สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2012, 01:31:37 pm



หัวข้อ: วิธีแก้กรรมแบบพระพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2012, 01:31:37 pm


[๒๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ กรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ กรรมดำมีวิบากดำก็มี กรรมขาวมีวิบากขาวก็มี กรรมทั้งดำทั้งขาวมีวิบากทั้งดำทั้งขาวก็มีกรรมไม่ดำไม่ขาวมีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมก็มี ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมดำมีวิบากดำเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขารอันมีความเบียดเบียน ย่อมปรุงแต่งวจีสังขารอันมีความเบียดเบียน ย่อมปรุงแต่งมโสังขารอันมีความเบียดเบียน ครั้นแล้วย่อมเข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียน ผัสสะอันมีความเบียดเบียนย่อมถูกต้องบุคคลนั้น ผู้เข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียน เขาอันผัสสะที่มีความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาที่มีความเบียดเบียน เป็นทุกข์โดยส่วนเดียว เปรียบเหมือนสัตว์นรก นี้เราเรียกว่ากรรมดำมีวิบากดำ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมขาวมีวิบากขาวเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขารอันไม่มีความเบียดเบียน ครั้นแล้วย่อมเข้าถึงโลกที่ไม่มีความเบียดเบียน ผัสสะอันไม่มีความเบียดเบียนย่อมถูกต้องบุคคลนั้น ผู้เข้าถึงโลกที่ไม่มีความเบียดเบียน เขาอันผัสสะที่ไม่มีความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาอันไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุขโดยส่วนเดียว เปรียบเหมือนเทพชั้นสุภกิณหะ นี้เราเรียกว่ากรรมขาวมีวิบากขาว ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมทั้งดำทั้งขาวมีวิบากทั้งดำทั้งขาวเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขารอันมีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ครั้นแล้วย่อมเข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ผัสสะอันมีความเบียดเบียนบ้างไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องบุคคลนั้น ผู้เข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง เขาอันผัสสะที่มีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้างถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาอันมีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง มีทั้งสุขและทั้งทุกข์ระคนกัน เปรียบเหมือนมนุษย์ เทพบางพวก และวินิปาติกสัตว์บางพวก นี้เราเรียกว่ากรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะสัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี้เราเรียกว่ากรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้แล เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ ฯ

วิธีแก้กรรม แบบ พระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าเรียกว่า การก้าวล่วงบาปกรรม ซึ่งเป็นการขจัดมลทินแห่งอกุศลออกจากจิตเสีย เมื่อจิตไม่มีอกุศลจิตแล้ว จิตนั้นก็ชื่อว่า พ้นจากบาปกรรม หากยังคงรับผลร้ายอยู่บ้าง ก็จักเป็นเพียงเศษกรรมเก่า พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า:

" กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด "


ในโลกมนุษย์ เพราะว่าคุณได้สำนึกผิดอย่างเด็ดขาดไปแล้ว วิบากกรรมที่จะส่งผลถึงคุณนั้นจะเบาบางลง แม้เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้ให้อภัย ส่วนในปรโลก วิบากกรรมนั้นจะกลายเป็นเศษกรรมไป เนื่องจาก กรรมดำที่มีวิบากดำ ได้เปลี่ยนเป็นกรรมขาว และถ้าเวลามีพอ คือไม่ใช่ไปทำการก้าวล่วงบาปกรรมก่อนตาย กรรมขาวนั้นก็จะให้วิบากขาวด้วย

จากหนังสือธรรมชาติของสรรพสิ่ง หน้า 230 ให้ตัวอย่างไว้ชัดเจนมาก

นายดำเคยประทุษร้ายบุคคนผู้ไม่ผิดมาแต่กาลก่อน บัดนี้กรรมนั้นทำให้นายดำโดนประทุษร้ายโดยไม่มีความผิด นายดำสามารถเลือกตอบสนองได้ 3 วีธี คือ

1. เฉย ยอมรับวิบากกรรมอันนั้น ถือว่ากรรมสิ้นสุดลง
2. ประทุษร้ายตอบ เท่ากับพอรับผลกรรมดำแล้ว ก็สร้างกรรมดำขึ้นมาใหม่ ในภายภาคหน้าก็จะโดนประทุษร้ายอีก
3. อภัย และแผ่เมตตา เทากับรับวิบากกรรมดำเก่าแล้ว ก็สร้างวิบากกรรมขาวขึ้นมาแทน ในกาลต่อไป ศตรูนั้นก็จะกลายเป็นมิตร หรือได้รับวิบากกรรมขาวแทน


ดูตัวอย่างพระเทวทัต

ถ้าพระเทวทัตไม่ได้ทำอนันตริยกรรมหลายอย่าง ซึ่งทำให้วิบากกรรมดำแห่งอนันตริยกรรมหลายอย่างส่งผลถึงท่าน ทำให้ท่านทำการก้าวล่วงบาปกรรมไม่ทันเวลา พอสำนึกบาปได้ ก็ได้เฉพาะในกรณีที่ทำกับพระพุทธเจ้าเท่านั้น ส่วนกรณีอื่นทำการการก้าวล่วงบาปกรรมไม่ทัน เนื่องจากโดนธรณีสูบไปก่อน

อย่างไรก็ดี เนื่องเพราะว่า พระเทวทัตทำการก้าวล่วงบาปกรรมในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าทันเวลา กรรมดำของท่านในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ได้เปลี่ยนเป็นกรรมขาวแล้ว ด้วยเหตุนี้ วิบากกรรมดำที่ทำให้พระเทวทัตตกนรกอเวจี อาจจะเป็นวิบากกรรมดำจากอนันตริยกรรมอย่างอื่น(ทำสังฆเภท)ก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าคงไม่ให้พุทธทำนายว่า ในอนาคตพระเทวทัตจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า


ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php? (http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?)


หัวข้อ: Re: วิธีแก้กรรมแบบพระพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2012, 01:35:44 pm
เห็นปฏิจจสมุปบาท คือฉลาดในเรื่องกรรม

บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะชาติ (กำเนิด) ก็หามิได้; จะมิใช่พราหมณ์เพราะชาติก็หามิได้:
บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะกรรม; ไม่เป็นพราหมณ์ก็เพราะกรรม.
บุคคลเป็นชาวนา ก็เพราะกรรม; เป็นศิลปิน ก็เพราะกรรม,
บุคคลเป็นพ่อค้า ก็เพราะกรรม; เป็นคนรับใช้ ก็เพราะกรรม,
บุคคลแม้เป็นโจร ก็เพราะกรรม; เป็นนักรบ ก็เพราะกรรม,
บุคคลเป็นปุโรหิต ก็เพราะกรรม; แม้เป็นพระราชา ก็เพราะกรรม,
บัณฑิตทั้งหลายย่อมเห็นซึ่งกรรมนั้น ตามที่เป็นจริงอย่างนี้
ชื่อว่าเป็นผู้เห็นซึ่งปฏิจจสมุปบาท เป็นผู้ฉลาดในเรื่องวิบากแห่งกรรม.โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม หมู่สัตว์ ย่อมเป็นไปตามกรรม
สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นเครื่องรึงรัด เหมือนลิ่มสลักขันยึดรถที่กำลังแล่นไปอยู่.
เพราะการบำเพ็ญตบะ การประพฤติพรหมจรรย์ การสำรวม และเพราะการฝึกตน; นั่นแหละ บุคคลจึงเป็นพราหมณ ์ นั่นแหละ ความเป็นพราหมณ ์ชั้นสูงสุด;
บุคคลผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชา ๓ เป็นผู้รำ งับแล้ว มีภพใหม่สิ้นแล้ว มีอยู่;
ดูก่อนวาเสฏฐะ! ท่านจงรู้บุคคลอย่างนี้ ว่าเป็นพรหม เป็นสักกะ ของท่านผู้รู้


วาเสฏฐสูตร มหาวรรค สุ.ขุ. ๒๕/๔๕๗/๓๘๒, ตรัสแก่วาเสฏฐมาณพ ซึ่งมีภารทวาชมาณพฟังอยู่ด้วยที่อิจฉานังคละไพรสณฑ์.