่บัดนี้เจ้ากลับมีความมักมาก เราไม่อาจกลับไปสู่ตัณหา ราคะ ความรัก ความชัง รูปอันสวยงาม สุขเวทนา และเบญจกามคุณอันเป็นของชอบใจที่เราคายเสียแล้ว

    ดูก่อนจิต เราได้ยอมปฏิบัติตามถ้อยคำของเจ้ามาหลายภพหลายชาติแล้ว เราไม่ได้แข็งข้อต่อเจ้าหลายชาติมาแล้ว เจ้าก็ช่างมีกตัญญูเสียจริง จึงปรากฏมีอัตภาพนี้ขึ้นอีก เจ้าทำให้เราต้องท่องเที่ยวไปในกองทุกข์มาช้านานแล้ว


(http://www.goodsoil.com/images/hundred-images/full/a457b6c82bf51fd3e303e40c0b253554.jpg)

    ดูก่อนจิต เจ้าทำให้เราเป็นพราหมณ์ เป็นพระราชา มหากษัตริย์มากแล้ว เพราะอำนาจแห่งเจ้าบางคราว เราจึงเกิดเป็นแพศย์ เป็นศูทร์ เป็นเทพเจ้าเพราะอำนาจแห่งเจ้า บางคราวเราจึงเกิดเป็นสัตว์นรก บางคราวเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางคราวเป็นเปรต
 
    เจ้าได้ทำร้ายเรามานับครั้งไม่ถ้วนมิใช่หรือ บัดนี้เราจักไม่ยอมให้เจ้าทำเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแม้เพียงครู่เดียว เจ้าได้ล่อลวงเราเหมือนกับคนบ้า ได้ทำความผิดแก่เรามาแล้วมิใช่หรือ
    จิตนี้แต่ก่อนเคยเที่ยวไปในอารมณ์ต่าง ๆ ตามความประสงค์ ตามความใคร่สบาย วันนี้เราจักข่มจิตนั้นไว้ โดยอุบายอันชอบ ดังนายหัตถาจารย์ข่มช้างตกมันไว้ด้วยขอฉะนั้น พระศาสดาของเราได้ทรงเห็นโลกนี้เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่เป็นแก่นสาร

    ดูก่อนจิต เจ้าจงพาเราบ่ายหน้าไปในศาสนาของพระชินสีห์ จงพาเราข้ามจากห้วงใหญ่ที่ข้ามได้แสนยากเถิด

    ดูก่อนจิต เรือนคืออัตตภาพของเจ้านี้ ไม่เป็นเหมือนกาลก่อนเสียแล้ว เพราะเราจักไม่เป็นไปตามอำนาจของเจ้าอีกต่อไป เราได้บวชในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาประโยชน์อันยิ่งใหญ่แล้ว
    ภูเขา มหาสมุทร แม่น้ำคงคา แผ่นดิน ทิศใหญ่ ๔ ทิศน้อย ๔ ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และภพ ล้วนเป็นสภาพไม่เที่ยง มีแต่ถูกเบียดเบียนอยู่เสมอ ดูก่อนจิต เจ้าจะไป ณ ที่ไหนเล่าจึงจะมีความสุขรื่นรมย์

    ดูก่อนจิต เมื่อเรามั่นคงแล้ว เจ้าจักทำอะไรแก่เราได้ เราไม่เป็นไปตามอำนาจของเจ้าแล้ว
    เจ้าจงไปสู่เรือนคือถ้ำ ที่มีเงื้อมภูเขาอันสวยงามตามธรรมชาติ เป็นที่อาศัยอยู่แห่งสัตว์ป่า คือหมูและกวาง และอยู่ในป่าที่ฝนตกใหม่ๆ เถิด จักได้ความรื่นรมย์ใจ ณ ที่นั้นฝูงนกยูงมีขนคอสีเขียว มีหงอนและปีกงามรำแพนหางมีแวววิจิตร ส่งสำเนียงก้องกังวานไพเราะจับใจ จักทำเจ้าผู้บำเพ็ญฌานอยู่ในป่าให้ร่าเริงได้

    เมื่อฝนตกแล้วหญ้างอกประมาณ ๔ นิ้ว ท้องฟ้างามแจ่มใสไม่มีเมฆปกคลุม เมื่อเจ้าทำตนให้เสมอด้วยไม้แล้วนอนอยู่เหนือหญ้าระหว่างภูเขานั้น จะรู้สึกอ่อนนุ่มดังสำลี เราจักทำตัวให้เหมือนผู้ใหญ่ จะยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้บุคคลผู้ไม่เกียจคร้านย่อมทำจิตของตนให้เหมาะแก่การงานฉันใด เราจักทำจิตฉันนั้น
   เราจักเป็นเหมือนผู้ใหญ่ ยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ จักใช้ความเพียรนำเจ้าไปสู่อำนาจของเรา เหมือนนายหัสดาจารย์ผู้ฉลาด ใช้ตาขอนำช้างที่ตกมันไปสู่อำนาจของตน

   เราย่อมสามารถที่จะดำเนินตามหนทางอันเกษมสุข ซึ่งเป็นหนทางอันบุคคลผู้รักษาจิตได้ดำเนินมาแล้ว ทุกสมัยด้วยหัวใจอันเที่ยงตรงที่ฝึกฝนดีแล้ว เปรียบเหมือนนายอัศวาจารย์ สามารถจะดำเนินไปตามภูมิสถานที่ปลอดภัย ด้วยม้าที่ฝึกดีแล้ว

(http://lh5.ggpht.com/_7nCdfCV-TPM/S44uexxD_QI/AAAAAAAAAMM/eoKg1COOxUs/IMG_2511.jpg)

    เราจักผูกจิตไว้ในอารมณ์ คือ กรรมฐานด้วยกำลังภาวนา
    เหมือนนายหัสดาจารย์มัดช้างไว้ที่เสาตลุงด้วยเชือกเหนียว
    จิตที่คุ้มครองดีแล้ว อบรมดีแล้วด้วยสติ จักเป็นจิตที่ตัณหาไม่เกี่ยวเกาะ
    เจ้าจงตัดทางดำเนินที่ผิดเสียด้วยปัญญา
    ข่มใจให้ดำเนินไปในทางที่ถูกด้วยความเพียร
    ได้เห็นแจ้งทั้งความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป
    แล้วจักได้เป็นทายาทของพระพุทธเจ้าผู้แสดงธรรมอันประเสริฐ


    ดูก่อนจิต เจ้าได้นำเราให้เป็นไปตามอำนาจของความเข้าใจผิด ๔ ประการ เหมือนบุคคลจูงเด็กชาวบ้านวิ่งวนไป ฉะนั้น เจ้าควรคบหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตัดเครื่องเกาะเกี่ยวและเครื่องผูกเสียได้ ผู้เพียบพร้อมด้วยพระมหากรุณาเป็นจอมปราชญ์

     มฤคชาติเข้าไปยังภูเขาอันน่ารื่นรมย์ดารดาษด้วย น้ำและดอกไม้ เที่ยวไปในป่าอันงามตามลำพัง ฉันใด ดูก่อนจิต เจ้าก็จักรื่นรมย์อยู่ในภูเขาที่ไม่เกลื่อนกล่อนด้วยผู้คนตามลำพังใจ ฉันนั้น เมื่อเจ้าไม่ยินดีอยู่ที่ภูเขานั้น เจ้าจักต้องเสื่อมโดยไม่ต้องสงสัย

    ดูก่อนจิต หญิงชายที่ประพฤติตามความพอใจตามอำนาจของเจ้า เสวยความสุขที่อาศัยเบญจกามคุณ ล้วนได้ชื่อว่าเป็นผู้โง่เขลาตกอยู่ในอำนาจของมาร เพลิดเพลินอยู่ในภพน้อยใหญ่ และได้ชื่อว่าเป็นสาวกของเจ้า

_________________________
ที่มา  ขุ.เถร. ๒๖/๓๙๙/๔๑๓-๔๒๕

(http://www.seesod.com/storage34/dkvY92sus51275369914/o.jpg)

      คำตัดพ้อของพระเถระเท่าที่ยกมานี้ นอกจากจะทำให้เราเห็นว่าจิตของปุถุชนนั้นกลับกลอกไปมาอยู่ตลอดเวลา ด้วยแรงหลอกล่อของกิเลสแล้ว ยังทำให้เราเข้าใจอีกว่า

      สุขทุกข์ทั้งมวลที่เราได้รับ เกิดมาแต่จิตเป็นผู้สร้างเป็นผู้กำหนด ตลอดถึงการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏที่ผ่านมาผ่านไปอย่างไม่มีจุดจบนั้น ทั้งหมดมีสาเหตุจากจิตทั้งสิ้น เพราะเหตุนี้เองกระมัง พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้อีกตอนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของจิตว่า

     "โลกอันจิตนำไปอยู่ เป็นไปตามจิต สิ่งทั้งปวงตกอยู่ในอำนาจแห่งธรรมอันเดียว คือ จิต"

__________________
ที่มา  สํ.ส ๑๕/๑๘๑/๕๔

ที่มา  http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=41137 (http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=41137)
ขอบคุณภาพจาก http://www.numtan.com/,http://www.goodsoil.com/,http://lh5.ggpht.com/,http://www.seesod.com/,http://pongcp.files.wordpress.com/ (http://www.numtan.com/,http://www.goodsoil.com/,http://lh5.ggpht.com/,http://www.seesod.com/,http://pongcp.files.wordpress.com/)


หัวข้อ: Re: เสียงตัดพ้อจากก้นบึ้ง...จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 01:08:14 pm

(http://file.siam2web.com/sawannirandr/2009313_30874.jpg)
ภาพจาก http://file.siam2web.com/ (http://file.siam2web.com/)


"จิตส่งออกนอกคือสมุทัย มีผลเป็นทุกข์ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค มีผลเป็นนิโรธ"
อริยสัจแห่งจิต (หลวงปู่ดูลย์ อตุลโล)

    "พระตาลปุฏเถระ" ท่านนี้ เดิมท่านเป็นนักฟ้อนมาก่อน มีความเชื่อว่า การฟ้อนจะทำให้ขีึ้นสวรรค์ได้ และได้นำความเชื่อนี้มาถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าปฏิเสธที่จะตอบถึงสามครั้ง แต่ในครั้งที่สี่ พระพุทธเจ้าก็บอกความจริงแล้วการฟ้อนเป็นการยั่วราคา ตายแล้วจะตกนรก
     สุดท้ายท่านได้ขอบวช และบำเพ็ญเพียรจนบรรลุอรหันต์ในที่สุด

     เรื่อง "พระตาลปุฏเถระ" มีอยู่ใน
     อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ปัญญาสนิบาต ตาลปุฏเถรคาถา
     http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26.0&i=399&p=1 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26.0&i=399&p=1)


    อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
    ตาลปุฏเถรคาถา คาถาสุภาษิตของพระตาลปุฏเถระ
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=8303&Z=8477 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=8303&Z=8477)

:25: :25: :25:


    กระทู้แนะนำให้อ่าน
    อนาคตของ “อาชีพเต้นกินรำกิน” เป็นเช่นไร
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3096.msg24573;topicseen#msg24573 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3096.msg24573;topicseen#msg24573)