สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

http://www.youtube.com/watch?v=Oh0GP4fsFII# (http://www.youtube.com/watch?v=Oh0GP4fsFII#)




        เพื่อนๆครับ อยากให้ช่วยแสดงความคิดเห็นกันหน่อย แบบไม่ซีเรียส ขอให้ถือว่าคุยกันเล่นๆสนุกๆ ขำขำ อะไรประมาณนี้ ใครจะฟังคลิปหรือไม่ฟังอย่างไร..ก็ตามอัธยาศัย
     คิดอย่างไรก็ตามนั้นเลย เชิญเลยครับ..:49: :c017:
   

 :73:

กรรม เราเป็นผู้กำหนด ธรรมะจัดสรร ถ้าพูดโดยรวม ในความหมายของ กฏแห่งธรรม

   ธรรมะ ก็หมายความว่า กุศลธรรม อกุศลธรรม อัพพยากตธรรม ถ้าตามพระอภิธรรม ไม่มีสิ่งใดพ้นจากธรรม
 แต่ มีสิ่งหนึ่งที่ ธรรมะจัดสรรให้ไม่ได้ อุปนิสัยกรรม ธรรมะเข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้ ต้องเป็นจิตของ ผู้นั้นเองเป็นผู้กำหนด ในสภาพแวดล้อมต่างๆ
 
          พระพุทธเจ้า พระองค์ ตรัสว่า เรากล่าวว่า เจตนาเป็นตัวกรรม ไม่ใช่ ใครมาเป็นผู้บันดาล การที่เราตกอับ ยากจน หรือ ต้องมีชีวิตสั้น หรือยาว ก็เป็นเพราะกรรมที่เราได้กระทำไว้ในกาลก่อน ครับ ไม่ใช่ ธรรมเป็นผู้จัดสรรครับ เพราะพระธรรมไม่มีอำนาจหน้าที่ส่วนนั้น

       สำหรับ การบรรยาย ของนายดังตฤณ นั้น ส่วนตัวนั้นเฉย ๆ เพราะเชื่อว่าชาวกรรมฐาน ส่วนใหญ่ ไม่สนใจเท่าไรครับ ผมเคยได้อ่านหนังสือ ของเขาหลายเล่มในเมื่อก่อน ไม่ว่า จะเป็น 7 เดือนบรรลุธรรม ก็อ้างอิงไปที่ มหาสติปัฏฐาน ซึ่งมองโดยภาพรวมสมัยนี้ ชอบกับธรรมะที่ง่าย ๆ นะครับ ฟังดูง่าย และคิดว่าง่าย อันแท้ที่จริงการบรรลุธรรม ต้องมีบารมี

     กรณีของศรัทธา ก็เช่นเดียวกัน ดูง่าย ๆ นะครับ เหมือนคนที่ต้องการพบพระอาจารย์ จริง ๆ ถ้าเรา ธรรมะจัดสรรก็อาจจะต้องรอไปเรื่อย ๆ แบบหาวันไม่ได้ แต่ถ้าเรามีเจตนาพบจริง ๆ ผมเชื่อว่าต้องได้พบครับ เพราะเจตนานั้นเป็นตัวบอกกรรม
 
    หรือล่าสุด ที่มีสมาชิกธรรม ประกาศยกเลิก ทีมนำภาพออก ก็เป็นที่เจตนาต้องการ ด้วยเจตนามีความพยายามอย่างนั้น จึงได้ทำสำเร็จ

    ดังนั้น ธรรมะจัดสรร ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราทำกรรมไว้ ตามเจตนามากน้อย หนัก ตามสภาพครับ

    ธรรมะ มีเพียงแต่กฏ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ

    คุยเป็นเพื่อน กับ จขกท. เพียงเท่านี้นะครับ

  (http://www.buriramguide.com/_files/news/2010_07_23_000945_oarb3743.jpg)


:s_hi:

เห็นด้วยครับ ธรรมะจัดสรร นั้นถ้าจะกล่าวรวม คือ อำนาจของธรรม คือ เหตุ และ ผล

  หลวงพ่อ พุทธทาส ให้ความหมายของพระธรรม 4 ความหมายคือ
 
   1. ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
                 
          คือ ทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูป หรือ นาม ล้วนเป็นธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
   
  2. ธรรม คือ กฏของธรรมชาติ

         คือ กฏที่ไม่เปลี่ยนแปลง คงความเป็นอยู่อย่างนั้น คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

  3. ธรรม คือ หน้าที่
 
         เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดลง ไป ทุกสรรพสิ่งต้องมีหน้าที่ ไม่ว่า จะดี หรือ ชั่ว เป็น กลาง ก็ต้องมี หน้าที่

  4.ธรรม คือ ชีวิต หนทางสู่ ความพ้นจากทุกข์

         จำกัดความ ลงไปคือ มรรค


   ดังนั้นถ้ากล่าว ว่า ธรรมะจัดสรร อันนี้เป็นคำพูดที่ผิดอยู่ เพราะ หน้าที่ของธรรมะเป็นอย่างนั้น

    ส่วน คนเราเกิดมาพิการ ยาก ดี มีจน ตายช้า ตายเร็ว อายุยืน ต่าง ๆ นี้ ธรรมะมิได้จัดสรร หากเกิดแต่วิบาก ที่มีผลมากจากกระทำของตนเอง เป็นผู้ได้สร้างไว้

     หากาจะถามว่า เราทำไมจึงจน ให้ย้อนกลับไปดูอดีต ว่าอะไรเป็นเหตุให้จน เป็นต้น

     ดังนั้น ธรรมะไม่ได้เป็นผู้จัดสรร ความเป็นความตาย ต่าง ๆ ให้กับคน หากแต่คนผู้นั้น เป็นผู้จัดสรร ตนเองด้วย กรรมของตนเอง


     เห็นด้วย กับคุณ เท่ากับผลรวม ครับ

   (http://board.goosiam.com/imgupload/ans561617.jpg)