หัวข้อ: ความรัก เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 16, 2010, 11:45:09 am ความรัก (http://www.thainn.com/memberpost/upload/202.jpg) รักคืออะไร ? รักคือความสดชื่น สดใส รักคือความสุขใจ รักคือความเข้าใจ รักคือความห่วงใย รักคือความปรารถนา รักคือการได้เป็น เจ้าของ ได้ครอบครอง รักคือความหวงแหน รักคือความหวาดระแวง รักคือการแย่งชิง รักคือความแตกร้าว นี้หรือคือความรัก ? (http://healthy.in.th/files/201006/cat13.jpg) เมื่อมีรักก็น่าจะมีสุข แต่ทำไมถึงมีทุกข์ด้วย? ทำไมมีรัก แล้วจึงมีทุกข์ ? เพราะเมื่อรักใคร แล้ว ก็คิดอยากจะได้เขามาทำให้ตัวเป็นสุข คิดจะเอาจากผู้อื่น ทำให้เกิดปัญหาตามมาคือ ความหึงหวง ถือเอาว่าเป็นของตัว ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ความรักอย่างนี้เรียกว่า "ความรักแบบเห็นแก่ตัว " แล้วรักอย่างไรจึงจะ มีความสุข ? ก็รักแบบที่อยากเห็นคนที่เรารักนั้นมีความสุข เมื่อเห็นเขามีความสุข เราก็เป็นสุขด้วย ความรักอย่างนี้ เรียกว่า "ความรักแบบเมตตา" ก็ยังอยากจะได้เขามา ทำให้เรามีความสุขอยู่ แล้วจะทำอย่างไรดี จึงจะมีรักแท้ได้ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ที่เราทุกคนยังมีความรักแบบเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเรามีแต่ความรักแบบนั้น ก็ต้องเจอกับความร้าวฉาน และนั่นย่อมเป็นทุกข์แน่ๆ เพราะฉะนั้น เราต้องนำความรักแบบเมตตาเข้ามาเสริม เพื่อให้ความรักของเราประณีตงดงามยิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถเปลี่ยนความรักแบบเห็นแก่ตัวให้เป็นความรักแบบเมตตาได้ มากเท่าไหร่ เราก็จะมีควาสุขกับความรักที่แท้ได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น ถึงตอนนี้....ลองถาม ตวเองดูซิว่า ถ้าคนที่เรารักไม่สามารถตอบสนองความสุขให้เราได้แล้วละก็ เราจะยังรักเขาอยู่หรือเปล่า ? (สาระจาก ความรักจากวาเลนไทน์ สู่ควมเป็นไทย โดย พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต)) ความสัมพันธ์หญิงชาย ในสังคมวันนี้ สังคมของเรากำลังชัก จูงหญิงชายให้มองกันเป็น "วัตถุเสพ" หรือ "วัตถุสนองความสุข" ดังจะพบเห็นในสื่อทั่วไป จึงเกิดปัญหาอาชญากรรมและความชั่วร้ายมากมาย จนสังคมไทยทำท่าจะไปไม่รอด เราจะปล่อยให้เป็น เช่นนั้นหรือ? วัฒนธรรมไทย สอนให้ทุกคนมองกันเป็นญาติพี่น้อง ในความเป็นพี่น้องนี้ไม่มีหญิงมีชาย มีแต่ความรักแบบเมตตาต่อกัน ถ้าทำได้อย่างนี้ ความสงบร่มเย็นก็จะดำรงอยู่ในสังคมไทยตลอดไป ที่ว่านี้จะเป็นจริง ได้หรือไม่? ....ขึ้นอยู่กับคุณ ที่มา http://www.tangboon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=281586 (http://www.tangboon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=281586) หัวข้อ: Re: ความรัก เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มิถุนายน 21, 2010, 05:01:49 am
(http://www.madchima.org/forum/index.php?action=dlattach;topic=682.0;attach=355;image) :015:ความรัก...! ที่ยกอ้างมาล้วนถูกหมด และรู้สึกน่ากลัวที่ค่านิยมในความรักแปรเปลี่ยนไปในวันนี้ ผม เองนั้นมีมุมมองความรักอย่างเสียสละ และเจียมตนเสมอ ด้วยชะตาคงบำเพ็ญมามากพอใจรู้สึกอยากจะเจริญ ตามรอยบาทเยื่องอย่างผู้บำเพ็ญพรตมากกว่า เพื่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพื่อเพื่อนๆสหายธรรม และเพื่อโลก ใจ ผมใฝ่เป็นพระโพธิสัตว์ ด้วยจิตปรารถนาไว้อย่างนั้น...ครับ :015:ความรักวันนี้หายไป...คุณค่าแห่งความซื่อ ความสัตย์ ในชายหญิงถูกลบเลือน เรากำลังตกอยู่ในสังคมที่ เสนอสนองกันด้วยกาม (วัตถุบริโภคนิยม) กันอย่างเมามัว ศีลธรรมอันงดงามเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอด มาแต่บรรพบุรุษถูกลบให้ลางเลือนไปจากใจคน คนทุกวันนี้ก็สักว่าเป็นคน ไม่เห็นคุณงามความดีของบุคคลเป็น หนทางดำเนินไปสู่วิถีแห่งรักแท้ สุขเสพไปตามแต่จิตสันดานใฝ่ต่ำต้องการจนด้านชาชินจนรู้สึกปกติ ท้ายสุดชีวิต แสวงหาคำตอบให้กับคุณค่าแห่งตัวตนไม่เจอ อะไรคือความดี อะไรคือความรัก การเสนอสนองกันด้วยราคะคือ ความรักนั้นหรือ จึงมีคำที่ว่า "ไอ้ที่ดีไม่ได้ ไอ้ที่ได้ไม่ดี" :015:สิ่งแรก "รัก" เราต้องรักรู้เข้าใจในคุณค่าตัวตนเราเองก่อนให้ได้ เมื่อเรารักรู้ในตัวเอง เราจะรู้ใจนั้นว่าต้อง การอะไร รักอย่างไร ใครที่เราปรารภนา แบบไหน ก้าวดำเนินชีวิตเพื่อไปเจอะเจอกับ "ความรัก" นั้นอย่างไร จึงมีสุข ในความเติมเต็มของชีวิต เป็นบุญเป็นกุศลเป็นมงคลแก่ตัวแก่พ่อแม่ และอานิสงส์มีถึงลูกหลาน ให้แบบอย่าง ความรักที่น่าจดจำแก่เขา (ลูกหลาน) อย่างนั้น :015:ความรักได้อย่างนี้จะเป็นตำนานให้ตราตรึงไปตราบนานเท่านาน ทุกวันนี้ผมจะรักเคารพในพ่อแม่ รัก เคารพในผู้เฒ่าผู้แก่ รักในแบบอย่างที่พบเจอกับความรักที่จริงใจ หวังอานิสงส์ให้ตัวเองพบรักและมีครอบครัวที่ อบอุ่น แต่คงชาติหน้า ชาตินี้คงทำให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ และเพื่อนๆร่วมสหธรรมก่อน เพราะผมนั้นหวังพุทธภูมิ หรือจะลาไปซะก็ไม่รู้ เบื่อวัฏฏะ เบื่อสังคมที่จริงใจกันยาก แต่ผมยังโชคดีที่มีเว็บนี้เป็นหน้าต่างได้รู้จักเพื่อนๆที่มี คติในทิศทางเดียวกันให้พอเชื่อได้ว่า โลกนี้ยังมีคนที่ใจมีธรรมะอยู่อย่างน่าชื่นชม....สวัสดี หัวข้อ: สัมมาอะระหัง อะระหัง ( เป้าหมายที่แท้จริง ) เริ่มหัวข้อโดย: lastman ที่ มิถุนายน 21, 2010, 05:15:12 am ความรัก ก็คือ ความอาลัย ตัณหา กิเลส
บ่วงทั้ง 3 เป็นผู้บ่วงแห่งรัก 1.สาิมีภริยา หัตเถ สามี ภรรยา คือ บ่วงผูกข้อมือ 2.ปุตตัง คีเว บุตร คือ บ่วงผูกคอ 3.ธะนัง ปาเท ทรัพย์ คือ บ่วง ผูก ข้อเท้า ทั้ง 3 บ่วงให้ผล 2 อย่าง สุข และ ทุกข์ มี โลกธรรม เป็นเครื่องประกอบ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ นินทา อนาลโย ผู้ไม่มีอาลัย คือ พระอรหันต์ ผู้ที่ไม่มีอาลัย ผู้หนีไกลจากกิเลส ผู้ตรัสบ่วงแห่งมาร สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง อะระหัง อะระหัง อะระหัง :25: :25: :25: :25: |